คนไทยอยากเห็นอะไรจากรัฐบาล? แลกกับไม่กักตุนอาหาร
อาการแห่กักตุนข้าวปลาอาหารของคนไทย หลัง ผู้ว่าฯกทม. ประกาศปิดห้าง 22 วัน จะมีเข้มข้นต่อไป หากรัฐบาลไม่ทำในสิ่งที่สังคมไทยอยากเห็น แล้วคนไทยอยากเห็นอะไร?

คำสั่งด่วน! ที่ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งปิดห้างสรรพสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 22 วัน เริ่มตั้งแต่ 22 มี.ค. ถึง 12 เม.ย.2563
สอดรับกับคำสั่ง “ปิดจังหวัด” ของหลายพื้นที่ใกล้เคียงของกรุงเทพฯ แม้จะมีส่วนที่ “เว้นวรรค” อนุญาตให้พื้นที่ส่วนการขายของกิน ของใช้ ของใช้จำเป็น ซูเปอร์มาเก็ต และของใช้จำเป็นกับชีวิตประจำวัน รวมถึงตลาดนัด ยังคงเปิดได้อยู่
แต่สิ่งนี้…ได้กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกของคนไทยยิ่งนัก! ภาพที่คนไทยแห่แหนเดินทางไปซื้อหาสินค้าประเภท…ข้าวสาร อาหารแห้ง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ในลักษณะ “กักตุน” เอาไว้ก่อน เกิดขึ้นอย่างมากมาย
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลและบรรดาเจ้าสัวรายใหญ่ จะประกาศแจ้งเตือน หวังสร้างความเชื่อมั่นทำนอง…พร้อมจะเติมเต็มสินค้าในกลุ่มนี้ โดยไม่ยอมให้ห่างหิ้ง หรือหายไปจากชั้นวางของก็ตาม
ดูเหมือน…ไม่อาจจะหยุดยั้งอารมณ์ “เมคชัวร์” ของคนไทยยามนี้สักเท่าใด?

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน จะออกมายืนยันว่า…ประเทศไทย ยังไม่เข้าสู่ภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ในระยะที่ 3 ก็ตาม
แต่การทิ้งปมของ “ผู้นำประเทศ” เมื่อหลายวันก่อน…ทำให้สังคมได้ขบคิดทำนอง “พร้อมจะปิดประเทศ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เอาไม่อยู่ และเข้าสู่ระยะที่ 3”
เมื่อประสานกับภาพที่ “พ่อเมือง” ในหลายๆ จังหวัดสำคัญ ประกาศ “ปิดจังหวัด” ไปก่อนหน้านี้ และ รัฐบาลของหลายประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย เช่น มาเลเซีย สปป.ลาว ที่ได้ประกาศ Lock Down (ปิดประเทศ) กันไปแล้ว
ยิ่งตอกย้ำภาพความไม่เชื่อมั่นว่า…หากถึงคิวที่ประเทศไทย จำเป็นจะต้อง Lock Down ประเทศฯ กันจริงๆ คำมั่นสัญญาที่ว่า “สังคมไทยจะไม่มีการขาดแคลนอาหารการกินและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน” ยังจะมีอยู่หรือไม่?
เพื่อความชัวร์ มหกรรมการ “กักตุน” ข้าวสาร อาหารแห้ง อุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีพ อย่างน้อย…ก็ 3-4 สัปดาห์ จึงน่าจะเป็นอะไรที่สร้างความเชื่อมั่นต่อครอบครัวไทยมากที่สุด!

แน่นอนว่า…การสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของผู้ว่ากรุงเทพฯ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มี.ค.2563 ที่สั่งปิด…สถานบริการ ในเขตกทม.และปริมณฑล ครอบคลุมถึงโรงหนัง, สถานบันเทิง, ผับ, บาร์, ร้านนวดไทย, นวดโบราณ และที่เป็นร้านที่เข้ากฎหมายว่าด้วยสถานบริการ…โดยสั่งให้หยุดบริการเป็นเวลา 14 วัน เริ่มพรุ่งนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา
มีแนวโน้มว่า…หลังสิ้นสุดคำสั่งฯ คือในวันที่ 31 มี.ค.2563 นั้น ก็น่าที่รัฐบาล…จะประกาศปิดการให้บริการต่อไปอีกแบบไม่มีกำหนด
เนื่องจากแนวโน้มการแพร่ระบาดและการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย…ดูจะรุนแรงและขยายผลมากขึ้นทุกวัน
ถึงตอนนี้…ใครที่ยังไม่ได้ทำการ “กักตุน” ข้าวสาร อาหารแห้ง อุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีพ อย่างเพียงพอแล้ว จะมั่นใจได้อย่างไรว่า…ถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวต้องการสิ่งเหล่านี้ แล้วยังจะมีให้และมีในราคาที่ขายเหมือนในยามปกติ
โถ! ขนาด “หน้ากากอนามัย” สินค้าเวชภัณฑ์ที่มีการควบคุมราคาขายกันแท้ๆ ยังจะมีขบวนการ “แอบลักลอบส่งออกนอก” และ “โขกราคาขาย 3-4 เท่าตัว”
ประสาอะไรกับสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต…จะไม่ถูกโก่งราคาในวันที่สิ่งขอเหล่านี้ ไม่มีขายมากนักในท้องตลาด!
สิ่งที่พอจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนในสังคมไทย ท่ามกลางสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี ก็คือ…การที่รัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐ ประกาศดังๆ ชัดๆ ถึงความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำในประเทศไทย ว่า…พร้อมจะผลิตและจำหน่ายสินค้าในกลุ่มแบบ “อันลิมิตเต็ด” และขายผ่านในทุกช่องทาง ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
ถ้ารัฐบาลกล้าทำ…คนไทยก็พร้อมจะกล้าเชื่อมั่น!!!.