ไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ส่งออกเดือน ม.ค. พุ่งจากทองคำ

ตัวเลขส่งออก ม.ค. 2025 ขับเคลื่อนจากทองคำ วัฏจัก อิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น การเร่งส่งออกหวั่นสงครามการค้า
มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ม.ค. 2025 เร่งตัวสูงถึง 13.6%YOY อยู่ที่25,277 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เร่งขึ้นจาก 8.7% ในเดือนก่อน โดยตัวเลขเดือนนี้สูงกว่าคาดการณ์มาก (SCB EIC ประเมินที่ 6.9% และค่ากลาง Reuters Poll 7.2%)สาเหตุหลักมาจากการส่งออกทองคำ วัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และการเร่งส่งออกก่อนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลเป็นวงกว้าง
มูลค่าการส่งออกไทยเดือน ม.ค. ปี 2025 ขยายตัวดี สาเหตุหลักมาจากการส่งออกทองคำและประเด็นพิเศษเกี่ยวกับทองคำ โดยการส่งออกทองคำขยายตัวสูงมากถึง 148.9% เทียบกับ 7.2% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะตลาดสวิตเซอร์แลนด์ (5,716.1%) และสิงคโปร์ (2,577.9%) นอกจากนี้ SCB EIC ยังพบประเด็นพิเศษว่า การส่งออกสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ ขยายตัวมากถึง 3,418.1% ซึ่งเกือบทั้งหมดส่งออกไปยังตลาดอินเดีย สำหรับประเด็นพิเศษที่เกิดขึ้นนี้ SCB EIC ประเมินว่า แท้จริงแล้วเป็นการส่งออกทองคำในรูปของทองคำผสมแพลทินัมในสัดส่วนไม่มากเพื่อประโยชน์ทางภาษีของผู้นำเข้าอินเดีย โดยผลจากการส่งออกทองคำ รวมถึงสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ พิเศษนี้ มีส่วนทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยเดือน ม.ค. 2025 ที่ขยายตัวสูงถึง 13.6% ขยายตัวมากถึง 7.4% นั่นคือ มูลค่าการส่งออกที่ไม่รวมทองคำ (สะท้อนกิจกรรมการส่งออกที่เกิดขึ้นจริง) โตเพียง 6.2%
ประเด็นพิเศษเกี่ยวกับทองคำที่เห็นนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากทางการอินเดียได้ปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าทองคำ เงิน แพลทินัม อัญมณี และเครื่องประดับต่าง ๆ หลายครั้งในช่วงปี 2022 – 2024 เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าทองคำและสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศ สำหรับการปรับปรุงในปี 2024 ได้เปิดช่องว่างทางกฎหมายให้ผู้นำเข้าทองคำในอินเดียบางส่วนหันมานำเข้าทองคำผสมแพลทินัมและเงินมากขึ้น ซึ่งเกณฑ์ปรับปรุงใหม่นี้กำหนดไว้ว่า ทองคำที่มีส่วนผสมของแพลทินัมหรือเงินไม่ต่ำกว่า 2% จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) จะเสียอัตราภาษีนำเข้าต่ำกว่าการนำเข้าทองคำปกติ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอินเดีย – UAE ส่งผลให้อินเดียนำเข้าทองคำผสมแพลทินัม (Platinum, unwrought or in powder form: in lumps, ingots, cast bars or in powder form) จากประเทศ UAE เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับปกติราว 3 – 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สู่ระดับ 103.3ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน มิ.ย. 2024 และ 668.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ก.ค. 2024
ในวันที่ 24 ก.ค. 2024 ทางการอินเดียจึงได้ปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาช่องว่างทางกฎหมายในการนำเข้าทองคำผสมแพลทินัมหรือเงินจาก UAE ผู้นำเข้าอินเดียจึงเปลี่ยนกลยุทธ์การนำเข้าทองคำผสมแพลทินัมจากแทนซาเนีย แอฟริกาใต้ และไทยแทน เพื่อให้เสียอัตราภาษีนำเข้า 0% ตาม Duty Free Tariff Preference (DFTP) Scheme by India for LeastDeveloped Countries และความตกลงการค้าเสรี อาเซียน – อินเดีย ส่งผลให้ไทยส่งออกโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมากจากปกติที่ราว 20 – 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สู่ระดับ 113.6, 486.2 และ 998.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. 2024 และเดือน ม.ค. 2025 ตามลำดับอย่างไรก็ดี ทางการอินเดียเห็นถึงปัญหาช่องว่างทางกฎหมายเรื่องนี้และประกาศจะปรับปรุงกฎหมายนี้ในวันที่ 1 พ.ค. 2025
ส่งออกเดือน ม.ค. โตดีเกือบทุกหมวด ยกเว้นสินค้าเกษตร
หากพิจารณารายหมวด พบว่า (1) สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 17% เติบโตต่อเนื่อง 10 เดือน เทียบกับเดือนก่อนที่ 11.1% โดยอัญมณีและเครื่องประดับหักทอง, ทองคำยังไม่ขึ้นรูป, เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์, อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เครื่องปรับอากาศ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เป็นสินค้าหลักที่ขยายตัว ขณะที่เหล็ก,เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นสินค้าหลักที่หดตัว (2) สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวชะลอลงเหลือ 3% ต่ำกว่าเดือนก่อนที่ 6.7% โดยผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัวดี ขณะที่เครื่องดื่มหดตัว (3) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงกลับมาขยายตัว 0.3% หลังจากหดตัวติดต่อกัน 4 เดือน โดยเฉพาะเดือนก่อนที่หดตัวมากถึง -33.7% โดยน้ำมันดิบขยายตัว น้ำมันสำเร็จรูปหดตัวน้อยลง -4.3% หลังจากหดตัวแรง -29.8%, -21.4%, -16.3% และ -33.7% ในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2024 ตามลำดับ และ (4) สินค้าเกษตรกลับมาหดตัว -2.2% หลังขยายตัวสูง 10.7% ในเดือนก่อน และขยายตัวติดต่อกัน 6 เดือน โดยเฉพาะยางพารา ขณะที่ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และข้าว หดตัว (รูปที่ 1 และ 2)
การส่งออกไปสหรัฐฯ อินเดีย และสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวดี จากแรงหนุนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ขณะที่ส่งออกไปจีน EU28 และ CLMV ชะลอตัว
หากพิจารณารายตลาดหลัก พบว่า (1) ตลาดอินเดียขยายตัวสูง 129.8%เพิ่มกว่า 2 เท่า เทียบกับเดือนก่อนที่ 62.7% โดยจำนวนสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูงมี 12 ใน 15 รายการ โดยเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับที่ขยายตัวมากถึง 1,846% สูงกว่าเดือนก่อนเกือบ 3 เท่า และคิดเป็น 57.1% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปอินเดียในเดือนนี้ (2) ตลาดสวิตเซอร์แลนด์กลับมาขยายตัว 852.7% หลังจากหดตัว -78.1% เดือนก่อน จากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่ขยายตัวสูง 2,822% คิดเป็น 93.5% ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมดไปสวิตเซอร์แลนด์เดือนนี้ (ทองคำยังไม่ขึ้นรูปขยายตัวมากถึง 5,716%) (3) ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวดีต่อเนื่อง 22.4% จาก 17.5% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวมากถึง 77.9%, 42.6%, 40.6% และ 33.7% ตามลำดับ อีกทั้ง การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวมากถึง 36.4% (4) ตลาดจีนชะลอตัวบ้าง 13.2% เทียบกับ 15.0% ในเดือนก่อนโดยอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ, ยางพารา, ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม และผลิตภัณฑ์ยางเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวมาก 4,311.7%, 211.1%, 96.2%, 95.77% และ 85.5% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่หดตัว (5) ตลาดยุโรปขยายตัวชะลอลงเหลือ 13.2% จาก 21.7% ของเดือนก่อน จำนวนสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวลดลง 10 ใน 15 รายการสำคัญ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวมากถึง 118.3% ขณะที่รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบหดตัว-39.4% และ (6) ตลาด CLMV ชะลอตัวลงมากเหลือ 5.2% จาก 20.7% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกไปเวียดนามและเมียนมายังคงขยายตัว 16.4% และ 14.7%ตามลำดับ แต่ตลาดลาวหดตัวเล็กน้อย -0.5% ตลาดกัมพูชาหดตัว -7.3% โดยเฉพาะอัญมณีเครื่องประดับหดตัว -44.4% (รูปที่ 4)
นำเข้าเดือนมกราคมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ยกเว้นเชื้อเพลิงที่นำเข้าลดลง
มูลค่าการนำเข้าสินค้าไทยเดือน ม.ค. อยู่ที่ 27,157.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวชะลอลงเหลือ 7.9% (SCB EIC ประเมิน 3.7% ขณะที่ Reuters Poll มีค่ากลางของการคาดการณ์ 3%) เทียบกับ 14.9% ในเดือนก่อน แต่ยังขยายตัวต่อเนื่อง 7เดือน โดยการนำเข้าอาวุธและยุทธปัจจัย, สินค้าทุน, สินค้าอุปโภคบริโภค,สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป และยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งขยายตัว52.1%, 17.8%, 9.0%, 4.2% และ 1.4% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สินค้าเชื้อเพลิงยังหดตัวเล็กน้อย -1% สำหรับดุลการค้า (ระบบศุลกากร) เดือน ม.ค. ขาดดุล -1,881.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
SCB EIC ประเมิน มูลค่าการส่งออกสินค้าจะโตดีต่อเนื่องในไตรมาสแรกปีนี้
SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกไทยในไตรมาสแรกจะขยายตัวดีตามแรงส่งจากปีก่อน อานิสงส์วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น แนวโน้มการเร่งสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าก่อนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงราคาสินค้าส่งออกกลุ่มน้ำมันและกลุ่มเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มขึ้น เช่น พลาสติกและปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2025 จากอากาศหนาวมากกว่าคาด ปัจจัยฐานต่ำในเดือน มี.ค. 2024 ที่หดตัวสูง -10.5% และการส่งออกทองคำในรูปแบบโลหะอื่นไปยังอินเดียก่อนจะปรับปรุงเกณฑ์ช่องว่างการนำเข้าทองคำ
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันต่อการส่งออกไทยจะเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้แก่
1) แนวโน้มเศรษฐกิจโลกขยายตัวชะลอลง จากผลนโยบายกีดกันการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายพรมแดน ที่จะเกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ส่งผลให้บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังปี 2025 จากผลกระทบนโยบายกีดกันการค้าในโลก รวมถึงผล Front load การเร่งผลิตและส่งออกในช่วงปลายปี 2024 และต้นปี 2025 หมดลง
2) ความต้องการสินค้าขั้นกลางที่ไทยส่งออกไปจีนเพื่อผลิตเป็นสินค้าขั้นปลายอาจชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าขั้นปลายที่จีนส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาจีนผลิตล้นตลาด (China’s overcapacity)
จะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในตลาดโลก กดดันความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทยในการส่งออกและสินค้าผลิตขายในประเทศ
3) ราคาน้ำมันและกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น พลาสติกและปิโตรเคมี มีแนวโน้มลดลง จากนโยบายเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ โดย SCB EIC มองว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปี 2025 จะอยู่ที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่ำกว่าปีก่อนที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
4) ปัจจัยฐานสูง การส่งออกปี 2024 ขยายตัวสูงถึง 5.4% โดยเฉพาะไตรมาส 3 และ 4 ที่ขยายตัวมากถึง 7.5% และ 10.5% ตามลำดับ (ตัวเลขระบบศุลกากร)
ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่า การส่งออกของไทยปีนี้มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ เนื่องจากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน และอันดับที่ 11 ของประเทศคู่ค้าสหรัฐฯ ทั้งหมด (เทียบกับอันดับ 12 ในปี 2024) โดยไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2017 ช่วงก่อนเกิดสงครามการค้ารอบแรก (รูปที่ 6) นอกจากนี้ SCB EIC ประเมินว่า ไทยอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ไตรมาส 2 เนื่องจาก ไทยเก็บอัตราภาษีนำเข้า Most Favored Nation (MFN) สูงกว่าสหรัฐฯ และค่าเฉลี่ยโลก (รูปที่ 7) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากที่เคยประเมินไว้
ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินแนวโน้มการส่งออกไทยปี 2025 (ณ พ.ย. 2024) ที่ 2% (ข้อมูลระบบดุลการชำระเงิน) โดย SCB EIC อยู่ระหว่างการทบทวนและเผยแพร่มุมมองใหม่ในเดือน มี.ค. นี้







ผู้เขียนบทวิเคราะห์

ภาวัต แสวงสัตย์ นักเศรษฐศาสตร์

วิชาญ กุลาตี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ttb analytics ประเมินตลาดเสริมความงามไทยปี 2568 โตต่ำ