สำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหลังเลือกตั้ง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยทำการสำรวจความเชื่อมั่นของครัวเรือนและผู้ประกอบการต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้งปี 2562
โดยทำการสำรวจ 2 ครั้ง คือ 25 มี.ค. และ 3 เม.ย. 2562 พบว่า ครัวเรือนและผู้ประกอบการไทยที่ทำการสำรวจปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง จากส่วนใหญ่ที่ “เชื่อมั่นเพิ่มขึ้น” มาเป็น “เชื่อมั่นในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” ไปจากช่วงก่อนการเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งมองว่า สถานการณ์ทางการเมืองในระยะต่อไปน่าจะมีผลจำกัดต่อการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของตน
แม้จำนวนคนที่ “มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น” จะมีสัดส่วนลดลงในการสำรวจครั้งที่ 2 แต่กลับให้ความสำคัญต่อการเบิกจ่ายที่ต่อเนื่องของภาครัฐมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นการสะท้อนว่า ยังมีกลุ่มคนที่ให้น้ำหนักกับสิ่งที่รัฐบาลพยายามดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ซึ่งความต่อเนื่องของการลงทุนภาครัฐน่าจะเป็นการรักษาฐานความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย รวมถึงเป็นแรงประคองการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่สำคัญในช่วงรอยต่อทางการเมือง
ครัวเรือนและผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังคงมีความคาดหวังในเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจไทยภายหลังการเลือกตั้ง สังเกตได้จากผลการสำรวจครั้งที่ 2 โดยกลุ่มคนที่ “มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจลดลง” ในช่วงหลังการเลือกตั้ง (เปรียบเทียบกับช่วงก่อนการเลือกตั้ง) มีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งแรก ในขณะที่กลุ่มคนที่ “มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น” และ “มีความเชื่อมั่นไม่เปลี่ยนแปลง” กลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 64.3 ในการสำรวจครั้งแรก (25 มี.ค.) มาอยู่ที่ร้อยละ 69.5 ในการสำรวจครั้งที่ 2 (3 เม.ย.)
เมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของคนไทยระหว่างการสำรวจครั้งที่ 1 และการสำรวจครั้งที่ 2 พบว่า ครัวเรือนและผู้ประกอบการไทยที่ “มีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากก่อนการเลือกตั้ง” มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 47.5 ในการสำรวจครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 28.5 ในการสำรวจครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากลุ่มคนที่ “มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งเพิ่มขึ้น” จะมีสัดส่วนลดลง แต่กลับพบว่า ปัจจัยที่ทำให้คนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นมาจากการให้ความสำคัญต่อการเบิกจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมถึงความต่อเนื่องในการจัดทำงบประมาณปี 2563
ในขณะที่ครัวเรือนและผู้ประกอบการไทยที่ “มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจก่อนและหลังการเลือกตั้งไม่เปลี่ยนแปลง” กลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 41.1 ในการสำรวจครั้งที่ 2 จากร้อยละ 16.8 ในการสำรวจครั้งที่ 1 เนื่องจากคนส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ปัจจัยทางการเมืองมีผลจำกัดต่อความเป็นอยู่ของตน โดยในสภาพทั่วไปของคนกลุ่มนี้มีความกังวลต่อสภาวะการครองชีพของตนเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งยังมีความกังวลต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จึงยังมองความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไม่เปลี่ยนแปลงกลุ่มคนที่ “มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจลดลง” ในช่วงหลังการเลือกตั้งมีสัดส่วนน้อยลงจากร้อยละ 35.7 ในการสำรวจครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 30.5 ในการสำรวจครั้งที่ 2 โดยในการสำรวจทั้ง 2 ครั้ง คนส่วนใหญ่ที่มีความเชื่อมั่นลดลงมาจากความกังวลในเสถียรภาพทางการเมืองหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยสรุป จากการสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของคนไทยระหว่างก่อนและหลังการเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้ง พบว่า ครัวเรือนและผู้ประกอบการบางส่วนที่ทำการสำรวจปรับเปลี่ยนมุมมองจาก “มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น” มาเป็น “มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไม่เปลี่ยนแปลง”