“ออล เบ็ทเทอร์” ครบเครื่องเรื่องกาแฟ
ประสบการณ์จากการทำงานเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และไม่อาจหาซื้อได้ที่ไหน นอกจากนี้แต่ละคนยังได้รับมาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความสามารถและการซึมซับของแต่ละคนที่จะตักตวงได้ สิ่งที่ได้มาจะถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรก็แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำไปต่อยอด
“อรพินท์ บุญประคอง” คือหญิงสาวที่นำประสบการณ์จากการทำงานของตนเองมา Startup ธุรกิจของตนเอง และต่อยอดพัฒนาธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถขยายฐานลูกค้า และเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับจากลูกค้าจำนวนมากในเรื่องของคุณภาพและการบริการที่เป็นเลิศ
จากงานประจำสู่ธุรกิจ
อรพินท์ ในฐานะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ออล เบ็ทเทอร์ จำกัด บอกว่า ธุรกิจที่ตัวเธอปลุกปั้นขึ้นมาเป็นรูปแบบของการเป็นหลังบ้านให้กับร้านกาแฟต่างๆ เรียกว่าใครที่ต้องการจะเปิดร้านกาแฟ มาหาเธอก็จะมีอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเปิดร้านให้อย่างครบครัน โดยไอเดียในการเริ่มต้นมาทำธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวนี้ของตัวเธอนั้น มาจากการที่เธออยู่ในวงการกาแฟมามากกว่า 10 ปี จนเรียกได้ว่าช่ำชอง และรอบรู้ไปเสียทุกมุมของกาแฟ
ประสบการณ์มากกว่า 10 ปีของเธอนั้น ถูกเคี่ยวจนข้นจากการที่ตัวเธอได้มีโอกาสทำงานไปหมดทุกแผนก ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ขายเครื่องชงกาแฟ แผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝ่ายจัดซื้อ การดูแลลูกค้าการให้คำแนะนำ นอกเหนือไปกว่านั้นตัวเธอยังลงลึกไปถึงการเป็นช่าง และคุมช่างที่ให้บริการซ่อมเครื่องกาแฟ
วันหนึ่งตัวเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของบริษัทถึงไอเดียการสร้างธุรกิจ โดยถือว่าเป็นโชคดีที่เจ้าของบริษัทเองก็ให้การสนับสนุนตัวเธอ ทำให้ยังคงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน ตั้งแต่ที่ตัวเธอลาออกจากงานประจำ เพื่อไขว่คว้าความฝัน
สำหรับชื่อแบรนด์ที่ตัวเธอลือกใช้คือ “ออล เบ็ทเทอร์” (ALL Better) ซึ่งหมายถึง การรักษาหรือการเยียวยา และมอบสิ่งที่ดีให้กับทุกคน โดยภายใต้บริษัทที่ตัวเธอก่อตั้งขึ้นนั้น จะมีอุปกรณ์ทุกอย่างให้กับร้านกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟที่คั่วเอง เครื่องชงกาแฟ เครื่องบดเมล็ดกาแฟ ชา โกโก้ น้ำเชื่อม ซึ่งจุดเด่นทางด้านกาแฟของ ออล เบ็ทเทอร์ ก็คือ การมุ่งเน้นไปที่กาแฟพันธุ์เป็นหลัก ทั้งกาแฟไทย 100% และกาแฟไทยผสมกาแฟต่างประเทศ
“เราเริ่มต้นมาจากจุดเล็กๆด้วยการจัดหา (Supply) เครื่องทำกาแฟ เรื่อยไปจนถึงเครื่องบด หลังจากนั้นก็ต่อยอดพัฒนาไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเราสามารถเป็นหลังบ้านให้กับผู้ที่ต้องการเปิดร้านกาแฟได้ เพียงแค่ลูกค้าสั่งมาว่าต้องการอะไร เราก็สามารถจัดหามาให้ได้หมด”
ใหม่สดเสมอ
อรพินท์ บอกต่อไปอีกว่า จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ อลล เบ็ทเทอร์ ก็คือ การที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก ดังนั้น จึงมุ่งเน้นไปที่การมอบสิ่งที่ใหม่สดเสมอให้กับลูกค้า จะไม่มีการเก็บสต็อกสินค้าไว้เป็นเวลานาน โดยในส่วนของเมล็ดกาแฟ ออ เบ็ทเทอร์ จะคั่วใหม่ส่งให้กับลูกค้า โดยคำนึงถึงคุณภาพเป็นหลัก
ทั้งนี้ ลูกค้าที่นำเมล็ดกาแฟจาก ออล เบ็ทเทอร์ ไปจำหน่าย จะสามารถนำไปสื่อสารกับผู้เข้ามาใช้บริการได้เลยว่า จะได้ลิ้มรสกับรสชาติที่กาแฟที่ดี และมีผลทำให้ยอดขายภายในร้านเพิ่มมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการที่ลูกค้าเข้ามาบอกว่า มีคนมาขอซื้อกาแฟต่อ เพราะอร่อยมาก เสมือนลูกค้าเองก็ช่วยแนะนำลูกค้าต่อให้อีกทอดหนึ่ง ซึ่งก็ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตัวเธอตั้งใจอยากมอบให้กับลูกค้าทุกคน
สำหรับช่องทางในการทำตลาดของ ออล เบ็ทเทอร์ จะเป็นลักษณะของการเข้าหาลูกค้าโดยตรง เพื่อนำเสนอกาแฟ และอุปกรณ์ต่างๆหากเป็นจังหวะที่ร้านนั้นกำลังมองหาเมล็ดกาแฟใหม่ๆ ก็จะทำใด้ลูกค้าเพิ่ม รวมถึงร้านกาแฟที่กำลังจะเปิด และได้มาเรียนทำกาแฟกับบริษัท เมื่อเรียนด้วยและได้ชิมรสชาติของกาแฟไปด้วย แล้วรู้สึกชื่นชอบก็จะเลือกนำกาแฟของ ออล เบ็ทเทอร์ ไปใช้ที่ร้านของตนเอง
“เรารับสอนเรื่องการทำกาแฟ ซึ่งตัวเธอได้มีโอกาสศึกษา และเรียนรู้การฝึกเป็นเทรนเนอร์ที่ประเทศอิตาลี รวมถึงจากประสบการณ์ในการทำงานในการสอนพนักงานร้านกาแฟ ทำให้รู้รายละเอียดปลีกย่อยว่าควรจะต้องทำอะไรบ้าง หรือระวังเรื่องอะไร ดูแลยังไงให้ได้คุณภาพที่ดี โดยรวบรวมประสบการณ์ทั้งหมดที่มีมาสอนให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ก่อนเปิดร้านกาแฟ”
ปรับตัวตามสถานการณ์
อรพินท์ บอกอีกว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเธอพสมควร เนื่องจากของตัวเธอบางร้านต้องปิดกิจการไป เพราะมีสายป่านที่ไม่ยาวพอ ขณะที่บางร้านยังสามารถเปิดกิจการอยู่ได้แต่ก็มียอดขายไม่มาก เพราะผู้ที่ทำงานออฟฟิตซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าหลักไม่ได้ออกมาทำงาน ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” หรือบางร้านที่ทีหน้าร้านอยู่ในห้างสรรพสินค้าก็ขายไม่ได้เลย
อย่างไรก็ดี การทำธุรกิจของตัวเธอนั้น ทุกอย่างสามารถผ่อนปรนได้ตามสถานการณ์ หรือตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้กลยุทธ์แบบไหนเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด จากเดิมที่ ออล เบ็ทเทอร์ จะเน้นการทำตลาดไปที่ร้านกาแฟ โรงแรม เป็นหลัก แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนแนวทางมารุกตลาดที่เป็นลูกค้าตามบ้านพักอาศัยด้วย เพราะตัวเธอมองว่าหากธุรกิจถูกกระทบจากด้านใด ก็ยังมีอีกด้านหนึ่งคอยรองรับไว้เสมอ
ล่าสุด ออล เบ็ทเทอร์ ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะตลาดลูกค้าตามพักอาศัย ทั้งการทำเป็นกาแฟดริฟ ชาพร้อมชง โดยจากการทดลองทำตลาด ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ด้วยผลดีของการไม่สต็อกของทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ส่งตรงไปถึงลูกค้าเป็นของใหม่ที่มีความหอม และรสชาติที่ดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ออลเบ็ทเทอร์ ยังต่อยอดไปสู่การทำเป็นเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่มแบบขวด มีทั้ง เอรสเปรสโซ่ คาปูชิโน่ ลาเต้ ชาเขียว เมื่อลูกค้าสั่งเข้ามาก็พร้อมที่จะจัดส่งให้ได้ทันที ออล เบ็ทเทอร์ จะไม่เน้นการทำเป็นร้านแบบคาเฟ่ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการนั่งดื่ม ขณะที่ช่องทางการทำตลาดก็จะมีทั้งการทำผ่านหน้าเว็บไซด์ เพจเฟสบุ๊ก และการเข้าลูกค้าโดยตรง