รัฐบาลแนะแม้เลิกบังคับใส่หน้ากากอนามัยแล้ว แต่ยังต้องตั้งการ์ดสูง
โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” แนะประชาชนพิจารณาประโยชน์ด้านสุขอนามัยของ “การสวมหน้ากาก” แม้ข้อกำหนดการผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัยให้เป็นไปตามความสมัครใจมีผลแล้ว พร้อมมอบ สธ. เร่งสร้างความเข้าใจประชาชนกลุ่ม 608 เห็นความสำคัญการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดผู้ติดเชื้อสูง ลดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกัน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฝากถึงประชาชนพิจารณาใช้ประโยชน์ด้านสุขอนามัยของการสวมหน้ากากอนามัย แม้ข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 46) ได้เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ให้ผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัย ให้เป็นไปตามความสมัครใจมีผลแล้ว อย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากากอย่างถูกวิธี ตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ยังคงมีประโยชน์ด้านสุขอนามัยในการป้องกันการแพร่และการรับเชื้อ ทั้งเชื้อโรคโควิด-19 รวมทั้งโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ทำให้ตนเองและผู้อื่นมีความปลอดภัยด้านสุขภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังสูง อาทิ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี อุบลราชธานี สมุทรปราการ เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น สร้างภูมิคุ้มกัน ลดการแพร่ระบาด ลดอาการป่วยหนัก และการเสียชีวิต จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข รายงาน ภาพรวมการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้เพียง 42.3 % ซึ่งยังห่างจากเป้าหมาย 60 %
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,313 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,309 ราย และผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย ผู้เสียชีวิต 16 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัว 22,458 ราย และมียอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 1,489 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วย ยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 จำนวน 2,286,106 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสมจำนวน 2,288,030 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 602 ราย ขณะที่ภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนผู้ที่ได้รับได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 23 มิ.ย. 65 รวม 139,374,007 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 56,936,693 โดส ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 53,074,198 โดส ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 25,422,035 โดส และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 สะสม 3,941,081 โดส