ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ
SCB CIO Office ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวในกรอบ โดยรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G-20
ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามการพบปะกันระหว่าง ประธานาธิบดี ทรัมป์ และ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมกลุ่ม G-20 ที่ญี่ปุ่นในช่วงท้ายสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยกดดันจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ ขณะที่ตลาดหุ้นจีน ปิดลบ หลังสหรัฐฯประกาศห้ามบริษัทจีนเพิ่มเติมในการซื้อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากบริษัทสหรัฐฯ และมีแรงขายหุ้นกลุ่มการเงิน หลังสหรัฐฯ กล่าวหา ธนาคารพาณิชย์จีนขนาดใหญ่หลายแห่งว่า เป็นแหล่งฟอกเงินของเกาหลีเหนือ ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมัน ปิดบวก จากความกังวลต่อประเด็นขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ หลังสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรผู้นำสูงสุดของอิหร่าน และราคาทองคำ ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากดอลลาร์ สหรัฐฯ อ่อนค่า หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซา
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ ขณะที่ นักลงทุนจับตาการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดี ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G-20 ที่ญี่ปุ่นในช่วงสุดสัปดาห์
ตลาดหุ้นไทย ปิดบวก หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ สนับสนุนเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ด้านคณะกรรมการนโยบายการเงินคงอัตราดอกเบี้ย แต่ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และแสดงความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาท ผลการหารือระหว่างประธานาธิบดี ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง นอกรอบการประชุมกลุ่ม G-20 ตกลงที่จะเริ่มหารือด้านการค้ากันอีกครั้ง โดยสหรัฐฯ จะไม่เพิ่มการเก็บภาษีใหม่กับสินค้าส่งออกของจีนมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะอนุญาตให้บริษัทของสหรัฐฯ สามารถขายชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีได้อีกครั้ง แม้สหรัฐฯ จะยังไม่ถอดถอน บริษัท หัวเว่ย ออกจากบัญชีดำทางการค้า เพื่อแลกกับการกลับมาเจรจาการค้า และการที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมากจากสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ หลังประธานาธิบดี ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ตกลงที่จะกลับมาเจรจากัน ประกอบถ้อยแถลงของสมาชิกทั้ง Fed และ ECB ยังมีแนวโน้มส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายต่อ ขณะที่ นักลงทุนยังคงรอติดตามผลการประชุมโอเปก และนอกกลุ่มโอเปก โดยที่ประชุมฯ มีแนวโน้มจะขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตออกไป ซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับเพิ่มขึ้นต่อ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของสงครามการค้าที่ผ่านมา น่าจะส่งผลให้ตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่น ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ปรับลดลง ประกอบกับ Bond yield สหรัฐฯ มีแนวโน้มกลับมาปรับเพิ่มขึ้น หลังความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนลดลง อาจส่งผลให้ นักลงทุนปรับลดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ลง และเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างจำกัด ด้านราคาทองคำ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ หลังการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้า ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านยังคงดำเนินอยู่.