อัลเฟรโด เอ็นเตอร์ไพรส์ (Alfredo) ชูกลยุทธ์ Music Marketing
บริษัท อัลเฟรโด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง และแช่เย็น พร้อมรับประทาน โดยจัดจำหน่ายผ่านทาง7-11,แฟมิลี่ มาร์ท,จิฟฟี่และอื่นๆ และยังจัดจำหน่ายไปยัง ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต และ ฟู๊ดเซอร์วิส ชั้นนำ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น สิงค์โปร์ และอาเซียน ภายใต้แบรนด์ นีโอ พิซซ่า บาย อัลเฟรโด (Neo Pizza by Alfredo),ชีสแท่งทานเล่น ภายใต้แบรนด์ บีรูก้า (B’Ruga)และเค้ก แช่แข็งภายใต้แบรนด์” ครีเอโตะ สวีท” (Creato’ Sweet) รวมไปถึงสินค้าอื่นๆอีกมากมายภายใต้บริษัท อัลเฟรโด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
นายอมรเทพ อสีปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลเฟรโด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ได้เปิดเผยว่า “จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 ทำให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป หรือ new normal หลายๆ บริษัท ต้องให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือ work from home และหลายๆ ร้านอาหารไม่สามารถนั่งทานได้ การสั่งอาหารทางดิลิเวอรี่ จึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก รวมทั้งอาหารทานเล่น ซึ่งร้านสะดวกซื้อเป็นช่องทางที่ผู้บริโภค สามารถเข้าถึงได้รวดเร็ว และง่ายที่สุด ดังนั้น ตลาดอาหารทานเล่น คาดว่าจะมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นทุกปี แต่อาหารทานเล่นต้องเป็นอาหารที่แปลกใหม่ สะอาด สะดวก รวดเร็ว
สำหรับในปลายปีนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์สำหรับแบรนด์ แบรนด์ นีโอ พิซซ่า บาย อัลเฟรโด “ (Neo Pizza by Alfredo)” โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างภาพจำให้ผู้บริโภคทั้งลูกค้าปัจจุบันของบริษัท และ กลุ่มลูกค้าใหม่ ให้จดจำ, และระลึกถึงสินค้าพิซซ่า ของบริษัท ที่มีรสชาดอร่อย คุ้มค่าด้วยวัตถุดิบชั้นดี และ มีรูปทรงเฉพาะ เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ทั้งสินค้า และแพ็คเกจ ภายใต้แนวคิด “พิซซ่า สามเหลี่ยม” ซึ่งมีจำหน่ายในตู้แช่เย็น ของร้านค้าสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาร์เก็ต ชั้นนำของเมืองไทย โดยใช้งบลงทุนทางด้านการตลาดไปประมาณ 5.0 ล้านบาท โดยมีการนำ Music Marketing มาเป็นจุดขายผ่านทางภาพยนตร์โฆษณาผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดีย คือ Facebook และ Tik Tok สร้างความโดดเด่นด้วยการใช้เพลง แร๊พ ประกอบกับท่าเต้น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำได้ง่ายๆ โดยใช้สโลแกนว่า “สามเหลี่ยม นีโอพิซซ่า เด็ดทุกหน้าชีสยืดทุกคำ” เพื่อสร้างความจดจำได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงนำเสนอถึงจุดขายที่ชัดเจนของแบรนด์
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมร่วมสนุกกับลูกค้า ภายใต้โครงการ “ Alfredo -Dance Challenge” โดยเจาะกลุ่มเป้าหมาย ชาย หญิง คนไทย อายุ 18-30 ปี อาชีพ นักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน ผ่านช่องทาง Tik Tok เพื่อให้เกิดการรับรู้และตอกย้ำ สโลแกน ของบริษัท โดยให้ประกวดท่าเต้น ที่ได้รับการกด like มากที่สุด จะได้รับรางวัลเป็น true money wallet คนละ 3,000 บาท จำนวน 50 รางวัล มูลค่ารวม 150,000 บาท ซึ่งเงินรางวัลก็เข้ากับยุคสมัยที่มีการขยายตัวของการใช้เงิน ดิจิตอล กันมากขึ้น
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การขยายช่องทางการตลาดที่กำลังจะเพิ่มขึ้นนั้น เบื้องต้นเรายังคงเน้นจัดจำหน่ายผ่านทางร้านสะดวกซื้อเป็นหลักโดยเน้นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ตลอดเวลา พร้อมกันนี้เราก็ยังจะเตรียมจะเปิดตลาดไปยังกลุ่ม AEC ได้แก่ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียดนาม ซึ่งประเทศดังกล่าว มีความนิยมในสินค้าที่มาจากประเทศไทยเป็นอย่างมากซึ่งเราคาดหวังว่าในปีหน้าเราจะโตจากเดิมกว่า 25%”คุณอมรเทพกล่าวทิ้งท้าย