ยักษ์ใหญ่โซเชียลร่วมสู้พวกสุดโต่ง
ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก ยูทูบของกูเกิล ทวิตเตอร์และไมโครซอฟท์แถลงเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ว่า กำลังร่วมมือกันก่อตั้งคณะทำงานที่จะใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อกำจัดคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายออกไปจากทุกแพลตฟอร์ม
เพื่อเป็นการขานรับแรงกดดันจากรัฐบาลทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายบ่อยครั้งขึ้น บริษัทเหล่านี้แถลงว่า จะแบ่งปันวิธีแก้ไขทางเทคนิคในการกำจัดคอนเทนท์ที่เชื่อมโยงกับการก่อการร้าย
การค้นคว้าวิจัยร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อมูล และทำงานกับผู้เชี่ยวชาญในการต่อต้านการก่อการร้ายให้มากขึ้น
การประชุมอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายจะมีรูปแบบและโครงสร้าง และพื้นที่ในอนาคตสำหรับความร่วมมือระหว่างบริษัทของเราและให้ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก กลุ่มพลเมืองในสังคมและนักวิชาการ รัฐบาลและองค์กรความร่วมมือในระดับสากล อย่างสหภาพยุโรปและองค์การสหประชาชาติ อ้างอิงจากแถลงการณ์ร่วมกันของทั้ง 4 บริษัท
โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดจากการเรียกร้องของประเทศชั้นนำในยุโรปให้กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจัดการประชุมในอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเครื่องมือในการปรับปรุงระบบป้องกันอัตโนมัติและกำจัดเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสุดโต่งออกไป
แรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ก่อให้เกิดเป้าหมายในการออกกฎข้อบังคับใหม่ของอียู แตตอนนี้มีเพียงเยอรมนีเท่านั้นที่ยื่นเสนอกฎหมายในการสั่งปรับผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียสูงถึง 50 ล้านยูโร หากไม่สามารถนำโพสต์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังออกจากแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าสภาผู้แทนราษฎรของเยอรมนีจะมีการโหวตผ่านร่างกฎหมายใหม่ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จะปรับปรุงงานทางด้านเทคนิค เช่น ฐานข้อมูลที่สร้างขึ้นในเดือนธันวาคม เพื่อแชร์ลายนิ้วมือดิจิทัล รวมทั้งวีดีโอหรือรูปภาพของคอนเทนท์ที่มีความรุนแรงสุดโต่ง
ในช่วงเดือนมิ.ย.เฟซบุ๊กเผยว่า จะพยายามนำเนื้อหาที่เชื่อมโยงกับการก่อการร้ายออกไปจากแพลตฟอร์ม เพื่อไม่ให้กลุ่มสุดโต่งเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากเฟซบุ๊กในการโฆษณาชวนเชื่อและรับสมัครคนเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มเพื่อก่อเหตุร้าย
ขณะที่กูเกิลประกาศเพิ่มมาตรการเพื่อพิสูจน์และกำจัดกลุ่มก่อการร้าย หรือคอนเทนท์ที่รุนแรงในยูทูบทวิตเตอร์เองก็จะยกเลิก 376,890 บัญชีผู้ใช้งานที่มีเนื้อหารุนแรงและส่งเสริมการก่อการร้ายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ทั้ง 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ได้เริ่มที่จะต่อต้านข้อความของความเกลียดชังในโลกออนไลน์ และจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อปรับปรุงขีดความสามารถและฝึกอบรมกลุ่มองค์กรพลเมืองสังคมที่เกี่ยวข้องในการใช้งานอย่างตอเนื่อง.