“ทบ.-ธนารักษ์” ร่วมพัฒนารายได้ธุรกิจกองทัพ
“บิ๊กแดง” ไฟเขียวกองทัพบก “ปฏิรูปสวัสดิการเชิงธุรกิจ” ดึงกระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์ ร่วมลงนามและปรับแผนจัดหารายได้ เน้น “ถูกกฎหมาย-ถูกใจ” ทั้งครอบครัวทหารและประชาชน เผยสั่งรื้อมากกว่า 40 โครงการทั่วประเทศ ครอบคลุม “สนามมวย – สนามม้า – สนามกอล์ฟ – สถานพักผ่อน – ตลาดนัด” หวังดึงมืออาชีพมาร่วมบริหารงาน สร้างความถูกต้องและชอบธรรม
สิ่งดีๆ มักมีให้เห็นหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆ…
ล่าสุด เมื่อช่วงสายวานนี้ (17 ก.พ.) กองทัพบก โดย พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมกับ กรมธนารักษ์ โดย นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก” ณ กองบัญชาการกองทัพบก โดยมีนายกประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นสักขีพยาน
โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นไปเพื่อให้การใช้ที่ราชพัสดุของกองทัพบก (ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้าง) ในการจัดสวัสดิการภายในกองทัพบก เป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การจัดสวัสดิการภายในกองทัพบก ดำเนินการภายใต้กรอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ตลาดนัด กิจการสโมสร สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อน ของกองทัพบก
สำหรับกิจการสวัสดิการของกองทัพบกที่ดำเนินอยู่นั้น เน้นการให้บริการหรือจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูกแก่กำลังพลกองทัพบกและครอบครัว ส่งผลให้บุคคลทั่วไปให้ความสนใจมาใช้บริการและซื้อสินค้าในกิจการสวัสดิการของกองทัพบกด้วยเช่นกัน
ทำให้กิจการสวัสดิการบางกิจการได้รับความนิยมจากกำลังพลครอบครัว รวมถึงบุคคลทั่วไปมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เมื่อผลประกอบการดี จึงอาจทำให้สินค้าและบริการมีราคาถูกลง เกิดผลดีแก่กำลังพล และบุคคลทั่วไปที่ใช้บริการ และอาจมีรายได้เข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบก เพื่อนำมาจัดสวัสดิการให้แก่กำลังพลกองทัพบกและครอบครัวเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อให้การจัดสวัสดิการภายในกองทัพบก เป็นไปตามระเบียบข้างต้น ที่กำหนดว่ากรณีที่บุคคลภายนอกทั่วไปมาใช้บริการมากกว่าสมาชิก (กำลังพลของกองทัพบกและครอบครัว) ให้ดำเนินการในรูปแบบการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ ซึ่งต้องขออนุญาตเช่าที่ราชพัสดุ จากกรมธนารักษ์ โดยรายได้ ที่เกิดขึ้นจากการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ จะถูกนำส่งเป็นค่าเช่าและค่าธรรมเนียมให้แก่กรมธนารักษ์
ส่วนหนึ่งตามบันทึกข้อตกลง และส่วนที่เหลือจะนำส่งเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบก เพื่อนำมาจัดสวัสดิการให้แก่กำลังพลกองทัพบกและครอบครัว กองทัพบกจึงได้หารือการปฏิบัติร่วมกับกรมธนารักษ์ เพื่อปรับรูปแบบการจัดสวัสดิการภายในของกองทัพบกในบางกิจการเป็นการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ
โดยจัดทำบันทึกข้อตกลง “โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก” ภายใต้กรอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 และประกาศคณะกรรมการสวัสดิการข้าราชการเรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจประกาศ ณ วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 โดยการกำกับดูแลของกองทัพบก แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1. การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ กรณีปกติทั่วไป เช่นสถานีบริการน้ำมัน ร้านค้าตลาดนัด เป็นต้น โดยให้เรียกเก็บค่าเช่า ค่าธรรมเนียม ตามอัตราที่กำหนดตามระเบียบและคำสั่งที่ใช้บังคับ ณ เวลานั้น
และ 2. การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ กรณีพิเศษ ได้แก่ สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อนให้เรียกเก็บค่าเช่าค่าธรรมเนียมตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ มีหน้าที่สนับสนุนโครงการให้สัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนร่วมแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนด ขณะที่ กองทัพบก มีหน้าที่ดำเนินโครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบกให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และกรณีที่มีข้อปัญหาในการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงนี้ ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
ด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังพิธีลงนามฯ ว่า แม้กองทัพบกจะครอบครองและดูแลที่ราชพัสดุมากกว่า 1 ล้านไร่ จากที่ราชพัสดุทั้งหมด 12.5 ล้านไร่ แต่จากข้อมูลเยื้องต้นที่กรมธนารักษ์ตรวจสอบมา พบว่ามีมากถึง 700,000 ไร่ ที่ถูกบุกรุกโดยราษฎร อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังขอชื่นชมกองทัพบกที่มีแนวคิดปรับปรุงสวัสดิการเชิงธุรกิจ โดยได้ติดต่อประสานงานร่วมกันมากว่า 1 ปี จนสามารถลงนามข้อตกลงร่วมกันได้ในครั้งนี้
ทั้งนี้ การแบ่งสัดส่วนรายได้ระหว่างกรมธนารักษ์กับกองทัพบก จะพิจารณาและประเมินตามรายได้ของสวัสดิการเชิงธุรกิจแต่ละแห่ง เช่น สนามม้า สถานพักฟื้นพักผ่อน และสนามกอล์ฟ โดยกรมธนารักษ์จะได้ส่วนแบ่งเก็บค่าเช่าที่ดินจากผู้ประกอบการ ส่วนกองทัพบกก็จะได้สัดส่วนเปอร์เซ็นต์จากผลประกอบการ ขณะเดียวกันมีเหล่าทัพอื่นๆ ประสานให้กรมธนารักษ์เข้าไปตรวจสอบเพื่อปรับปรุงสวัสดิการเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
ขณะที่ พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ที่ผ่านมากองทัพบกดูแลสวัสดิการภายในหน่วย เพื่อช่วยเหลือกำลังพลและครอบครัว แต่เนื่องจากมีประชาชนภายนอกเข้ามาใช้บริการด้วย กองทัพบกจึงต้องการทำให้สวัสดิการเชิงธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของทางราชการ ซึ่งการลงนามร่วมกับกรมธนารักษ์ในครั้งนี้ มีประมาณ 40 กว่าโครงการ เช่น สนามม้ากองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา อาคารบ้านพักรับรองสวนสนประดิพัทธ์ประจวบคีรีขันธ์ และสนามกอล์ฟกองทัพบกรามอินทรา กทม.โดยจะให้เอกชนที่เป็นมืออาชีพเข้ามาร่วมดำเนินการ เพื่อให้การบริการในราคามีความเหมาะสม แต่กำลังพลและครอบครัวยังคงใช้บริการในราคาสวัสดิการของกองทัพเหมือนเดิม.