“3 เจนฯ ลมหายใจ“ผ้าไหมทอมือ”
จากรุ่นสู่รุ่น “3 เจนฯ ที่ยังมีลมหายใจ” ร่วมสร้างผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ “กลุ่มปะอาว” จนเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวาง สุดท้ายการได้รับโอกาสจาก ธ.ก.ส. และการวางขายใน A Farm Market แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ จะเวิร์กหรือไม่? แค่ไหน? เวลาจะเป็นคำตอบ!!!
นางเตือนใจ แก้ววงษา สมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านปะอาว ต.ปะอาว อ.เมือง จ.อุบลราชธานี หนึ่งในผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในจำนวนสมาชิกของกลุ่มฯราว 80 คน ด้วยเพราะฝีมือการทอมือผ้าไหมที่ยอดเยี่ยมและมีอัตลักษณ์เฉพาะตัวชนิดหาตัวจับได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะลาย “ทิวมุกจกดาว” ที่ไม่มีเพียงจะทอได้ยาก หากยังต้องใช้ฝีมือ ความปราณีต ความวิริยะอุตสาหะ ความใส่ใจ และระยะเวลาที่ยาวนาน กว่าจะได้ผ้าไหมทอมือลายนี้ออกมาแต่ละฝืน ซึ่งแต่ละผืนจะมีราคาจำหน่ายราว 20,000-25,000 บาทต่อผืนเลยทีเดียว
จึงไม่แปลกที่ นางเตือนใจ “เจนเนอเรชั่นแรก” ของครอบครัว จะสร้างรายได้จาก “คำสั่งซื้อพิเศษ” ของลูกค้า “ไฮโซ” ทั้งในส่วนข้าราชการและนักธุรกิจชั้นนำของ จ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงจังหวัดที่ห่างไกลอื่นๆ ทั่วประเทศ จนมีรายได้จากการขายผ้าไหมทอมือสูงกว่ารายได้เฉลี่ยของสมาชิกคนอื่นๆ โดยตนมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน ขณะที่สมาชิกทั่วไปจะมีรายได้เฉลี่ยเพียง 8,000-15,000 บาท
นางเตือนใจกล่าวว่า ตนฝึกฝนการทอมือผ้าไหมมายาวนานกว่า 30 ปี และได้ถ่ายทอดการทอมือผ้าไหมให้กับเพื่อนบ้านในชุมชนฯ รวมถึงลูก (เจนเนอเรชั่นที่ 2) และหลาน (เจนเนอเรชั่นที่ 3) กระทั่งกลายเป็นธุรกิจหลักของครอบครัวไปแล้วในทุกวันนี้ โดยมีเพียงตนและผู้อาวุโสในกลุ่มฯไม่กี่คนที่สามารถจะทอมือผ้าไหมลาย “ทิวมุกจกดาว” ซึ่งกวาดรางวัลชนะเลิศจากการประกวดจากหลายเวที จนได้ชื่อว่าเป็นลายผ้าของ จ.อุบลราชธานีได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญสูงมาก เพราะต้องยกลายและขัดดอกด้วยความละเอียดและปราณีต
โดยผ้าไหมลายนี้ แต่ละฝืนขนาด 1×2 เมตร จะต้องใช้เวลาในการทอมือเฉลี่ยประมาณ 8-10 วัน ขณะที่การทอมือผ้าไหมลายทั่วไป จะใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้น จึงเป็นโอกาสให้ตนได้รับคำสั่งซื้อ (จ้างผลิต) มาโดยตลอด และทุกวันนี้มีคำสั่งซื้อในลาย “ทิวมุกจกดาว” มาอย่างต่อเนื่อง แต่ตนจะรับคำสั่งซื้อเฉพาะเท่าที่พอทำได้เท่านั้น
นางทัศนีย์ พรสี่ ลูกสาวของนางเตือนใจ และเป็น “เจนเนอเรชั่นที่ 2” ผู้เป็นเจ้าของร้าน “ทัศนีย์สายใยไหมฝ้าย” (สุดยอด OTOP ต.ปะอาว) ในห้าง OTOP CENTER อ.เมือง จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของครอบครัวตน ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์คุณภาพ ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ถูกนำไปออกร้านร่วมกับ ธ.ก.ส.ในงาน THAILAND SMART MONEY ที่ห้างเซ็นทรัล พลาซ่า ระหว่างวันที่ 2-4 ส.ค.62 และวางจำหน่ายอยู่ใน A Farm Market (แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์) ของ ธ.ก.ส.
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม A Farm Market เพียง 2 วัน ก็เริ่มมีคำสั่งซื้อออนไลน์มาบ้างแล้ว โดยวันแรกมีคำสั่งซื้อผ้าไหม 3 ชิ้น และวันที่ 2 อีก 12 ชิ้น ขณะที่การขายหน้าร้าน หลังการติดป้าย A Farm Market ของ ธ.ก.ส. ก็มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาซื้อผ้าไหมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นจำนวนมาก เฉพาะแค่ช่วงเช้าของวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา มียอดซื้อล็อตใหญ่จากกลุ่มข้าราชการครู ร.ร.เขื่องใน (เจริญราษฎร์) แบ่งเป็นผ้าไหมลายต่างๆ เฉลี่ยราคาผืนละ 3,200 บาท จำนวน 19 ผืน และผ้าไหมผืนเรียบราคา 1,000 บาท อีก 14 ผืน
“ครอบครัวของดิฉันและคุณแม่ (นางเตือนใจ) โชคดีที่ได้รับโอกาสจาก ธ.ก.ส. โดยทุกวันนี้ เงินกู้ที่ได้รับจำนวน 3 ล้านบาท ได้ถูกนำมาต่อยอดผ่านการผลิตและจำหน่าย ทั้งที่เป็นผ้าไหมผืน และการรับสั่งตัดเสื้อผ้า จนทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น เฉพาะราคาสินค้าภายในร้านที่เห็นวางขายก็มีมูลค่ารวมกันกว่า 20 ล้านบาทแล้ว” นางทัศนีย์ ระบุ
ด้านนายธีพงศ์ พรสี่ หรือ “ป๊อบ” ซึ่งเป็น “ลูกชาย” ของนางทัศนีย์ และ “หลานยาย” ของนางเตือนใจ ที่ทำให้เพื่อนสมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านปะอาว และบรรดาลูกค้า “ไฮโซ” ร่วมกันสร้างวลี “หลานขาย ยายผลิต” จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายใน จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ตนในฐานะ “เจนเนอเรชั่นที่ 3” ของครอบครัว พยายามจะสานต่อและต่อยอดธุรกิจผลิตและจำหน่ายผ้าไหมต่อไป โดยจะสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ตัว พร้อมกับสร้างเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหรือสาขาในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญๆ
นอกจากนี้ การได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายอยู่ในร้านค้าออนไลน์ A Farm Market ของ ธ.ก.ส. นอกจากเป็นความภาคภูมิใจของตนและครอบครัวแล้ว เชื่อว่าช่องทางการจำหน่ายนี้ จะเป็นการต่อยอดและสร้างโอกาสที่ดีให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและเสื้อผ้าสำเร็จรูป รวมถึงเสื้อผ้าสั่งตัดจากผ้าไหมของครอบครัวตนอย่างแน่นอน.