“ออมสิน”แบงก์เพื่อความยั่งยืนของสังคมไทย
“ผอ.ชาติชาย” ฉายวิชั่น นำแบงก์ออมสินสู่ “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน : เติบโต ยั่งยืน ตอบแทนคืนสู่สังคม” ผ่าน 4 มิติ พ่วงขับเคลื่อนด้วยยุทธศาสตร์ “ 3 Banking” ตั้งเป้าธุรกิจแบงก์ต้องเติบโต ท่ามกลางความรับผิดชอบต่อสังคม จนเติบโตอย่างมีคุณภาพในทุกมิติ เชื่อแบงก์พาณิชย์ขยับตัวตามติด หลังกระแสสังคมตอบรับแนวทางนี้
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ธนาคารออมสิน แถลงถึงการดำเนินงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ว่า ธนาคารฯได้ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน” (GSB Sustainble Banking) แบ่งเป็น 4 มิติ ซึ่งธนาคารฯเติบโตดีเยี่ยมทุกมิติ ภายใต้แผนงานและยุทธศาสตร์สร้างความแข็งแกร่งขององค์กรอย่างยั่งยืน พร้อมปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์และวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ด้วยแนวคิด “เติบโต ยั่งยืน ตอบแทนคืนสู่สังคม”
โดยมิติที่ 1 Financial Strengthening : สร้างความมั่นคงทางการเงินเพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปี 2558 – 2562 มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 2.4 ล้านล้านบาท เป็น 2.8 ล้านล้านบาท ด้านเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2.08 ล้านล้านบาท เป็น 2.41 ล้านล้านบาท ด้านสินเชื่อขยายตัวจาก 1.92 ล้านล้านบาท เป็น 2.15 ล้านล้านบาท ขณะที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) แม้จะเพิ่มจาก 1.61 เป็น 2.72 แต่ธนาคารฯ สามารถควบคุมได้ดีตามการขยายตัวของสินเชื่อ ด้วยการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีระดับ NPLs ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 22,699 ล้านบาท เป็น 26,554 ล้านบาท
มิติที่ 2 Stakeholder Responsibility : ดูแลลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธนาคารฯนำส่งรายได้ 78,883 ล้านบาท และเป็นองค์กรหลักขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายภาครัฐหลายโครงการจนประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และ Startup ทั้งนี้ ลูกค้าหัวใจสำคัญของธนาคารฯ ขยายตัวถึง 20% นับจากปี 2557 คิดเป็น 36% ของประชากรไทย หากพิจารณาตาม Customer Segment พบว่ากลุ่มลูกค้านักเรียนนักศึกษาเพิ่มขึ้นถึง 41% กลุ่ม Middle Income เพิ่มขึ้น 33% กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเพิ่มขึ้น 13% และ 19% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มลูกค้า SMEs เพิ่มขึ้น 8%
ส่วนผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยเฉพาะด้านอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัล มีผลตอบรับอย่างดีจากทุกกลุ่มลูกค้า อาทิ Mobile Application หรือ MyMo ที่สิ้นปี 2562 มีการขยายตัวเพิ่มเป็น 7.9 ล้านราย ขณะที่ผลิตภัณฑ์ Debit Card มีลูกค้า 6.7 ล้านบัตร ด้านผลิตภัณฑ์ GSB Credit Card ขยายตัวต่อเนื่อง จาก 94,938 บัตร เมื่อปี 2559 เป็น 478,987 บัตร ณ สิ้นปี 2562 ด้าน QR Payment ณ สิ้นปี 2562 มีร้านค้า QR Payment ของธนาคารฯ กว่า 307,877 ร้านค้า เพิ่มจาก 23,518 ร้านค้า เมื่อปี 2560
มิติที่ 3 Business Environment : สร้างความเข้มแข็งแก่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ธนาคารฯสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) เติมเต็มช่องว่างและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ทั้งนี้ เมื่อภาครัฐพัฒนาระบบการชำระเงินเป็น e-Payment ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ธนาคารฯได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยมีผู้ลงทะเบียนกับธนาคารฯ กว่า 4.33 ล้านราย พร้อมสนับสนุนการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐานไปแล้วกว่า 1.89 ล้านบัญชี นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการทำบุญ หรือบริจาคเงินผ่านระบบ Electronic (e-Donation) ด้วยการสแกน QR Code ผ่าน “QR สาธุ” ได้มากกว่า 3,000 แห่ง ทำให้บัญชีการเงินของวัดโปร่งใส ภาครัฐใช้ข้อมูลลดหย่อนภาษีให้แก่ประชาชนได้ทันที
และมิติที่ 4 Corporate Governance : ดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล ธนาคารฯเน้นดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับอย่างเคร่งครัด ภายใต้หลักการ 3 Line of Defense, IT Governance, Data Governance สะท้อนให้เห็นผลสำเร็จจากการบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและธรรมาภิบาล จนได้รับรางวัลได้รับรางวัลคุณธรรมละความโปร่งใสของภาครัฐ (ITA) ระดับ AA ในปี 2560-2562 โดยได้รับความน่าเชื่อถือเป็นลำดับที่ 4 ของรัฐวิสาหกิจ และลำดับที่ 12 ขององค์กรต่างๆ จากทั่วประเทศกว่า 8,299 หน่วยงาน
สำหรับแผนงานปี 2563 ผอ.ธนาคารออมสิน ย้ำว่า ตั้งเป้าหมายสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านล้านบาท หรือ 3.5% และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ด้วยการให้กู้เพิ่มกว่า 550,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 80,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4-5% เงินฝากเพิ่มสุทธิกว่า 75,000 ล้านบาท หรือเติบโต 3% และเป้าหมายขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 41% ของประชากรทั้งประเทศ โดยใช้แนวคิด GSB Sustainble Banking เป็นกลไกผลักดันยุทธศาสตร์ “3 ธนาคาร” (Traditional Banking, Social Development Banking และ Digital Banking) มุ่งสู่การเป็น “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน”
ประกอบด้วย Traditional Banking โดยปรับปรุงความสามารถการแข่งขันรูปแบบปกติ ด้วยการเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ปรับเปลี่ยนการให้บริการแบบเดิมไปสู่ “Delivery Banking” ผ่านบริการ “ QUEUE Application” ซึ่งจะออกไปให้บริการตามที่ลูกค้าทำนัดหมายผ่าน app ซึ่งสามารถเลือกบริการได้ไม่ว่าจะเป็นรถยตน์บริการเคลื่อนที่ เรือออมสิน หรือให้พนักงานออกไปให้บริการยังจุดที่ลูกค้าสะดวก ด้วยเครื่องมือให้บริการในชื่อ SUMO ตั้งแต่การรับฝากเงิน เปิดบัญชีเงินฝาก ฝากสลากออมสิน ฝากเงินกองทุนต่างๆ เปิดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ รับชำระสินเชื่อ เป็นต้น ซึ่งปีนี้จะมีจำนวนถึง 3,700 เครื่องออกไปให้บริการ
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมพัฒนาศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ยกระดับการให้บริการและตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า โดยเป็นศูนย์กลางรวบรวมทุกความคิดเห็น ข้อร้องเรียน และเสนอแนะของลูกค้าจากทุกรูปแบบช่องทางการสื่อสาร และเป็นศูนย์กลางในการให้บริการข้อมูล ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์และบริการ ผ่านทุกช่องทางสำคัญ นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยี AI, Chatbot, Speech Recognition มาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้า อีกทั้งยังพร้อมจะเป็นองค์กรหลักให้บริการรูปแบบ ATM White Label กับสถาบันการเงินอื่น ทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งได้เตรียมติดตั้ง ATM ใหม่กว่า 5,000 เครื่อง ทดแทนเครื่องเดิมและเพิ่มเติมในจุดที่มีศักยภาพครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
ด้าน Social Development Banking จาก “3 ออมสร้างโลกสีชมพู สู่ 3 สร้าง” ประกอบด้วย สร้างความรู้/อาชีพ สร้างตลาด/รายได้ และสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อลดความความเหลื่อมล้ำ เติมเต็มช่องว่างทางการเงิน สร้างความมั่นคงในชีวิต และยกคุณภาพชีวิต แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มเด็ก/เยาวชน ลูกค้าฐานราก/ชุมชน ผู้สูงอายุ และกลุ่ม Startup โดยปี 2563 จะปรับเปลี่ยนบทบาทสาขา Social Branch เป็นศูนย์พัฒนาสู่ความยั่งยืน Sustainable Banking Center มิติใหม่ของสถาบันการเงินที่จะมีสาขาดูแลด้านสังคมโดยเฉพาะ
รวมถึงมีบริการศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน ศูนย์แก้ไขหนี้นอกระบบ ศูนย์พัฒนาอาชีพ ศูนย์แก้ไขหนี้นอกระบบ ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวในท้องถิ่น จุดให้บริการทางการเงินเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐ (Financial Logistic Center) ศูนย์แสดงสินค้าชุมชน ซึ่งปี 2563 จะเปิดให้บริการครบ 100 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการปรับบทบาท “สำนักสินเชื่อธุรกิจลูกค้า SMEs” ที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ 82 ศูนย์ เป็น “ศูนย์กลางพัฒนาส่งเสริม SMEs” (SMEs Development Center) เพื่อสนับสนุนธุรกิจ SMEs ได้ครบวงจร ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
สำหรับ Digital Banking จะพัฒนาให้เป็น Ecosystem ตอบสนองทุกช่วงชีวิตของลูกค้า โดยปี 2563 ธนาคารฯ มีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการและช่องทางต่างๆ ให้มีบริการที่รวดเร็วและทันสมัยมากยิ่งขึ้นในโลกยุคดิจิทัล พร้อมสร้างความสะดวกสบายบน Digital Platform ใหม่ๆ ตอบสนองทุกช่วงชีวิตของลูกค้า ผ่านการพัฒนา New Feature ของ Mobile Application : Mymo ได้แก่ บริการซื้อประกันภัยรถยนต์/ที่พักอาศัย/ประกันชีวิต ผ่าน i-Insurance บริการบัญชีเพื่อการออม ด้วย I-Saving บริการซื้อขายหลักทรัพย์กับ i-Investment และบริการการค้ำประกันสินเชื่อด้วย Digital สลาก ด้วย i-Loan เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มผู้ใช้บริการ MyMo จาก 8 ล้านรายในปี 2562 เป็น 13 ล้านรายในปีนี้ และเป็น 18 ล้านรายในปี 2564
“ด้วยกลไก 3 Banking จะเป็น 3 พลังขับเคลื่อนนำธนาคารออมสินมุ่งไปสู่ GSB Sustainble Banking ซึ่งธนาคารฯ พร้อมด้วยบุคลากรและหน่วยงานพันธมิตร พร้อมทำหน้าที่ให้ลูกค้าและประชาชนได้เข้าถึงบริการทางการเงินอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นในทุกพื้นที่ จะให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า ธนาคารออมสินจะดูแลทุกคน ดูแลชุมชน มีดิจิทัลแบงก์ มีสาขาจะปรับปรุงรูปแบบสาขาให้เหมาะสมกับศักยภาพในพื้นที่ โดยจะเน้นบริการ การขยายช่องทาง Digital และพัฒนา Feature ใหม่ๆ ผ่านช่องทางบริการ Mobile Banking ที่จะเป็นอีกช่องทางสำคัญในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สัญลักษณ์ธนาคารออมสินประทับใจ อยู่ในความคิดของประชาชนทุกคนเมื่อนึกถึงการให้บริการทางการเงิน” ผอ.ธนาคารออมสิน ย้ำ แสดงความมั่นใจว่า
จากนี้ไป ธนาคารพาณิชย์เอง คงต้องหันมาให้ความสนใจกับการดูแลสังคม ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการดูแลสังคมกันแล้ว เพียงแต่จากนี้ไป จะเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากกระแสสังคมตอบรับกับภารกิจของกิจการธนาคารในลักษณะนี้ไปแล้ว.