‘ทรัมป์’ เสี่ยงถูกถอดถอนก่อนครบวาระ
วอชิงตัน – เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการถูกถอดถอนอีกเป็นครั้งที่ 2 หนึ่งวันหลังจากบรรดากลุ่มผู้สนับสนุนเขาบุกก่อเหตุรุนแรงที่อาคารรัฐสภาเพื่อประท้วงชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน
ในขณะที่บรรดานักการเมืองจากพรรคเดโมแครตเรียกร้องให้เขาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ทรัมป์แสดงท่าทียอมรับอย่างเป็นทางการว่าเขาตระหนักดีว่าไบเดนจะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ และรับปากว่าจะมีการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น จากถ้อยแถลงของเขาในเย็นวันที่ 7 ม.ค.
โดยทรัมป์กล่าวประณามเหตุรุนแรงในวันที่ 6 ม.ค. เขาระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจลทำลายประชาธิปไตยของชาวอเมริกัน และต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง
ต่างจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ที่ทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า “เรารักคุณ คุณเป็นคนพิเศษมาก” และขอให้ทุกคนกลับบ้าน หลังจากก่อเหตุรุนแรงในอาคารรัฐสภาแล้ว
ในถ้อยแถลงวันที่ 7 ม.ค. ทรัมป์ระบุว่า “ เราเพิ่งผ่านการเลือกตั้งที่ตึงเครียด และความรู้สึกยังคงพลุ่งพล่าน แต่ตอนนี้ต้องใจเย็นลงและอยู่ในความสงบ”
แถลงการณ์ของเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากช่วงก่อนหน้านี้ โดยในช่วงหลังการเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย. เขากล่าวหาว่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามีการโกงการเลือกตั้งโดยไม่มีหลักฐาน จนถึงเช้าวันที่ 7 ม.ค. เขายังคงอ้างว่าถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งอยู่
เหตุจลาจลที่รัฐสภา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย รวมทั้งหญิงคนหนึ่งที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิง
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และชัค ชูเมอร์ ส.ว.จากพรรคเดโมแครตเรียกร้องให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนทรัมป์จากการที่เขายุยงปลุกปั่นให้เกิดเหตุจลาจล
ตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ให้อำนาจคณะรัฐมนตรีในการถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งได้ หากประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ที่ปรึกษาของเพนซ์ระบุว่า เพนซ์คัดค้านที่จะใช้บทบัญญัตินี้เพื่อถอดถอนทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวก่อนครบวาระ
ยังไม่ชัดเจนว่า ส.ส.เดโมแครตมีเวลาพอที่จะดำเนินการถอดถอนทรัมป์ได้ทัน เนื่องจากมีเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ที่ทรัมป์จะอยู่ในตำแหน่ง มีไม่กี่คนจากพรรครีพับลิกันที่เรียกร้องให้ถอดถอนทรัมป์ แม้กลุ่มที่มีอำนาจในพรรคจะเรียกร้องให้ทรัมป์ลาออกในเย็นวันที่ 7 ม.ค.ก็ตาม
หลายคนในรัฐบาลทรัมป์ทั้งอีเลน เคโอ รมว.คมนาคมและภริยาของมิตช์ แมคคอนเนล ส.ว.ผู้นำเสียงส่วนใหญ่่ของรีพับลิกันขอลาออกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านความรุนแรง รวมถึงเบตซีย์ เดอวอส รมว.ศึกษาธิการก็ยื่นขอลาออกเช่นกัน
สภาคองเกรศประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดนอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ม.ค.หลังจากมีการเคลียร์อาคารรัฐสภาหลังเหตุรุนแรงแล้ว
แหล่งข่าวระบุว่า ทรัมป์แยกตัวเองอยู่คนเดียวมากขึ้นในทำเนียบขาว และมักจะอยู่กับกลุ่มคนที่ภักดีกับเขาอย่างที่สุดเป็นกลุ่มเล็กๆ และโวยวายเพนซ์กับคนอื่นๆที่กล้าขัดเขา
แหล่งข่าวยังระบุว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ทรัมป์มักจะพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการนิรโทษกรรมให้ตัวเอง หลังจากเขาหมดอำนาจแล้ว ทรัมป์จะต้องถูกสอบสวนดำเนินคดีทางกฎหมาย รวมถึงคดีอาญาในนิวยอร์ก ซึ่งการอภัยโทษจากรัฐบาลกลางไม่ครอบคลุม