Food Tech สตาร์ทอัพธุรกิจอาหาร

Food Tech สตาร์ทอัพเป็นธุรกิจที่กำลังมาแรงและเป็นที่น่าจับตามอง ธุรกิจดังกล่าวช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาสินค้า สะท้อนได้จากเม็ดเงินลงทุนที่เริ่มไหลเข้ามาในธุรกิจดังกล่าวมากขึ้น อย่างไรก็ดี อีไอซีมองว่าธุรกิจร้านอาหารและร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะยังคงดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับธุรกิจแบบออนไลน์ แต่อาจจะเผชิญกับส่วนแบ่งทางการตลาดที่น้อยลง
มีผู้เล่น Food Tech หลายรายที่ต้องยอมพ่ายแพ้และเดินออกจากธุรกิจดังกล่าวภายในเวลาเพียงไม่ถึงปี สาเหตุเป็นเพราะศึกษาข้อมูลทางการตลาดไม่ดีพอ หรือไม่มีทุนเพียงพอที่จะหมุนเงินให้ธุรกิจอยู่ในระบบต่อไปได้ ดังนั้น ปัจจัยที่สร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องของการศึกษาข้อมูลทางการตลาดเชิงลึก การเลือกจังหวะเวลาในการเปิดตัวสินค้า และการมีแหล่งเงินทุนที่จะคอยขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้ลุล่วง
เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต การจัดส่งและการบริโภคอาหารแบบดั้งเดิม ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา มีการระดมทุนของธุรกิจอาหารทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 107% Food Tech สตาร์ทอัพเกิดขึ้นมาหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น Yelp และ UrbanSpoon เว็บไซต์แชร์วิธีการทำอาหาร รีวิวร้านอาหาร Savored เว็บไซต์แจกคูปองอาหาร หรือ Opentable เว็บไซต์ให้บริการจองโต๊ะอาหารร้านดัง รวมถึงธุรกิจจัดส่งอาหารออนไลน์ที่ให้บริการตั้งแต่จัดส่งวัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์ม ไปจนถึงวัตถุดิบพร้อมปรุง ตลอดจนเมนูอาหารมื้อพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟชื่อดัง ทั้งนี้ มีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อย่าง Amazon, UberEat และ Google ที่เห็นโอกาสและก้าวเข้าร่วมในธุรกิจดังกล่าว
Food Tech สตาร์ทอัพ มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น แบ่งออกเป็นหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจัดส่งวัตถุดิบสดใหม่ไปจนถึงอาหารพร้อมรับประทาน ยกตัวอย่างเช่น Grubhub แอพพลิเคชั่นที่ให้บริการจัดส่งอาหาร โดยจูงใจให้ผู้บริโภคใช้โทรศัพท์มือถือและแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ในการสั่งอาหารกลับบ้าน แทนการโทรสั่งอาหารในรูปแบบเดิม หรือ Foodpanda และ Deliveroo เว็บไซต์ซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการให้บริการจัดส่งอาหารจากร้านอาหารต่างๆ ซึ่งไม่มีบริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน ด้วยธุรกิจบริการดังกล่าวส่งผลให้ยอดการสั่งอาหารของร้านอาหารนั้นๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
Food Tech ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค (convenience value preposition) เท่านั้น แต่ยังทำให้สินค้าต่างๆ เข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น โดยการจัดส่งอาหารออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 2015 ได้แก่ วัตถุดิบพร้อมปรุงและอาหารพร้อมรับประทานสินค้าประเภทหนึ่งที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค คือ เครื่องดื่มสูตรดีท็อกซ์ ยกตัวอย่างเช่น Boston Juice Cleanse หนึ่งในผู้ประกอบการ Food Tech ที่จัดส่งน้ำผักผลไม้สกัดเย็น หรือ Blue Apron และ Plated ที่จัดส่งวัตถุดิบในการทำอาหาร โดยผู้บริโภคสามารถเลือกเมนูที่ต้องการจะทำและระบุจำนวนคนที่จะรับประทาน และทางร้านจะดำเนินการจัดส่งวัตถุดิบอาหารเมนูนั้นๆ ให้แก่ผู้บริโภคถึงบ้าน นอกจากนี้ Sprig และ Spoonrocket ซึ่งเป็น Food Tech ที่ให้บริการด้านอาหารอย่างครบวงจร โดยมีการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสั่งเมนูที่เชฟชื่อดังทำขึ้นมาและจัดส่งถึงบ้านในเวลาเพียง 15 นาที อีกตัวอย่าง คือ การให้บริการจัดส่งวัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มถึงมือของผู้บริโภค (farm-to-table) โดยผู้ประกอบการ Food Tech จะทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างเกษตรกรและผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าออร์แกนิค ทั้งนี้ โดยทั่วไป สินค้าประเภทนี้จะวางขายอยู่ในร้านค้าอย่าง Whole Food หรือ Traders Joes ในขณะที่ร้านค้าออนไลน์ e-commerce อย่าง Urban Organic, Spud และ Boxed Green สามารถนำเสนอสินค้าสดใหม่จากฟาร์มที่มีให้เลือกมากกว่า รวมถึงมีการระบุแหล่งที่มา ตลอดจนการันตีคุณภาพของสินค้า และด้วยธุรกิจแบบใหม่นี้จะค่อยๆ เข้ามาดึงส่วนแบ่งทางการตลาดไปจากร้านอาหารและร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม
ปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการ Food Tech ประสบความสำเร็จคือการสร้างคุณค่าที่นำเสนอต่อผู้บริโภค (customer value preposition) รวมถึงจังหวะในการเข้าตลาดที่เหมาะสม ตลอดจนการรักษาสภาพคล่องทางการเงินที่ดี Food Tech สตาร์ทอัพควรจะต้องหาปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค (pain point) และตอบโจทย์ดังกล่าวให้ได้ ยกตัวอย่าง Blue Apron เข้ามาดำเนินธุรกิจเพื่อตอบโจทย์คุณแม่ที่ชื่นชอบการทำอาหาร แต่ไม่อยากเสียเวลาไปกับการซื้อวัตถุดิบเพื่อนำมาทำอาหาร ด้วยการนำเสนอบริการจัดส่งวัตถุดิบในการทำอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ ปัจจัยถัดมา คือ การเลือกจังหวะในการเข้าตลาดที่เหมาะสม แม้ว่าธุรกิจจะเกิดขึ้นมาจากไอเดียที่ดี แต่ถ้าผู้คนยังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่มากพอ อาจจะทำให้ธุรกิจที่เริ่มต้นมานั้นต้องเผชิญกับความล้มเหลวได้ และปัจจัยสุดท้าย การรักษาสภาพคล่องทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ประกอบการ Food Tech จำเป็นที่จะต้องมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ เพราะในช่วงเวลาที่กำลังสร้างฐานลูกค้า จำเป็นที่ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาในทุกๆ เดือน
ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการ Food Tech ทุกรายที่เข้ามาในธุรกิจนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนกันหมด บางรายต้องเดินออกจากธุรกิจในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี เพราะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจได้ ยกตัวอย่าง Pop-up Pantry และ Chefler สตาร์ทอัพที่ล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจ โดยกรณีของ Chefler ซึ่งเป็นธุรกิจ Food Tech รายแรกที่จัดส่งอาหารพร้อมรับประทานระดับพรีเมียม ในซานฟรานซิสโก ในปี 2013 ถึงแม้ว่าจะมีแคมเปญทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้ง ยังได้รับการจัดอันดับ 5-star จาก Yelp แต่เมื่อต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากผู้ประกอบการ Food Tech รายอื่นๆ อย่าง Spoonrocket ที่นำเสนอราคาในการให้บริการที่ถูกเกินกว่าครึ่ง ส่งผลให้ Chefler ต้องออกจากตลาดไปในที่สุด นอกจากนี้ ปัจจัยความล้มเหลวของ PUP ซึ่งเป็น Food Tech จัดส่งเซ็ตเมนู 3 คอร์สระดับพรีเมียมที่ปรุงโดยเชฟชื่อดัง มาจากการวางระบบการดำเนินงานที่ผิดพลาดในการขยายการจัดส่งที่เร็วรวดเกินไป แต่จำนวนฐานลูกค้ายังมีไม่มากนัก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเกินกว่ากำไร.