ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนสหรัฐฯ
SCB CIO Office ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ระงับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก และนักลงทุนคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ระงับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก และนักลงทุนคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นักลงทุนยังคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัวลง ด้านตลาดหุ้นจีน (A-Share) ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค หลังรัฐบาลจีนผลักดันให้รัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตรพิเศษ และสามารถนำเงินที่ได้ไปใช้ในโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจจีน สำหรับตลาดหุ้นไทย ปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง จากการเมืองไทยที่มีความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมัน ปิดลบ เนื่องจาก สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดช่วงลบลงในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ ถูกโจมตีในอ่าวโอมาน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก เนื่องจาก รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ระงับการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก หลังสามารถตกลงกันได้ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโก นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ซบเซา และ ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบ WTI
ตลาดหุ้นไทย ปิดบวก ได้รับแรงหนุนจากการที่ Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายเชิงนโยบาย ประกอบกับ การเมืองไทยที่มีความชัดเจนมากขึ้น และเงินบาทที่ยังคงแข็งค่า ได้ช่วยสนับสนุนเม็ดเงินลงทุนจาก นักลงทุนต่างชาติ ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับผลการประชุม Fed ซึ่งคาดว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม แต่มีแนวโน้มส่งสัญญาณที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Dovish) มากขึ้น ซึ่งอาจจะสะท้อนผ่านการปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Dot plot) ลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าหาก Fed ไม่มีการปรับลด Dot Plot ในครั้งนี้ อาจสร้างแนวโน้มเชิงลบต่อนักลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้น เนื่องจาก Fed Fund Futures ได้บ่งชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ คาดว่า มีโอกาสมากกว่า 80% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ต.ค. และธ.ค.ปีนี้ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดลง และตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประเด็นที่นักลงทุนยังคงกังวล และมีผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้แก่ 1) ความไม่แน่นอนต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ยังต้องรอความคืบหน้า จากการพบปะเจรจาระหว่าง ประธานาธิบดีของทั้ง 2 ประเทศ ในช่วงการประชุม G20 2) การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และ 3) สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น (Geopolitical Risks).