ทำไม SMEs ไทยยังไม่ไฮเทค
EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอนำส่ง EIC Data Infographic เรื่อง SMEs ไทยยังไม่ไฮเทค
อีไอซีทำการวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสถานประกอบการไทยของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ซึ่งทำการสำรวจสถานประกอบการไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมธุรกิจการค้าและธุรกิจทางการบริการ การผลิต การก่อสร้าง การขนส่งทางบกและคลังสินค้า โรงพยาบาลเอกชน และกิจกรรมด้านข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร ทั้งนี้ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลปี 2560 (เผยแพร่ปี 2561 กลุ่มตัวอย่าง 39,818 จากทั้งหมด 2,529,676 สถานประกอบการ) และข้อมูลของปี 2555 (เผยแพร่ปี 2556 กลุ่มตัวอย่าง 41,401 จากทั้งหมด 2,227,852 สถานประกอบการ) อีไอซีพบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
ธุรกิจไทยส่วนใหญ่ยังไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ในปี 2560 สัดส่วนสถานประกอบการไทยที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ อยู่ที่เพียง28.3% ของสถานประกอบการทั้งหมด โดยเมื่อพิจารณาแยกตามขนาดสถานประกอบการ พบว่า สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 11 คนขึ้นไป (มีจำนวนคิดเป็นเพียง 4.5% ของสถานประกอบการทั้งหมด) จำนวนเกิน 3 ใน 4 มีการใช้คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีลูกจ้างเกิน 200 คนขึ้นไปมีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นสัดส่วนสูงถึง 99.7% อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการขนาดเล็กที่สุดคือมีลูกจ้างไม่เกิน 10 คน

ซึ่งถือเป็นสถานประกอบการส่วนใหญ่ของไทย (มีจำนวนคิดเป็น 95.5% ของสถานประกอบการทั้งหมด) มีสัดส่วนการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ที่เพียง 25.7% ส่งผลทำให้สัดส่วนในภาพรวมอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ดี สัดส่วนการใช้คอมพิวเตอร์ในสถานประกอบการเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ในทุกขนาดสถานประกอบการและทุกอุตสาหกรรมที่มีการสำรวจ
ธุรกิจไทยยังใช้อินเทอร์เน็ตกันไม่มาก และส่วนใหญ่ยังไม่ใช้เพื่อการค้าขาย ในปี 2560 สัดส่วนของสถานประกอบการที่ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 29.6% ของสถานประกอบการทั้งหมด ทั้งนี้ในทำนองเดียวกันกับสัดส่วนการใช้คอมพิวเตอร์ธุรกิจขนาดเล็กที่มีลูกจ้างไม่เกิน 10 คนจะเป็นกลุ่มที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตต่ำโดยมีสัดส่วนสถานประกอบการที่ใช้เพียง27.2% ขณะที่ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นจะมีสัดส่วนสูงกว่า 70% ขึ้นไป โดยธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุด (มีลูกจ้างมากกว่า200 คน) จะมีการใช้อินเทอร์เน็ตในเกือบทุกสถานประกอบการ (99.2%) สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ของธุรกิจไทยจะใช้เพื่อค้นหาข้อมูล (74.6% ของสถานประกอบการที่ใช้อินเทอร์เน็ต) และรับส่งอีเมล(70.8%) ส่วนการใช้เพื่อการค้าขายนั้นยังถือเป็นส่วนน้อย โดยมีเพียง 27.3% เท่านั้นที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการซื้อ/ขายสินค้าและบริการ สำหรับธุรกิจไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินมีสัดส่วนอยู่ที่ 15.4% ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในปี 2555 ซึ่งเป็นเหตุผลในการใช้อินเทอร์เน็ตของสถานประกอบการที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด สอดคล้องกับทิศทางของบริการทางการเงินด้านออนไลน์ที่มีการพัฒนามากขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง

ไทยยังตามหลังต่างประเทศอยู่ค่อนข้างมากในด้านดิจิทัล การใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตในสัดส่วนน้อยของไทยอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของไทยตามหลังหลายประเทศในโลกโดยจากข้อมูลอันดับความสามารถในการแข่งขัน (World Competitiveness Ranking) ล่าสุดในปี 2562 ของสถาบันIMD ในด้านการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีด้านดิจิทัล (use of digital tools and technologies) ไทยอยู่ในอันดับที่ 40 จาก 63 ประเทศที่ทำการสำรวจ นอกจากนี้ ข้อมูลสัดส่วนจำนวนธุรกิจที่รับคำสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต (proportion of small and large enterprises receiving orders over the internet) ของ UNCTAD เมื่อปี 2561 ยังพบอีกว่าไทยอยู่ในอันดับ 42 จาก 46 ประเทศที่ทำการสำรวจ โดยไทยมีสัดส่วนจำนวนของธุรกิจขนาดเล็กที่รับคำสั่งผ่านอินเทอร์เน็ตที่เพียงประมาณ 10% ห่างไกลจากประเทศอันดับหนึ่ง คือ สิงคโปร์ ที่มีสัดส่วนสูงถึงราว 60%
แม้ว่าธุรกิจไทยยังไม่ไฮเทค แต่ก็ยังต้องการบุคลากรด้านไอทีอีกมาก ในปี 2560 ธุรกิจไทยมีการจ้างงานบุคลากรด้านไอทีรวมประมาณ 4.4 แสนคนเพิ่มขึ้นจากในปี 2555 ประมาณ 1.8 หมื่นตำแหน่ง สวนทางกับจำนวนการจ้างงานในภาพรวมของไทยที่ลดลงในช่วงเดียวกัน นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังพบอีกว่าสถานประกอบการไทยยังมีความต้องการบุคลากรด้านไอทีเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะตำแหน่ง ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง ที่ยังมีความต้องการอีก 1.5 พันตำแหน่งจากการจ้างงานที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ 2.4 พันตำแหน่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนความต้องการที่เพิ่มขึ้นถึง 64% รองลงมาคือตำแหน่ง นักออกแบบและวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ (ต้องการ 4.1 พันตำแหน่ง) และโปรแกรมเมอร์ (ต้องการ 6.2 พันตำแหน่ง) คิดเป็น 32% และ 24% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับจำนวนการจ้างงานของแต่ละตำแหน่งในปัจจุบัน ทั้งนี้ในส่วนของความต้องการบุคลากรในธุรกิจขนาดเล็กที่มีลูกจ้างไม่เกิน 10 คนมีมากถึงราว 1.5 หมื่นตำแหน่ง คิดเป็น 9.8% ของจำนวนการจ้างงานปัจจุบัน มากกว่าธุรกิจที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 11 คนขึ้นไปซึ่งมีความต้องการบุคลากรไอทีรวมกันที่ 9.3 พันตำแหน่ง คิดเป็น 3.2% ของจำนวนการจ้างงานปัจจุบัน ความแตกต่างดังกล่าวสะท้อนถึงความต้องการในการปรับตัวด้านเทคโนโลยีของธุรกิจขนาดเล็กของไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าระดับการใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันจะยังไม่สูงมากนักก็ตาม อย่างไรก็ดี การตอบสนองความต้องการในด้านแรงงานไอทีของธุรกิจขนาดเล็กยังมีความท้าทายที่ทั้งฝั่งผู้ประกอบการและภาครัฐต้องร่วมมือกันหาทางออกได้แก่ การผลิตแรงงานด้านไอทีตั้งแต่ระดับสถานศึกษาให้มีคุณภาพและปริมาณที่ตรงกับความต้องการ การยกระดับธุรกิจขนาดเล็กให้มีทัศนคติที่เปิดรับการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และการจับคู่ (matching) ให้สอดคล้องระหว่างทักษะแรงงานและความต้องการของธุรกิจ