“Miss Parfum” ก้านไม้หอมอโรม่าสูตรเฉพาะที่มีเอกลักษณ์
เส้นทางที่ทอดยาวของความสำเร็จในการทำธุรกิจมักจะมีอุปสรรคให้ได้ทดสอบผู้ที่กำลังก้าวเดินไปเสมอ ใช่ว่าจะก้าวเดินไปถึงเส้นชัยได้โดยง่าย แต่สิ่งที่สำคัญระหว่างการเดินทางก็คือพลังกาย และพลังใจในการยืนหยัด เพื่อต่อสู้กับทุกอุปสรรคที่คืบคลานเข้ามาโดยไม่มีการเขียนสคริปไว้ล่วงหน้า
“กมลทิพย์ ตังคณิกะ” คือสาวสวยคนเก่งที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆที่ก้าวเข้ามาในแต่ละช่วงของการทำธุรกิจของเธอ แม้ว่าการ Startup ธุรกิจแรกของเธอจะต้องถูกพับเก็บไป เพราะปัจจัยภายนอกที่เข้ามารุมเร้าจนไปต่อไม่ไหว แต่ตัวเธอก็เลือกที่จะไม่ท้อ และพยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา เพื่อให้กลับเข้ามาสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จของธุรกิจที่กำลังรอตัวเธออยู่
เริ่มเส้นทางธุรกิจ
“กมลทิพย์” เจ้าของธุรกิจก้านไม้หอมอโรม่าแบรนด์ “มิสพาฟูม” (Miss Parfum) เล่าถึงจุดเริ่มต้นแห่งการเข้าสู่เส้นทางของการทำธุรกิจของตัวเธอว่า ตัวเธอนั้นสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และมีโอกาสได้เข้าไปทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยระหว่างที่ทำงานอยู่ก็ได้หาเวลาไปศึกษาเพิ่มเติมในระดับปริญญาโท ซึ่งในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่นั้น ก็ได้รับแรงบันดาลใจหลายอย่างจากอาจารย์ผู้สอน ที่ทำให้ตัวเธอต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจให้ได้ในสักวันหนึ่ง
หลังจากนั้นตัวเธอก็เริ่มมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกมา โดยกลับมานั่งระดมความคิดว่าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์อะไรที่สามารถขายได้ทุกวัน และที่สำคัญต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ดังนั้น ธุรกิจแรกของตัวเธอก็คือเครื่องดื่มกลิ่นมะลิ (Jasmine Aroma Drink) แบรนด์ “ไทยรีเฟรซ” (Thai refresh) ซึ่งมีไอเดียมาจากสมัยตอนเด็กที่คุณปู่ คุณย่า หรือคุณตา คุณยายมักจะนำในโอ่งแล้วลอยด้วยดอกมะลิมาให้ดื่ม และตัวเธอรู้สึกชอบ เรียกได้ว่าติดกลิ่นมะลิเลยก็ว่าได้
ทั้งนี้ เมื่อแนวคิดตกผลึกได้ที่ ตัวเธอจึงเริ่มวิจัยและพัฒนา (R&D) ในช่วงระยะเวลาหนึ่งจนกลายเป็นเครื่องดื่มกลิ่นมะลิบรรจุขวดพร้อมดื่มในที่สุด เพื่อความสะดวกของผู้บริโภคในการรับประทาน แต่ด้วยความที่ตัวเธอไม่ได้มีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง ทำให้ต้องพบกับปัญหาในการผลิตที่ไม่สามารถควบคุมได้ พอมีออเดอร์เข้ามาจำนวนมากก็ไม่สามารถผลิตให้ได้ทันตามความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลยังได้มีการออกภาษีเครื่องดื่ม ซึ่งส่งผลทำให้ต้นทุนในการผลิตน้ำดื่มของตัวเธอสูงขึ้น ผลิตและจำหน่ายไปอย่างไรก็ได้แค่เสมอตัว ดังนั้น ตัวเธอจึงคิดว่าน่าจะต้องมีผลิตภัณฑ์อะไรอีกสักอย่างหนึ่งออกมา เพื่อให้เป็นการเกื้อหนุนกัน ทำธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ธุรกิจในลำดับถัดไปของตัวเธอก็คือผลิตภัณฑ์สมูทตี้เพื่อสุขภาพแบรนด์ “ลามุนเลิฟเวอร์” (LA’MUNLOVER) ที่ตัวเธอสร้างขึ้นมาเป็นรูปแบบของแฟรนไชส์
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ต้องการให้สมูทตี้ของตัวเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นสมูทตี้ของตัวเธอจึงออกมาในรูปแบบที่เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Functional Drinks) โดยมีสูตรเฉพาะตัวจากการนำสรรพคุณเฉพาะด้านของผัก หรือผลไม้นั้นๆ มาเป็นจุดขาย แต่จุดเด่นที่สำคัญก็คือ การใส่ส่วนผสมของคอลลาเจน (Collagen) ,เวย์โปรตีน (Whey Protein) และแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) ลงไปในเครื่องดื่มด้วย
ธุรกิจสะดุดเพราะโควิด-19
กมลทิพย์ บอกต่อไปอีกว่า ทั้ง 2 ธุรกิจสามารถดำเนินคู่กันมาได้ด้วยดี และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันอีกครั้งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ในช่วงปลายปี 62 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 63 โดยส่งผลกระทบต่อไลน์การผลิตเครื่องดื่มกลิ่นมะลิ ส่วนสมูทตี้มาได้รับผลกระทบอย่างหนักช่วงเดือนมีนาคม ทำให้ธุรกิจของตัวเธอต้องหยุดชะงักไปพร้อมๆกัน เพราะทุกคนต้องทำตามนโยบาย อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ตัวเธอต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านก็ได้มีโอกาสคิดทบทวนเรื่องการทำธุรกิจ เพื่อหาข้อบกพร่อง อุปสรรคที่พบเจอ แล้วเขียนออกมาเป็นข้อๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้กับตัวเธอเอง เพราะตัวเธอมองเห็นว่าในขณะที่ธุรกิจของเธอต้องหยุดชะงักลง แต่ยังมีธุรกิจอื่นที่สามารถเติบโตได้ คำตอบที่ได้รับการคือการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งตัวเธอจะต้องสร้างประโยชน์จากช่องทางดังกล่าวนี้ให้จงได้ ประเด็นต่อมาก็คือจะทดลองรับผลิตภัณฑ์จากผู้อื่นมาจำหน่ายก่อน หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองขึ้นมาจำหน่ายเลย
ด้วยความที่ตัวเธอเป็นคนชอบคิดสร้างสรรค์อะไรไปเรื่อย ประกอบกับที่มองเห็นคนใกล้ตัวอย่างคุณแม่ ซึ่งชอบน้ำหอมมาก ชอบนำดอกไม้หอม ดอกไม้สด เทียนหอม หรือน้ำมันหอมระเหยไปวางไว้ตามจุดต่างๆของบ้าน เพราะฉะนั้น ตัวเธอจึงคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์ก้านไม้หอมอโรม่าขึ้นมา เพื่อจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ และแน่นอนว่าหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ที่ตัวเธอจะนำเสนอต้องมความแตกต่าง
“กลิ่นต่างๆที่แม่มักจำนำมาวางไว้ตามจุดต่างๆส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นเฉพาะของน้ำหอม หรือดอกไม้ประเภทนั้นๆ ดังนั้น จึงกลายเป็นแนวทางที่ตัวเธอนำมาต่อยอดให้ก้านไม้หอมของเธอมีสูตรที่พิเศษ ซึ่งจะไม่ใช่แค่กลิ่นเดียวโดดๆที่นำมาผสม แต่จะเป็นการนำหลายกลิ่นมาผสมผสานกัน”
ก้านไม้หอมอโรม่าสูตรเฉพาะ
กมลทิพย์ บอกอีกว่า ตัวเธอจึงทำการศึกษาน้ำมันหอมระเหยอย่างจริงจัง เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าคุณสมบัติของแต่ละกลิ่นนั้นเป็นอย่างไร จนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ก้านไม้หอมอโรม่าแบรนด์ Miss Parfum ออกมาเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ 6 กลิ่น ประกอบด้วย 1.กลิ่นอินสไปร์ (Inspire Scent) ,2.กลิ่นเชียร์ฟูล (Cheerful Scent) ,3.กลิ่นกู๊ดไนท์ (Good Night Scent) ,4.กลิ่นรีแล็กไทม์ (Relax Time Scent) ,5.กลิ่นฟูลมูน (Full Moon Scent) และ6.กลิ่นแพสชั่น (Passion Scent)
ธุรกิจก้านไม้หอมอโรม่า เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน โดยได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดีจากผู้บริโภคมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะไม่ได้รวดเร็วมาก แต่ก็มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ เพราะตลาดออนไลน์สามารถทำตลาดได้อย่างรวดเร็ว เวลาใดก็ได้ อีกทั้งหากผลิตภัณฑ์เป็นที่ถูกใจก็จะมีการแนะนำกันต่อไป ซึ่งเป็นกลยุทธ์การทำตลาดที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
กมลทิพย์ ปิดท้ายให้ได้ติดตามด้วยว่า ช่วงเดือนกรกฎาคมจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในรูปแบบของครีมกันแดดสำหน้าทาหน้า และทาตัว รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวออกสู่ตลาด โดยเป็นการนำทักษะความรู้ความสามารถของตัวเธอที่ร่ำเรียนด้านเครื่องสำอางมาสร้างสรรค์ผนวกกับลักษณะของภูมิประเทศ และภูมิอากาศของไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค