นโยบายเร่งด่วน ปฏิรูป SME สู้โควิด-19 !!
โควิด -19 ถือเป็นปัจจัยทั้งทางบวกและทางลบ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมทั่วโลก และเกิดคลื่นปฏิวัติ เอสเอ็มอี หรือ SMEs Disruption
ในปี 2564 รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญในการ ยกระดับ พัฒนา ส่งเสริม ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก อย่างเร่งด่วน
กสอ. หรือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงได้กำหนดนโยบายการดำเนินงานในปี 2564 เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการได้อย่างเต็มศักยภาพ ผ่าน นโยบาย “สติ : STI” ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยเร่งด่วนสำคัญ ได้แก่ ทักษะเร่งด่วน เครื่องมือเร่งด่วน และ อุตสาหกรรมเร่งด่วน
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดี กสอ. กล่าวพร้อมอธิบายต่อว่า ในเรื่อง ทักษะเร่งด่วน หรือ Skill ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งส่งเสริม เพราะในปี 2563 ที่ผ่านมา พบว่า เอสเอ็มอี จำเป็นต้องปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบธุรกิจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ทักษะที่จำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน คือ
ทักษะวิชาตัวเบา (Lean) ผ่านการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับรายได้ในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถดำเนินการกิจได้ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันจะต้องพัฒนาต่อยอดทักษะเดิม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง ทักษะการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการปรับใช้ในกระบวนการต่าง ๆ และทักษะความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าให้กับภาคอุตสาหกรรม
โดยกสอ. จะขยายผลศูนย์ Mini Thai-IDC ไปยังภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการพัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ในระดับท้องถิ่นไปสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วน เครื่องมือเร่งด่วน หรือ Tools ที่จะเป็นตัวช่วยเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประกอบไปด้วย แพลตฟอร์มออนไลน์ (DIProm มาร์เก็ตเพลส) รวบรวมผลิตภัณฑ์คุณภาพจากผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมจาก กสอ. เพื่อเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้า
ทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นิเวศอุตสาหกรรม โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายของผู้ประกอบการทั้งมิติเชิงอุตสาหกรรมและพื้นที่เพื่อสร้างความร่วมมือ ต่อยอดองค์ความรู้ และการยกระดับอุตสาหกรรม เงินทุนเพื่อการประกอบการ ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการประกอบกิจการ อาทิ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย การสนันสนุนเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งในกำกับของรัฐ และเอกชน
รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากภาพเอกชน เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับการดำเนินธุรกิจและก่อให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจได้ในอนาคต
และ อุตสาหกรรมเร่งด่วน หรือ Industry ที่มุ่งเน้นคือเกษตรอุตสาหกรรม จากข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม มูลการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป ระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2563 อยู่ที่ 243,855 ล้านบาท ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเพียงพอสำหรับการสนับสนุนในระยะเวลาเร่งด่วน เพื่อให้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ผ่านการยกระดับศักยภาพในภาคการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป การพัฒนานักธุรกิจเกษตร และการส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่หันมาประกอบอาชีพ และพัฒนาภาคการเกษตรให้มีศักยภาพ
รวมทั้งการพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบธุรกิจสู่กระบวนการผลิตที่มีมูลค่าสูงต่อยอดขยายผลเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งการส่งเสริมวิสาหกิจให้มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รองรับความต้องการของผู้บริโภค
การดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการในปี 2564 กสอ. ได้ปรับวิธีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จากเดิมที่ทำหน้าที่โค้ชชิ่ง ให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการ
ก็เปลี่ยนบทบาทมามุ่งเน้นการส่งเสริมในเชิงรุก โดยการเป็นผู้ปั้นปรุงเปลี่ยนเอสเอ็มอีให้ดีพร้อม หรือ เอสเอ็มอีดิสรับเตอร์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างทันท่วงที
และได้ตั้งเป้าหมาย ส่งเสริมผู้ประกอบการทั่วประเทศ 3,356 กิจการ พัฒนาทักษะกับบุคลลากรในภาคอุตสาหกรรม 13,375 คน ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน 177 กลุ่ม และพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพเพิ่มขึ้น 982 ผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในไทยให้มีความเข้มแข็ง ด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท
ซึ่งก็ต้องจับตากันต่อไปว่า “นโยบายเร่งด่วน” ดังกล่าวจะสามามารถ ปฏิรป SME ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้จริง…ตามที่ตั้งเป้าหมายได้หรือไม่ !!!