ออมสินช่วยคนไทยเข้าถึงแหล่งทุน-เคลียร์หนี้ ขรก.
“สมคิด-อุตตม” สั่งการแบงก์ออมสิน ช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ เกิน 90% ของคนไทย เข้าถึงแหล่งเงินทุน และเร่งเคลียร์หนี้สินบุคลการภาครัฐ กว่า 1 ล้านคน มูลหนี้ 6.29 แสนล้านบาท คือ การหาเสียงล่วงหน้า คนไทยคงต้องเทคะแนนเสียงให้กับนโยบายดีๆ กันบ้างแล้ว
บางคนอดคิดไม่ได้ว่า การเดินสายตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับหน่วยภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงสถาบันการเงินของรัฐ ตลอดจนลงพื้นที่ต่างจังหวัดชนิดถี่ยิบ! ช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมาของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คือ การลงพื้นที่เตรียมการหาเสียงล่วงหน้า
ล่าสุด ที่สำนักงานใหญ่ ธนาคารออมสิน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (5 ก.พ.2563) กับการมอบหมายภารกิจสำคัญในฐานะ “ธนาคารเพื่อการพัฒนาสังคม” ใน 2 บริบท
หนึ่ง…เป็นที่พึ่งของคนไทยทุกคนและทุกกลุ่ม ในการเข้าถึงโอกาส โดยเฉพาะสินเชื่อ ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน วิสาหกิจชุมชน แล้วยังต้องพัฒนาคนไปพร้อมกัน
ภาคส่วนไหน? ขาดอะไร? ธนาคารออมสินจะต้องเข้าไปตอบสนอง ทั้งด้านเงินทุน และการเสริมสร้างศักยภาพด้านการผลิต การตลาด พร้อมกับดูแลหนี้สินให้เกิดการหมุนเวียนในระบบอย่างต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้คือ จะต้องนำเอาข้อมูลที่มีไปเชื่อมโยงกับ BIG DATA เพื่อประกอบการตัดสินใจพิจารณาให้สินเชื่อให้กับบุคคล Startup และผู้ประกอบการ SMEs โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันอีกต่อไป
“ผมมอบหมายให้บอร์ดธนาคารออมสิน “โฟกัส” ในเรื่องนี้ เน้นทั้งการพัฒนาศักยภาพของคน และทำให้คน ชุมชน วิสาหกิจชุม ได้เข้าถึงแหล่งเงิน เพื่อให้สร้างการจ้างงานภายในชุมชน โดยเฉพาะแรงงานผู้สูงอายุได้มีงานทำและมีรายได้ รวมถึงเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ในชุมชนนั้นๆ เพราะสิ่งนี้คือ การปฏิวัติเศรษฐกิจฐานรากที่แท้จริง” รองนายกฯ สมคิด ย้ำ
อีกหนึ่ง…มอบหมายให้ธนาคารออมสิน เร่งปรับโครงสร้างหนี้ของ บุคลากรภาครัฐ (กลุ่มข้าราชการฯ) ประกอบด้วย…ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตำรวจและทหาร รวมถึงบุคลาการทางการศึกษา โดยเร็ว เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ช่วยเหลือและดูแลคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษ
โดยมอบหมายให้ ผอ.ธนาคารออมสิน เร่งจัดทำแผนงานและเสนอไปยัง รมว.คลัง เพื่อพิจารณาต่อไป
ขณะที่ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เสริมว่า บทบาทของธนาคารออมสิน สอดรับกับแนวนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่จำเป็นต้องเป็นไปในแบบการให้สินเชื่อ แต่ยังสามารถพัฒนาไปสู่การเป็น “เวนเจอร์ แคปปิตอล” หรือการให้ทุนสนับสนุนกับ Startup หรือผู้ประกอบการ SMEs สร้างการเติบโตไปด้วยกัน
ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการฯ ตนได้หารือกับผู้ว่าการธนารคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนหน้านี้ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ในฐานะที่ ธปท.กำกับดูแลนโยบายการเงิน จำเป็นจะต้องลงไปดูแลปัญหาหนี้สินที่ผูกพันกับสถาบันการเงิน และระบบการเงินของประเทศ ทำให้การก่อหนี้เป็นไปในลักษณะการสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
หากลงลึกในรายละเอียดของเรื่องนี้เ คงต้องไปสิ่งฟังที่ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ธนาคารออมสิน บอกกับผู้สื่อข่าว โดยเขาย้ำว่า…การปรับโครงสร้างหนี้ให้กับกลุ่มข้าราชการฯ ไม่ใช่เพราะคนกลุ่มนี้ มีปัญหาด้านผิดนัดชำระหรือเป็นหนี้เสีย เนื่องจากข้อมูลระบุชัดว่า…คนกลุ่มนี้มีหนี้เสียเฉลี่ยรวมกันแค่ 2.6% เท่านั้น
โดยในกลุ่มคลาการทางการศึกษามีหนี้เสียเพียง 2% ขณะที่ข้าราชการกลุ่มอื่นๆ มีหนี้เสียเฉลี่ย 3-4%
เป้าหมายการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับกลุ่มข้าราชการฯ ก็เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดียิ่งๆ ขึ้น ใครที่มีวินัยในการชำระเงิน จะได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่นๆ ในรูปของการ Cash Back กล่าวคือ “ชำระหนี้ตรงเวลา ก็ได้ส่วนลดหนี้และเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ” ไป
แต่จะถึงขั้นต้อง “แฮร์คัท” หนี้สินบางส่วนหรือไม่นั้น? คงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล
สำหรับกลุ่มข้าราชการที่ถือบัตรเครดิตหลายใบ หากอยู่ในกลุ่มหนี้เสีย ทาง บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) มี “คลินิกแก้หนี้” คอยดูแลอยู่แล้ว
ในส่วนของธนาคารออมสิน จะดูแลเฉพาะกลุ่มข้าราชการที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย แต่อาจมีภาระจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่หนักเกินไป จำเป็นจะต้องเข้ามาทำการ “รวมหนี้” ผ่านการ “รีไฟแนนซ์” โดยวงเงินหนี้สินบัตรเครดิตทุกใบรวมกัน ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ก็สามารถเข้าร่วมโครงการกับธนาคารออมสินได้
แต่จะไม่ได้สิทธิ์ในการถือบัตรเครดิต จนกว่าจะได้ชำระคืนหนี้สินใหม่กับธนาคารออมสินแล้ว
ทางกลับกัน หากบัตรเครดิตทุกใบ มีหนี้สินรวมกันไปเกิน 100,000 บาท ธนาคารออมสินก็จะมอบบัตรเครดิตใบใหม่ของธนาคารฯ ตามวงเงินที่เหลืออยู่ เช่น มีหนี้สินกับบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ รวมกันทุกใบ 50,000 บาท เมื่อมาเข้าร่วมโครงการฯกับธนาคารออมสิน ก็จะได้รับสิทธิ์ในการมีบัตรเครดิตของธนาคารฯ เท่าที่วงเงินเหลืออยู่ รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท นั่นคือ การได้บัตรเครดิตใหม่ที่มีวงเงิน 50,000 บาทนั่นเอง
“หลักการคือ เราจะดูแลลูกหนี้ที่มีวินัยดี พยายามให้ลูกทะยอยชำระคืนหนี้ โดยให้ผ่อนเฉลี่ย 2.5% ของมูลหนี้ และจะต้องชำระคืนหนี้ให้หมดภายในเวลา 4 ปี” ผอ.ธนาคารออมสิน ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของข้อมูลหนี้สินบุคลากรภาครัฐ (กลุ่มข้าราชการฯ) ที่มีสินเชื่ออยู่กับธนาคารออมสิน ณ ปัจจุบัน พบว่า มีจำนวนมากถึง 1,183,182 ราย แยกเป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือนและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 600,129 ราย หรือ 51% กลุ่มบุคลกรทางการศึกษา 489,060 ราย หรือ 41% กลุ่มตำรวจ 48,052 ราย หรือ 4% และกลุ่มทหารอีก 45,947 ราย หรือ 4%
ทั้งนี้ หากแยกเป็นวงเงินกู้ พบว่า บุคลากรภาครัฐมีหนี้สินรวมกันมากถึง 629,138 ล้านบาท แยกเป็น แยกเป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือนและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 185,722 ล้านบาท หรือ 30% กลุ่มบุคลกรทางการศึกษา 349,927 ล้านบาท หรือ 63% กลุ่มตำรวจ 28,064 ล้านบาท หรือ 4% และกลุ่มทหารอีก 20,425 ล้านบาท หรือ 3%
“ธนาคารออมสินจะคิดหารูปแบบและแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐให้ได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ จากนั้น จะนำเสนอไปยัง รมว.คลัง เพื่อพิจารณาความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เมื่อรวมกับขั้นตอนการของพิจารณาในระดับที่สูงขึ้นไปนั้น คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะออกมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐออกมาได้” ผอ.ธนาคารออมสิน ย้ำในที่สุด
สำหรับ เว็บไซต์ AEC10NEWS แล้ว หาก 2 สิ่งที่ นายสมคิด (และ นายอุตตม) ได้สั่งการไปยัง ผู้บริหารธนาคารออมสิน คือ การหาเสียงล่วงหน้าล่ะก็ ต้องถือเป็นการสร้างคุณูปการอย่างที่สุด!
เพราะทั้งคนในระดับฐานราก (ชาวบ้านและเกษตรกร) จนถึงชนชั้นกลาง (ผู้ประกอบการ SMEs) รวมกลุ่มข้าราชการฯ (ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตำรวจและทหาร รวมถึงบุคลาการทางการศึกษา) ที่มีรวมกันมากกว่าร้อยละ 90 ของจำนวนประชากรไทย
หากจะได้รับอานิสงส์จากความเป็น “ธนาคารเพื่อการพัฒนาสังคม” ของธนาคารออมสิน…มากมายขนาดนี้
คงต้องเทคะแนนเสียงให้กับนายสมคิดกันบ้างแล้ว!!!.