ครม.ปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะ กู้เพิ่ม 2 แสนล้าน รวมทะลุ 1 ล้านล้าน
ครม.อนุมัติปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะ ปี 2567 กู้เพิ่ม 2 แสนล้าน รวมทะลุ 1 ล้านล้าน
วันที่ 2 ก.ค.67 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
1)การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ (แผนฯ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 2 ประกอบด้วย
(1) แผนก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่มสุทธิ 275,870.08 ล้านบาท (จากเดิม 755,710.63 ล้านบาท เป็น 1,030,580.71 ล้านบาท)
(2) แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับเพิ่มสุทธิ 33,420.32 ล้านบาท (จากเดิม 2,008,893.74 ล้านบาท เป็น 2,042,314.06 ล้านบาท)
(3) แผนการชำระหนี้ ปรับเพิ่มสุทธิ 54,555.17 ล้านบาท (จากเดิม 399,613.70 ล้านบาท เป็น 454,168.87 ล้านบาท)
โดยมีรายละเอียด เช่น (1) การปรับเพิ่มวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน) จำนวน 269,000 ล้านบาท (2) การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2571 จำนวน 50,000 ล้านบาท (3) การปรับเพิ่มวงเงินแผนการชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 29,200 ล้านบาท และ (4) การปรับเพิ่มวงเงินแผนการชำระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 25,339.17 ล้านบาท เป็นต้น
2)การบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 2 จำนวน 32 โครงการ/รายการ เช่น (1) โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาพังงา-(ทับปุด) อำเภอเมืองพังงา-ทับปุด จังหวัดพังงา จำนวน 8.19 ล้านบาท (2) โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 จำนวน 795 ล้านบาท และ (3) ตั๋วเงินคงคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 40,000 ล้านบาท เป็นต้น
3)ให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 2 แห่ง คือ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ [Debt Service Coverage Ratio (DSCR)] ต่ำกว่า 1 เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ปรับปรุง ครั้งที่ 2 โดยให้ ธพส. และ รฟท. รับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่บรรจุกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ปรับปรุง ครั้งที่ 2 เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฯ ดังกล่าวด้วย
4)มอบหมายสำนักงบประมาณ (สงป.) ให้รับข้อสังเกตในประเด็นเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณในส่วนของต้นเงินและดอกเบี้ยของหนี้รัฐบาลและหนี้รัฐวิสาหกิจให้เพียงพอและสอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณนั้น โดยควรจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระต้นเงินกู้เฉพาะในส่วนหนี้รัฐบาลให้อยู่ระหว่างร้อยละ 2.5 ถึงร้อยละ 4 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี