“ยิ่งลักษณ์” กลับไทยตามรอย “ทักษิณ” ล้มดีลเก่า-ลุ้นดีลใหม่
“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” กลับไทยกี่โมง คอการเมืองจับตารอคอยด้วยใจระทึก หลังจาก “นายกฯผู้พี่” เปล่งวาจาสิทธิ์ – ขีดเส้น ต.ค.ปีนี้ หรือ สงกรานต์ปีหน้า
คำใหญ่ประโยคนี้ หากผลิตขึ้นหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 49 กับ 22 พฤษภาคม 57 คงไม่มีใครเชื่อว่า “นายกฯสองพี่น้อง” ที่ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ต่างแดนจะได้กลับประเทศไทยแบบถาวรและไม่โดน “ขังลืม” มิหนำซ้ำพรรคเพื่อไทยยังได้ครองอำนาจเป็นรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แต่เมื่อมี “ศัตรูคนเดียวกัน” ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้และมีแนวโน้มที่รัฐบาลเพื่อไทยและ “นายกฯเครือข่ายชินวัตร” จะอยู่ในอำนาจไปได้ในระยะหนึ่งจนกว่า “ปีกอนุรักษนิยม” จะหมดเสี้ยนหนาม
ตามรอย “ทักษิณโมเดล”
ทวนความจำ-ย้อนศรเส้นทางของ “ทักษิณ” กลับไทยครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังจากเครื่องบินส่วนตัว เตะรันเวย์สนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปที่ศาลฎีกา สนามหลวง เพื่อรายงานตัวต่อศาลเนื่องจากนายทักษิณต้องคำพิพากษาให้จำคุก 3 คดี รวม 8 ปี หลังจากนั้นนำตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากเป็นนายทักษิณมีโรคประจำตัว-อายุมาก ทำให้ต้อง “แยกขัง” ไว้ที่ “แดนพยาบาล” ไม่ถึง 24 ชั่วโมงได้นำตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 และได้รับอภัยโทษเหลือจำคุก 1 ปี ก่อนจะจำคุกนอกเรือนจำ-คุมประพฤติที่บ้านจันทร์ส่องหล้า รอวันพ้นโทษในวันที่ 22 สิงหาคม 67
ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ “ทักษิณโมเดล” กลายเป็นนวัตกรรมยุติธรรม-ระบบบริหารโทษแนวใหม่ที่ออกแบบมาอำนวยความสะดวก-ปูทางให้กับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” กลับไทย-เข้าเรือนจำโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว นับตั้งแต่ภาพคนเสื้อแดงไปรอให้กำลังใจที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อสู้คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 แต่ “จำเลยที่ 1” ไม่มาศาล โดยให้เหตุผลว่า “น้ำในหูไม่เท่ากัน” และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย การกลับบ้านของ “ยิ่งลักษณ์” ครั้งนี้จะเป็นการเดินตามรอย “โมเดลพี่ชาย” กลับไทยครั้งแรกในรอบ 7 ปี
จำคุก 5 ปี คดีจำนำข้าว ชนักปักหลัง
ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลราวกลับว่า “ฟ้าเปิด” ให้กับยิ่งลักษณ์เดินทางกลับบ้านได้อย่างเท่ห์ ๆ เหมือนกับ “นายกฯพี่ชาย” เพราะคดีความต่าง ๆ ที่ติดตัวยิ่งลักษณ์ลี้ภัยไปต่างแดนต่างโบกมือลา-ขอแยกทาง โดยศาลฎีกาแผนกคคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง “ยกฟ้อง” คดีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมช.เข้ากรุไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และคดีที่ศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้อง “คดีโรดโชว์”
ทว่าเส้นทางของยิ่งลักษณ์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยังมีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก 5 ปี ในคดีโครงการรับจำนำข้าวในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็น “ชนักปักหลัง” นอกจากนี้ยังมี “คดีค้างเก่า” ที่อยู่ในชั้นอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.กรณีที่ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีขณะนั้นอนุมัติจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับบริษัทเอกชน และหากจะให้ถึงที่สุด ขณะนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างพิจารณาคำพิพากษา “คดีโรดโชว์” เพื่อตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
ติดคุกทิพย์ภาคสอง
เมื่อถึงเวลาที่ยิ่งลักษณ์กลับถึงไทยทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ทั้งคดีความ-ระเบียบราชทัณฑ์ฉบับใหม่ เนื่องจาก “ระเบียบเก่า” ไม่เข้าเงื่อนไขในเรื่องสุขภาพและอายุ เพื่อให้จำคุกนอกเรือนจำ โดยใช้สถานที่เสมือนห้องขังเป็นที่คุมประพฤติ ซึ่ง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตีปลาหน้าไซ-ดักคอ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรียุติธรรมในการอภิปรายแบบไม่ลงมติในสภาว่า มีการประชุมคณะกรรมการราชทัณฑ์ไปแล้ว 1 ครั้ง เมื่อ 11 มกราคม 67 กำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิถูกคุมขังนอกเรือนจำ-ติดคุก โดยรวมคดีทุจริต – มาตรา 157 เข้าไปด้วย
แม้กระทั่งแผนสอง-แผนสามในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมทางการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยต้องเตรียม “แผนสำรอง” ไว้ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” มือกฎหมายของพรรคเพื่อไทยนั่งหัวโต๊ะ อยู่ระหว่างวางขอบเขตของกฎหมาย โดยครอบคลุมการกระทำความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ พ.ศ. 2548-2567 จำนวน 25 มูลฐานความผิดที่เป็น “แรงจูงใจทางการเมือง”
ล้มดีลเก่า-ลุ้นดีลใหม่
การกลับไทยของ “ทักษิณ” เต็มไปด้วยข้อคำถาม-ข้อกังขามากมายถึง “ดีลลับ” กับ “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ที่ปัจจุบันยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ไหลไปตามธรรมชาติ-ทฤษฎีสบคบคิดเพื่อสกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้เป็นรัฐบาล-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เป็น “นายกฯคนที่30” หรือมีการพูดคุยกันอย่างลับ ๆ – มีข้อแลกเปลี่ยน ที่ทั้งสองฝ่ายต่างปฏิเสธไม่ได้ จนนำไปสู่การที่ “สว.สายลุงตู่” โหวตให้ “นายกฯเพื่อไทย” เป็นนายกรัฐมนตรี
ดีลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว เพื่อไทยจับมือ “พรรคทหาร” เป็นรัฐบาลผสม-เศรษฐาเป็นนายกฯ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน กำลังจะหมดโปรโมชั่น หลังจากทักษิณได้กลับแดนมาตุภูมิ ประกอบกับ “สว.ชุดเฉพาะกาล” จะหมดวาระในเดือนพฤษภาคมนี้ “เปิดทาง” ให้มีการ “เปิดโต๊ะเจรจา” กับ “กลุ่มอำนาจเก่า” อีกครั้ง เพื่อล้มดีลเก่า-ลุ้นดีลใหม่ โดยมีเก้าอี้ตัวใหญ่-บัลลังก์ประมุขตึกไทยคู่ฟ้าวางเดิมพัน และ “ออปชั่นเสริม” เป็น “เก้าอี้รัฐมนตรีความมั่นคง” เปิดทางให้ “ยิ่งลักษณ์” กลับบ้าน โดยมี “วิบากกรรมเก่า” ของยิ่งลักษณ์ที่มีคดีอยู่ในองค์กรอิสระเป็นตัวประกัน