วิถี…“ออมสิน” วิถี…ที่เดินได้ถูกที่…ถูกเวลา
บนเส้นทางเดินของแบงก์ออมสิน ยุคของ “ผอ.ชาติชาย พยุหานาวีชัย” และในท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ถือได้ว่าพวกเขา…เดินได้อย่างคงเส้นคงวา และกระทำในสิ่งที่ “ธนาคารของรัฐ” ควรทำ มากที่สุด!
วิกฤตย่อมสร้างโอกาส…สถานการณ์ย่อมสร้างวีรบุรุษ…
เช่นกัน ในวันที่ประเทศไทยและคนไทย กำลังเผชิญกับ โรคระบาดร้ายแรงไวรัสโควิด-19 นั้น บทบาทของ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่ชื่อ…ธนาคารออมสิน ในยุคของ นายชายชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ธนาคารออมสิน ที่กำลังจะสิ้นสุดภารกิจนี้ ในวันที่ 15 มิ.ย.2563 จะมีส่วนเข้ามาเยียวยาและแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง?
ก่อนหน้านี้ ธนาคารของรัฐแห่งนี้ ก็แสดงบทบาทและตอบโจทย์ของรัฐบาลได้ตรงจุดมาโดยตลอด แต่หลังจากเกิดวิฤตไวรัสโควิด-19 บทบาทและภารกิจของพวกเขา…ยิ่งชัดเจนมากขึ้น!
ครั้งหนึ่ง…นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เดินทางมาตรวจงานและมอบนโยบายให้กับ คณะกรรมการธนาคารออมสิน และผู้บริหารระดับสูงของธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา และเป็น นายสมคิด ที่เอ่ยปากชม…
“ต้องขอบคุณธนาคารออมสิน ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ธนาคารเพื่อการพัฒนาสังคม” ซึ่งช่วยเหลืองานของรัฐบาลมาโดยตลอด แต่ภารกิจนี้ยังไม่จบ เรายังต้องช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย เพื่อให้คนมากกว่าร้อยละ 90 ได้เข้าถึงแหล่งทุนที่ง่ายและทั่วถึง รวมทั้ง เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินของบุคลากรของภาครัฐ ที่มีมากกว่า 1 ล้านคน ประกอบด้วย…ข้าราชการประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตำรวจและทหาร รวมถึงบุคลาการทางการศึกษา ซึ่งคนกลุ่มนี้ ก็มีหนี้สินคงค้างรวมกันมากถึง 6.29 แสนล้านบาท และต้องทำโดยเร็ว เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ช่วยเหลือและดูแลคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษ…”
เช่นกัน ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19… รัฐบาล กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต่างผนึกกำลังเพื่อหาทางออกให้กับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระบบเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจขนาดต่างๆ ไปจนถึงประชาชนคนไทยทุกกลุ่ม ประมาณว่า…คนไทย “เราไม่ทิ้ง”
ในส่วนของ ธนาคารออมสิน ก็ได้ออกมาตรการพิเศษ มาเพื่อเยียวยาและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ทั้งกลุ่มบุคคลและองค์กรธุรกิจ รวมถึงกลุ่มคน/ธุรกิจอื่นๆ ทั่วไป และที่จะขาดไม่ได้ ก็คือ เข้าไปมีส่วนร่วมในการเยียวยาและลดผลกระทบให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย
เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระเงินกู้ หรือแบ่งเบาภาระสินเชื่อ พร้อมช่วยให้ลูกค้ามีเงินสดหมุนเวียนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะใช้จ่ายซื้อสิ่งของจำเป็น โดยเปิดให้ลงทะเบียนแสดงความจำนงเข้าโครงการที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ได้ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.2563 – 31 ธ.ค.2564
ย้อนกลับไป เมื่อช่วงเดือน ก.พ.ก่อนหน้านี้ ธนาคารออมสิน ได้ออกมาตรการผ่อนปรนภาระและเงื่อนไขการชำระเงินกู้ช่วยเหลือฯ มาก่อนแล้ว โดยเน้นช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ขนส่ง บริการ โรงแรม เป็นต้น แต่เพราะสถานการณ์มีความรุนแรงและขยายวงกว้างไปทั่วโลก บอร์ดธนาคารออมสิน จึงเข้ามาเติมเต็มเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ทั้งที่เป็นลูกค้าของธนาคารฯและผู้ที่ได้รับผลกระทบทั่วไป
ต่อมา…ได้ออกมาขานรับนโยบายรัฐบาล ด้วยการอัดฉีดเงินกู้ซอฟท์โลน 1.5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโควิด -19 โดยร่วมมือกับสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวม 20 แห่ง ในภารกิจนี้
ครั้งนั้น นายชาติชาย คาดว่า…โครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีเงินหมุนเวียนดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่น้อยกว่า 7,500 ราย และจากเครือข่ายสาขาของสถาบันการเงินทุกแห่งเข้าร่วมโครงการฯ จะช่วยให้เม็ดเงินจากโครงการนี้เข้าถึงลูกค้าและระบบเศรษฐกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการผ่อนคลายความกังวล มีความเข้มแข็งที่จะดำเนินกิจการ
โดย กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสิน เร่งดำเนินการเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบฯ ภายในวงเงิน 1.35 แสนล้านบาท และให้ให้สินเชื่อโดยตรงในวงเงินอีก 1.5 หมื่นล้านบาท วงเงินกู้รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2563
จากนั้น…ธนาคารออมสิน ได้ออกมาขานรับธนโยบายตามประกาศของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมถึงมุ่งให้ความสำคัญต่อสภาวะการดำรงชีพในการช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้าและประชาชน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงระหว่าง 0.10-0.25% ส่วนทางด้านเงินฝาก มีบางประเภทที่ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านที่ปรับลดลงมาบ้าง มากสุดก็แค่ 0.25% เริ่มมีผลวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 3 เปิดให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย/มาตรการของรัฐบาล สามารถรับเงินช่วยเหลือผ่านมาตรการเยียวยา 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งแน่นอนว่า…มีคนบางกลุ่มที่ไม่อยู่ข่ายจะได้รับเงินจากมาตรการนี้
เช่นเคย…เป็น ธนาคารออมสิน ที่ออกมาตรการเสริม นั่นคือ “โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน – พิเศษเพิ่มเติม” ให้กู้แก่คนที่ประกอบอาชีพอิสระ วงเงินกู้ 10,000 บาท ปลอดชำระ 6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0.10% ผ่อน 2 ปี ไม่มีหลักประกัน ส่วน ผู้มีรายได้ประจำ กู้ 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0.35% ผ่อน 3 ปี เริ่มเปิดลงทะเบียน 15 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสินเท่านั้น
โดยที่ ผอ.ธนาคารออมสิน ระบุว่า ผู้ที่อยู่ในข่ายจะได้รับสิทธิ์เงินกู้ฉุกเฉิน ก็คือ ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้เดือนละไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถโดยสารแท็กซี่-สามล้อ มัคคุเทศก์ เป็นต้น มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน และสามารถติดต่อได้
ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนโครงการสินเชื่อฉุกเฉิน และโครงการสินเชื่อพิเศษเพิ่มเติม ตามมติเพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ด้วยการเปิดให้บริการ สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด -19 วงเงินกู้สูงสุด 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน (Flat Rate) ให้ผ่อนชำระคืนนานถึง 3 ปี โดยการค้ำประกันสามารถใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ได้เพียงมีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย เป็นผู้มีรายได้ประจำ แต่รายได้ลดลงหรือขาดรายได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด -19 และภัยอื่นๆ มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้ เช่นกัน
ต่อมาไม่นาน…ธนาคารออมสิน ได้ “นำร่อง” ทำให้สิ่งที่สถาบันการเงินในประเทศไทยยังคิดไม่ถึง นั่นคือ…
การสั่งพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยอัตโนมัติ 3 เดือน ให้กับลูกค้าเงินกู้ทุกรายที่มีสถานะชำระปกติ จนถึงที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ณ วันที่ 31 มี.ค. 2563 เป้าหมายเดิม…หวังช่วยลูกค้าสู้โควิด-19 สำหรับลูกค้าสินเชื่อปกติและค้างจ่ายไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ลดอัตราจ่ายขั้นต่ำเหลือ 5% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 30 มิ.ย.2563
ระหว่างนี้…ธนาคารออมสิน ร่วมมือกับ บมจ.ทิพยประกันชีวิต และ “ติ๊ก ชิโร่” ศิลปินนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรีคนดัง ผลิตบทเพลงพิเศษ ชื่อ…“อยู่กับบ้าน” หวังกระตุ้นคนไทย “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” พร้อมจัดแคมเปญเสริม…ช่วยกันแชร์ให้มาก เพราะทุกครั้งของการแชร์เพลงนี้ จะมีเงินสมทบ 10 บาท มอบให้มูลนิธิศิริราช กองทุนศิริราชพยาบาลสู้ภัยโควิด และโรงพยาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ แชร์ได้จนถึงเที่ยงคืน 30 เม.ย.นี้
สังคมไทยเห็นได้ว่า…ไม่เพียง “ภาพบวก” ที่ธนาคารของรัฐแห่งนี้ ได้สร้างขึ้น แต่ไม่เคยออกมา “รับความชอบ” ในทางกลับกัน คราใดที่พลาดพลั้ง จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม พวกเขา…พร้อมแอ่นอก “รับความผิด (พลาด)” ทั้งที่ปัญหาแท้จริง…เกิดขึ้นจากระบบธนาคารตามปกติ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็น….นายชาติชาย ที่ออกมาขอโทษสังคมและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูก “หักเงิน” ซึ่งคนกลุ่มนี้…ได้รับจากมาตรการเยียวยาฯ “5,000 บาท” แต่เพราะพวกเขา…มีภาระ “หนี้ค้างจ่าย” อยู่ก่อนแล้ว
ระบบจึงทำการตัดบัญชี (เงินค้างจ่าย) โดยอัตโนมัติ และเมื่อเรื่องนี้…ทราบถึง บอร์ดและผู้บริหารธนาคารฯ จึงถูกหยิบยกขึ้นมาแก้ไขในทันที โดยธนาคารออมสินจะเร่งคืนเงินส่วนที่ถูก…ระบบ “หักอัตโนมัติ” ครบทุกบาททุกสตางค์ พร้อมกับประสานไปยังธนาคารกรุงไทย เพื่อขอดูข้อมูลหลักฐานของ…ผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินเยียวยา “5,000 บาท” และระบุให้รัฐบาลโอนผ่านไปยังบัญชีของธนาคารออมสิน
อันเป็นการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ระบบ “หักอัตโนมัติ” ขึ้นอีก
ถือเป็นตัวอย่างที่ควรค่าต่อการจดจำเป็นเยี่ยงอย่างยิ่งนัก!
จึงอย่าแปลกใจ หาก เว็บไซต์ AEC10NEWS จะยกย่องให้ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ที่ชื่อ…ธนาคารออมสิน แห่งนี้ คือ ส่วนหนึ่งของวลีและวิถีทางที่สะท้อนและบ่งบอกตัวตน ที่ว่า…
วิกฤตย่อมสร้างโอกาส…สถานการณ์ย่อมสร้างวีรบุรุษ…!!!.