MTL ชูธง! รุกประกัน-ธุรกิจใกล้เคียง “ใน-นอกอาเซียน”
MTL สยายปีกคอนเซ็ปท์ “คนหัวคิดทันสมัย” ดันประกันฯและธุรกิจใกล้เคียง รุกตลาดในและนอกอาเซียน หลังประสบความสำเร็จในกลุ่ม CLMV มาแล้ว เผยปี’63 ยังคงลุยต่อความเป็น “ผู้นำ” ด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ผ่านนวัตกรรม – เทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมประกาศปรับภาพลักษณ์องค์กรครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 15 ปี
การประกาศปรับภาพลักษณ์องค์กรครั้งใหญ่ (Brightening the Brand) ในรอบ 15 ปี ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) ก้าวสู่ความเป็น…ผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ กระบวนการทำงาน และการให้บริการ รวมถึงผู้นำในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางดิจิทัล ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหลากหลายในรูปแบบเฉพาะบุคคล เมื่อช่วงสายวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
ได้สร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่น ต่อทั้งตัว MTL เอง และยังยกระดับความเป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยไทย ให้เป็นที่จับตามองของเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมประกันภัย ทั้งในประเทศไทยและประเทศย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเฉพาะ…แผนการรุกทั้งตลาดประกันภัยและธุรกิจอื่นๆ ในต่างแดน หลังจาก “เรคกูเรเตอร์” อย่าง…สำนักงาน คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) เปิดช่องให้ธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย สามารถขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศ ตามที่ได้ออก ประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันชีวิต/บริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2563
ก่อนจะลงลึกถึงแผนงานการสยายปีกลงทุนในต่างแดนนั้น เว็บไซต์ข่าว AEC10NEWS ขอย้อนไปดูแนวคิดในการบริหารจัดการ และผลการดำเนินงานของ “ผู้นำหนุ่มใหญ่ไฟแรง” อย่าง…นายสาระ ล่ำซำ กก.ผจก. และ ปธ.จนท.บห. บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เจ้าของม็อตโต้ “ประกันของคนหัวคิดทันสมัย” กันเสียหน่อย…
เขาย้ำในวันประกาศปรับภาพลักษณ์องค์กรฯ ณ ศูนย์เรียนรู้ “สรรค์ สาระ” บนพื้นที่ 48 ไร่ ที่ จ.ราชบุรี ว่า…ต้องการให้ MTL สะท้อนถึงตัวตนในการเป็นแบรนด์แห่งความสุขและรอยยิ้มได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความสดใส ทันสมัย และเป็นสากล
ภายใต้สโลแกน “Happiness Means Everything: เพราะความสุขคือทุกอย่าง” โดยมุ่งเน้นเรื่องของการส่งมอบความสุขในทุกด้านให้กับลูกค้า พนักงาน พันธมิตร สังคม และผู้ถือหุ้น อย่างยั่งยืน
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2562 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม ท่ามกลางสารพัดปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งในและนอกประเทศ…ที่ถาโถมและจู่โจมจน มิติการบริโภคภายในประเทศของคนไทย ย่ำแย่ไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดฮวบ กระนั้น MTL ภายใต้การนำของ นายสาระ ล่ำซำ ก็ยังคงไปได้สวย…
โดยมีผลเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 83,840 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 25,956 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 57,885 ล้านบาท และมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็น Protection & Investment เมื่อเทียบกับผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่ทั้งหมด สูงถึง 67% มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ Investment Linked อยู่ที่ 163% และมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม
โดยผลิตภัณฑ์ในประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงอยู่ที่ 11% เมื่อเทียบกับปี 2561 ในขณะที่ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 531,000 ล้านบาท
ส่วนทิศทางการดำเนินงานในปี 2563 นายสาระ ล่ำซ้ำ ย้ำว่า MTL ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวของบุคคลมากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างยั่งยืน ในทุกช่วงของชีวิตและทุกไลฟ์สไตล์แบบ End to End ได้อย่างเหมาะสม
ตอกย้ำนโยบาย “MTL Everyday Life Partner” พร้อมยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล ทันสมัย และสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่หลากหลาย ดูแลครบถ้วนทั้งเรื่องความคุ้มครอง สุขภาพ และการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายในการเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า
ล่าสุด MTL เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างน้อย 3 ตัว เริ่มจาก…เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 10/1 (Global) ซึ่งเป็นแบบประกันประเภท Index Linked ที่จะมาช่วยตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าในยุคปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ด้วยการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยอ้างอิงการลงทุนจาก ดัชนี Citi Global Multi Asset Index ซึ่งบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญของ Citi ที่มีกลยุทธ์การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวอย่างมั่นคง พร้อมให้ความคุ้มครองชีวิต 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เป็นระยะเวลา 10 ปี การันตีเบี้ยประกันที่จ่ายยังอยู่ครบเมื่อจบสัญญา และสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้
นอกจากนี้ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ สัญญาเพิ่มเติมการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความอุ่นใจเรี่องการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) สบายใจไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็จ่ายให้ โดยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก สูงสุด 3,000 บาทต่อครั้ง รับความคุ้มครองปีละ 60,000 บาท(1) โดยสามารถแยกซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่ต้องซื้อร่วมกับความคุ้มครองผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งปกติ แบบประกันส่วนใหญ่ในตลาดจะต้องซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยในก่อนจึงจะมีสิทธิ์ซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอกได้
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ อย่าง…สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ ที่มอบความคุ้มครองดูแลแบบเหนือระดับที่มากกว่า สามารถเลือกความคุ้มครองได้ตั้งแต่ 20-100 ล้านบาทต่อปีกรมธรรม์ ล่าสุด ได้มีการขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี สร้างความอุ่นใจและหมดกังวลเพราะความคุ้มครองสุขภาพจะอยู่ดูแลคุณไปจนแก่เฒ่า
“กลยุทธ์ช่องทางการขายในปีนี้ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดแบบหลากหลายช่องทาง (Multi Distribution Channel) เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตัวแทนประกันชีวิตที่มุ่งสู่การเป็นผู้ออกแบบการเงิน ที่สามารถออกแบบ ให้คำปรึกษา และวางแผนการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย การขายผ่านช่องทางธนาคาร โบรกเกอร์ รวมไปถึงการขายแบบประกันออนไลน์ ที่มุ่งขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น K Plus และ Shopee ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่” นายสาระ ย้ำและว่า
บริษัทฯได้พัฒนาเทคโนโลยี ในชื่อ “BizBox” เพื่อสนับสนุนกระบวนการงานขายตั้งแต่กระบวนการก่อนการนำเสนอขาย ระหว่างการเสนอขาย และหลังการเสนอขาย เพื่อส่งมอบบริการด้านการวางแผนการเงินที่ดีและเหมาะสมกับลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะหาโอกาสในการขยายการลงทุนผ่านกลุ่มประเทศอื่นๆ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ
ทั้งหมดนั้น เป็นเพียงบางส่วนที่ เว็บไซต์ข่าว AEC10NEWS หยิบเอาถ้อยคำแถลงของ “ผู้บริหาร’ค่าย…คนหัวคิดทันสมัย” มานำเสนอ เพราะ “สาระสำคัญจริงๆ” ที่ นายสาระ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับแผนการขยายการลงทุนในลักษณะ Direct และ Indirect ในต่างประเทศ หลังจาก “เรคกูเรเตอร์” เปิดไฟเขียว มันน่าสนใจยิ่งกว่า…
นายสาระ บอกว่า…หัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจของ MTL ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมใหม่และมุ่งเน้นการปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์สู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม คิดค้นผลิตภัณฑ์ บริการ ที่สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกเพศทุกวัย
เชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบเฉพาะตัว มุ่งมั่นเติบโตและก้าวไปอย่างมั่นคงเคียงข้างไปกับลูกค้า ด้วยความยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
บนโลกในยุคดิจิทัล MTL มีพันธมิตรที่สนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Fuchsia Venture Capital ช่วยเฟ้นหา Startup ที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยและวงการประกัน
รวมถึง บริษัท ไอเจ็น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทที่จะนำหลักการของ ปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence ในลักษณะของ Machine Learning หรือ Deep Learning มาช่วยในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการพิจารณารับประกัน การพิจารณาสินไหม และในการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ ให้กับทีมงานฝ่ายขายเพื่อเน้นการบริการดูแลลูกค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเมืองไทยประกันชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
ยังมี “Gettgo” ซึ่งอยู่ภายใต้ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ที่คอยช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี และพร้อมส่งมอบบริการที่ดีเลิศให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม
ตรงนี้ เองทำให้การรุกในธุรกิจประกันชีวิตของ MLT ที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาเปิดรุกธุรกิจ ด้วยการร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น เป็นไปอย่างเข้มแข็งและเติบโตแบบก้าวกระโดด เริ่มจากที่ สปป.ลาว ทำให้บริษัทในเครือของ MLT กลายเป็น “ผู้นำตลาดเบอร์ 1” ในกลุ่มประกันต่างประเทศของที่นั่น
จากนั้น MLT ก็รุกต่อไปยัง…เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา โดยทิศทางการดำเนินงานและผลประกอบการ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ เติบโตแบบก้าวกระโดด สร้างการตอบรับได้เป็นอย่างดีกับคนท้องถิ่นที่พวกเขาเข้าไปลงทุน
ส่วนหนึ่งเพราะความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่พวกเขามีส่วนสำคัญอย่างมากในการ “ดีไซน์” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของคนท้องถิ่น อีกส่วน และน่าจะเป็นส่วนสำคัญก็คือ ความเป็นเครือข่ายของ MLT องค์กรที่มีภาพลักษณ์ดีงาม มีความทันสมัย ก้าวหน้า สอดประสารกับความเปลี่ยนแปลงของดิจิทัล เทคโนโลยี ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า
นายสาระ ย้ำอีกว่า หลังจาก สำนักงาน คปภ. ได้เปิดช่องให้ธุรกิจประกันภัยไทย สามารถขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย และในส่วนที่อยู่นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัยนั้น MLT และพันธมิตรร่วมกลุ่มฯ มีแผนจะขยายการลงทุนในประเทศที่เหลือของอาเซียน และนอกกลุ่มประเทศอาเซียน
ไม่ว่าจะเป็น…การรุกตลาดใน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงดินแดนที่ห่างไกลออกไป
นอกจากธุรกิจประกันภัย ครอบคลุมทั้งธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยแล้ว MLT และพันธมิตรฯ มีแผนจะเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ สถานพยาบาลและการดูแลผู้ป่วย-ผู้สูงอายุครบวงจร, ธุรกิจด้านเฮลท์แคร์, ไบโอเทค, เทคโนโลยี ฯลฯ แม้กระทั่ง การทำหน้าที่ โบรกเกอร์ด้านประกันภัย
“เราอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้งในและนอกกลุ่มอาเซียน หลังจากที่ สำนักงาน คปภ. เปิดช่องให้บริษัทประกันภัยไทย สามารถขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศ และยิ่งช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจในขยายการลงทุนในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นจะต้องศึกษาและพิจารณาในข้อกฎหมายและกฎระเบียบ-ข้อบังคับของแต่ละประเทศที่จะเข้าลงทุนอย่างรอบคอบเสียก่อน” นายสาระ ย้ำสรุป
ถึงตรงนี้ คงต้องรอดูความสำเร็จของ MTL และบริษัทร่วมเครือของพวกเขาว่า จะสามารถเดินหน้า สยายปีก…ขยายความสำเร็จภายใต้คอนเซ็ทป์ “บริษัทของคนหัวคิดทันสมัย” ออกไปจากต่างแดนได้ดีมากน้อยแค่ไหน? เพียงใด? อีกไม่นานคงได้รู้กัน!.