Skip to content
Fri. Dec 12th, 2025
  • Facebook
  • Twitter
AEC10NEWS

AEC10NEWS

Primary Menu
  • Home
  • NEWS
    • BREAKING NEWS
    • CHINA NEWS
    • ENERGY FORCE
    • EDITOR TALK
    • MONEY MOVEMENT
    • NATIONAL
    • OPEN NEWS
    • POLITICS
    • WORLD
    • ดวงประจำวัน
  • ASEAN
    • Brunei
    • Cambodia
    • Indonesia
    • Laos
    • Malaysia
    • Myanmar
    • Philippines
    • Singapore
    • Vietnam
  • EEC
  • SPECIAL REPORT
  • BUSINESS
    • BUSINESS MOVEMENT
    • HOT MARKETS
    • PHOTO STORIES
  • SPECIAL REPORT
  • HOT NEWS

ไทยพาณิชย์ ยัน เส้นตายภาษีทรัมป์จบ 1 ส.ค. นัยต่อเศรษฐกิจไทย

14/07/2025 1 min read
ไทยพาณิชย์ ยัน เส้นตายภาษีทรัมป์จบ 1 ส.ค. นัยต่อเศรษฐกิจไทย
  • LINEแชร์เลย!
ดูแล้ว: 1,925

SCB EIC มองภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ไทยอาจโดนเก็บสูงกว่าคู่แข่งสำคัญ เป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยใน 5 ประเด็นสำคัญ

1. สินค้าส่งออกสำคัญของไทยอาจเผชิญความเสี่ยงจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ให้คู่แข่ง ซึ่งคู่แข่งหลักของไทยเกือบทั้งหมดถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า (ณ อัตราล่าสุด) โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ไทยอาจต้องสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่งสำคัญในอาเซียน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ไทยยังอาจเผชิญความเสี่ยงจากการถูกเก็บภาษีสวมสิทธิ เช่นเดียวกับเวียดนาม ซึ่งจะยิ่งเพิ่มต้นทุนการค้า และอาจเผชิญกับมาตรการตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าที่เข้มงวดขึ้น

2. หากไทยเจรจายอมเปิดตลาดเสรีให้สินค้าสหรัฐฯ โดยไม่มีเงื่อนไข (กรณีแย่ที่สุด) อุตสาหกรรมเกษตรและปศุสัตว์ โดยเฉพาะสุกร, ไก่เนื้อ และข้าวโพด นับว่ามีความอ่อนไหวสูง เพราะต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก (แม้จะรวมค่าขนส่งมาไทยแล้ว) นอกจากนี้ ไทยยังพึ่งพาผลผลิตในประเทศเป็นหลัก และผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรายย่อย หากรัฐบาลยอมเปิดตลาดกลุ่มสินค้าเหล่านี้เพื่อแลกกับการลดภาษีตอบโต้ ผู้บริโภคในประเทศอาจได้ประโยชน์จากราคาสินค้าที่ถูกลง แต่ก็อาจเผชิญความเสี่ยงความมั่นคงทางอาหารเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ผลิตและผู้เล่นที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตในประเทศอาจได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่มีต้นทุนการผลิตสูงกว่า

3. อุปสงค์ในประเทศจะยิ่งแผ่วลงในครึ่งหลังของปี อาจเห็นการลงทุนภาคเอกชนหดตัว และการบริโภคจะชะลอตัวแรงขึ้นโดยเฉพาะไตรมาส 4 แผนการลงทุนอาจชะลอออกไป ผลจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และอัตราภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ เก็บไทยที่อาจสูงกว่าประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะหากคู่แข่งสำคัญถูกตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ต่ำกว่า การลงทุนจากต่างประเทศอาจถูกดึงดูดไปประเทศคู่แข่งแทนได้นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ-จีนมีข้อตกลงเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำลงมากจากที่เคยสูงกว่า 100% ในช่วง 1-2 เดือนก่อน อาจทำให้ปัจจัยดึงดูดให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาส่งออกจากไทยไม่มากเช่นเดิมนอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนจะแผ่วลงต่อเนื่อง และจะชะลอลงแรงขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เต็มที่ อาจทำให้การจ้างงานลดลงตามมา ส่งผลต่อบรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศที่จะซบเซาลง ท่ามกลางความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวอยู่ก่อนแล้ว

4. โอกาสมากขึ้นที่จะเห็น กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าที่จะแย่ลงกว่าที่ กนง. เคยประเมินไว้ แต่หากการเจรจาสหรัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จเศรษฐกิจไทยจะยิ่งเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำสูงขึ้น อาจมีโอกาสเห็น กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมากกว่า 2 ครั้งในปีนี้

5. ภาครัฐควรประเมินผลดีและผลเสียของการเปิดตลาดสินค้าให้สหรัฐฯ ให้ถี่ถ้วนรอบด้าน การเจรจาขอลดภาษีต้องคำนึงถึงความสมดุลเป็นหลัก ทั้งประโยชน์ที่จะได้รับจากอัตราภาษีตอบโต้ที่ลดลง และผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่จะได้รับจากสินค้าภายนอกประเทศที่เข้ามาแข่งขันได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจพิจารณาเปิดตลาดสินค้าบางรายการแบบมีเงื่อนไข โดยไม่ใช่การเปิดตลาดแบบเสรี พร้อมเตรียมเยียวยาผู้ประกอบการที่อาจได้รับผลกระทบ รวมถึงการให้สภาพคล่องระยะสั้น การหาตลาดใหม่ และการเร่งยกระดับขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศให้สามารถแข่งขันได้

ความคืบหน้า US Reciprocal Tariffs หลังเส้นตายใหม่เลื่อนเป็น 1 ส.ค.

ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. 2025 ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ทยอยส่งหนังสือแจ้งเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) อัตราล่าสุดให้ 23 ประเทศคู่ค้าอย่างเป็นทางการ และเลื่อนวันเริ่มบังคับใช้เป็น 1 ส.ค. สำหรับทุกประเทศ (เดิมกำหนดเริ่ม 9 ก.ค.) สหรัฐฯ ส่งรอบแรกถึง 14 ประเทศในวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งไทยจัดอยู่ในประเทศกลุ่มแรกนี้ด้วย สหรัฐฯ ระบุจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา36% เท่ากับที่เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. (รูปที่ 1) SCB EIC มองว่าประเทศที่ได้รับหนังสือฯ จากสหรัฐฯ เป็นกลุ่มแรกนี้ ส่วนใหญ่เป็นประเทศคู่ค้าหลักและเกินดุลการค้าสหรัฐฯ สูง รวมถึงสหรัฐฯ อาจมองว่าตนมีอำนาจการต่อรองสูงกว่า และอยากเร่งการเจรจาที่ยืดเยื้อมานานให้ได้ข้อสรุปที่ดีต่อสหรัฐฯ มากขึ้น ในรอบที่สองสหรัฐฯ ได้ส่งหนังสือฯ ให้อีก 9 ประเทศในช่วง 9-10 ก.ค. สำหรับประเทศคู่ค้าที่เหลือกว่าร้อยประเทศ สหรัฐฯ ระบุว่าอาจจะส่งหนังสือฯ เช่นนี้ให้ในรอบต่อ ๆ ไป และขู่ว่าหากเจรจาไม่คืบหน้า จะเก็บภาษีตอบโต้สูงสุดตามที่ประกาศไว้ ณ 2 เม.ย.

รูปที่ 1 : สหรัฐฯ ส่งหนังสือจะเก็บภาษีตอบโต้ 23 ประเทศก่อนพ้นเส้นตายเดิม 9 ก.ค. ไทยยังโดน 36%

หมายเหตุ : *กรณีแคนาดายังไม่มีความชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะยกเว้นสินค้าภายใต้ข้อตกลง USMCA และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานให้หรือไม่

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูล The White House

หนังสือสหรัฐฯ ต้องการกดดันให้คู่ค้าเร่งเจรจาด้วยข้อเสนอที่ดีขึ้น หนังสือสหรัฐฯ ที่ส่งให้แต่ละประเทศมีข้อความคล้ายคลึงกันมาก โดยเฉพาะในตอนท้ายของหนังสือฯ ที่ย้ำชัดว่า สหรัฐฯ อาจลดอัตราภาษีตอบโต้ลงได้ หากติดต่อยื่นข้อเสนอที่ดีขึ้นให้สหรัฐฯ ก่อนเส้นตายใหม่ที่ขยับเป็น 1 ส.ค. ดังนั้นในช่วงที่เหลือของเดือนกรกฎาคมนี้ อัตรากำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บจาก 14 ประเทศนี้ และอาจรวมถึงประเทศคู่ค้าอื่น ๆ จะยังคงเป็นอัตราภาษีขั้นต่ำ (Universal Tariffs) 10% เท่ากันทุกประเทศอยู่

ในครั้งนี้สหรัฐฯ คงอัตราภาษีตอบโต้ไทยที่ 36% แต่ลดให้บางประเทศคู่แข่งของไทย นับเป็นสัญญาณน่ากังวล SCB EIC ตั้งข้อสังเกตว่า (1) ไทยโดนอัตราภาษีตอบโต้สูงกว่าค่าเฉลี่ยอาเซียน (28% หากไม่รวมไทย) ค่าเฉลี่ยภูมิภาคเอเชีย (19%) และค่าเฉลี่ยโลก (16%) (2) ไทยมีพัฒนาการในการเจรจาสหรัฐฯ ค่อนข้างช้ากว่าประเทศคู่แข่งในอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนามที่เร่งเจรจาหลายรอบจนได้ข้อสรุปดีลกับสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. สามารถต่อรองลดอัตราภาษีตอบโต้จาก 46% เหลือเพียง 20% สำหรับสินค้าที่ผลิตในเวียดนาม และเหลือ40% สำหรับสินค้าสวมสิทธิการส่งออกจากเวียดนาม (Transshipping tariff)และ (3) ไทยอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯหากโดนสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ที่ 36% ซึ่งสูงกว่าอัตราภาษีตอบโต้ล่าสุดของสินค้าจีน (30%) และสินค้าเวียดนาม (20%) ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ รวมถึงคู่แข่งในอาเซียนที่ยังไม่ได้ดีลกับสหรัฐฯ แต่พยายามเร่งเจรจาในช่วงนี้เพื่อให้เสียภาษีตอบโต้ต่ำลงกว่าอัตราปัจจุบัน หรือเสียอัตราต่ำกว่าสินค้าจีนหรือเวียดนาม เพื่อไม่ให้เสียเปรียบความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ มากนัก

ทีมเจรจาการค้าของไทยยืนยันเดินหน้าเจรจาสหรัฐฯ ขอลดกำแพงภาษีรมว.คลัง ผู้นำทีมเจรจาฯ ของไทยให้สัมภาษณ์ว่า ไทยได้ยื่นข้อเสนอปรับปรุงใหม่ให้สหรัฐฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ก.ค. หลังกลับจากการเดินทางไปเจรจาสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการครั้งแรกในช่วงวันที่ 1-3 ก.ค. จึงสะท้อนว่าสหรัฐฯ ยังไม่ได้พิจารณาข้อเสนอใหม่ก่อนส่งหนังสือฯ ออกมาในวันที่ 7 ก.ค. จึงแจ้งเก็บภาษีตอบโต้ไทยในอัตราเดิม ทั้งนี้ข้อเสนอใหม่ของไทยที่ยื่นต่อสหรัฐฯ ในภาพรวมไทยจะลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ลง 70% ใน 5 ปี และสมดุลการค้ากับสหรัฐฯ ให้ได้ภายใน 7-8 ปี ซึ่งเร็วขึ้นกว่าข้อเสนอเดิม นอกจากนี้ ไทยเสนอเปิดตลาดสำหรับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมจากสหรัฐฯ ให้มากขึ้น ผ่านการลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของรายการสินค้าทั้งหมดเหลืออัตรา 0% และลดมาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี รวมถึงเพิ่มการจัดซื้อพลังงานและเครื่องบินจากบริษัทของสหรัฐฯ

นัยต่อเศรษฐกิจไทย

1. ผลกระทบต่อสินค้าส่งออก

ความสามารถการแข่งขันของหลายสินค้าอุตสาหกรรมหลักของไทยกำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯ คิดภาษีตอบโต้สินค้าไทยสูงกว่าคู่แข่งสำคัญในอาเซียนและเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม,เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และจีน

SCB EIC ประเมินความเสี่ยงต่อการส่งออกไทยในเบื้องต้น พบว่า หากไทยเจรจาขอลดภาษีกับสหรัฐฯ ไม่สำเร็จ หรือเจรจาลดภาษีลงได้บางส่วน แต่คาดว่าอัตราภาษีที่ไทยจะถูกจัดเก็บจะยังสูงกว่าคู่แข่งอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ อาจอ่อนแอลง ผลจากต้นทุนทางการค้าที่สูงกว่าคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค โดยเฉพาะหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ อาจถูกมาเลเซียและฟิลิปปินส์แย่งส่วนแบ่งตลาดได้ ขณะที่สินค้าจากจีน เวียดนาม และเม็กซิโก มีแนวโน้มเข้ามาแทนที่สินค้าไทยในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ รวมถึงอุปกรณ์ส่งสัญญาณ นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า(สินค้ารายการอื่น ๆ ที่ยังไม่โดนเก็บ Specific tariffs ภายใต้ HS code 84 และ 85) ยังอาจเผชิญ
การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งโดนกำแพงภาษีตอบโต้25% ต่ำกว่าไทย

สำหรับสินค้ากลุ่มยางล้อ ไทยต้องเผชิญข้อเสียเปรียบจากมาตรการยกเว้นภาษีที่สหรัฐฯ ให้สิทธิประโยชน์ประเทศสมาชิก USMCA ได้แก่ เม็กซิโก และแคนาดา ส่งผลให้ไทยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสถานะคู่ค้าอันดับ 1 ได้ในอนาคต นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มอาหารทะเลแปรรูป โดยเฉพาะทูน่ากระป๋องไทยอาจมีแต้มต่อในตลาดสหรัฐฯ ลดลงจากกำแพงภาษีที่สูงกว่าคู่แข่งหลักอย่างเวียดนามค่อนข้างมาก แม้ปัจจุบันไทยจะเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากเกือบครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมดของสหรัฐฯแต่อัตราภาษีตอบโต้สินค้าไทยที่จะโดนเก็บสูงกว่า จึงมีความเสี่ยงที่ไทยจะสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ มากขึ้นในระยะต่อไป (รูปที่ 2)

อย่างไรก็ดี การประเมินผลกระทบและความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกไทยจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยด้านศักยภาพทางการผลิตเทียบประเทศคู่แข่งร่วมด้วย เนื่องจากบางอุตสาหกรรมไทยมีศักยภาพการผลิตและแต้มต่อเหนือคู่แข่งค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในระยะสั้น เช่น สินค้ากลุ่มยางล้อ ซึ่งไทยมีความได้เปรียบในการเป็นเจ้าของวัตถุดิบหลัก เช่น ยางธรรมชาติ รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานและห่วงโซ่อุปทานในประเทศที่แข็งแกร่งและครบวงจร เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซึ่งไทยยังคงมีบทบาทในการเป็นฐานการผลิตสำคัญระดับโลก

สำหรับการรักษาความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยภายใต้บริบทการค้าโลกผันผวนเช่นนี้ ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตและคุณภาพสินค้า พัฒนานวัตกรรม และยกระดับมาตรฐานให้สอดคล้องกับกฎระเบียบทางการค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกัน ภาครัฐจำเป็นต้องออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการและผู้เล่นในห่วงโซ่การผลิตที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงต้องเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอลง ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบกิจกรรมสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้า ที่อาจทำให้สินค้าไทยถูกเพ่งเล็งจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากไทยในอนาคต

รูปที่ 2 : ไทยเสี่ยงจะเสียส่วนแบ่งตลาดส่งออกในสหรัฐฯ ผลจากอัตราภาษีนำเข้าที่สูงกว่าคู่แข่งสำคัญ

หมายเหตุ : (*) พิจารณาเฉพาะอัตราภาษีนำเข้าจากจีนไปสหรัฐฯ 30% ที่เก็บเพิ่มในสมัยทรัมป์ 2.0 (ไม่รวมภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เคยเก็บจีนเพิ่มก่อนหน้านี้)

           (**) สินค้าที่ถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีแบบ Specific product tariffsซึ่งเกือบทุกประเทศจะถูกเก็บอัตราเดียวกัน เช่น ตู้เย็นบางประเภทถูกเรียกเก็บในอัตรา 50% ของมูลค่าเหล็กที่ใช้ในการผลิต ขณะที่ยางล้อบางประเภทถูกเรียกเก็บในอัตรา 25% ของมูลค่าสินค้า 

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูล Trade Map และ The White House

นอกจากประเด็น Reciprocal tariffs ของสหรัฐฯ แล้ว อีกประเด็นที่ควรจับตาคือ ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการทางภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าที่มีลักษณะสวมสิทธิ หรือมีสัดส่วนการพึ่งพาวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตจากการนำเข้าในระดับสูง (High-import content) ดังเช่นกรณีของเวียดนาม ที่แม้จะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ จนนำไปสู่อัตราภาษีตอบโต้ที่ 20% แต่สำหรับสินค้าที่เข้าข่ายสวมสิทธิกลับถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงถึง 40% 

ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่า สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีการสวมสิทธิในรูปแบบเจาะจงอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ประกอบการไทยบางกลุ่มจะอาจถูกเหมารวมและเผชิญกับมาตรการลักษณะเดียวกัน แม้จะดำเนินกิจการในรูปแบบปกติ อาทิ อุตสาหกรรมที่พึ่งพาการนำเข้าในระดับสูง เช่น แผงวงจรไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และแผงโซลาร์เซลล์ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เดิมอยู่ภายใต้การจับตาด้านกิจกรรมสวมสิทธิ เช่น ยางล้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ อะลูมิเนียม และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเหล่านี้ต่างก็มีแนวโน้มจะเผชิญกับต้นทุนทางการค้าที่สูงขึ้น จากทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการด้านแหล่งกำเนิดสินค้าที่จะยิ่งเข้มงวดมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางการลงทุนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในระยะข้างหน้า

2. ผลกระทบจากการถูกกดดันให้เปิดตลาดสินค้าให้สหรัฐฯ 

ความคืบหน้าของผลการเจรจาไทยกับสหรัฐฯ เป็นประเด็นที่ต้องจับตาใกล้ชิดในช่วงข้างหน้า หากไทยเจรจาสำเร็จอาจนำไปสู่การผ่อนปรนมาตรการทางภาษีและช่วยลดภาระต้นทุนของผู้ส่งออกไทย อย่างไรก็ดี ยังต้องพิจารณาผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยในบางอุตสาหกรรม หากไทยถูกกดดันให้เปิดตลาดเสรีให้สินค้าสหรัฐฯ โดยไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและปศุสัตว์

ตลาดสินค้ากลุ่มปศุสัตว์และวัตถุดิบอาหารสัตว์จัดว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจไทยที่มีความอ่อนไหวต่อการเจรจากับสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ มองว่าได้รับการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากไทย ทั้งจากกำแพงภาษีสูงและข้อกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff barriers) ด้านต่าง ๆ เช่น เนื้อสุกร ซึ่งไทยกำหนดภาษีนำเข้าไว้ 40% และสหรัฐฯ ถูกแบนการนำเข้าจากไทยในประเด็นการใช้สารเร่งเนื้อแดง (Ractopamine) ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้พยายามผลักดันและกดดันให้ไทยเปิดตลาดสินค้านี้มาโดยตลอด ตัวอย่างเช่น ในปี 2020 ช่วงประธานาธิบดีทรัมป์สมัยแรกได้ประกาศระงับสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับสินค้าไทย 232 รายการภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ “GSP” เนื่องจากไทยไม่ยอมเปิดตลาดเนื้อหมูและเครื่องในให้สหรัฐฯ ดังนั้น การตอบสนองต่อข้อเรียกร้องเดิมเหล่านี้อาจกลายมาเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สหรัฐฯ ใช้แลกเปลี่ยนกับการพิจารณาปรับลดอัตราภาษีตอบโต้ของไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรมต่อเนื่องของไทยในวงกว้างได้

จากการประเมินของ SCB EIC พบว่าอุตสาหกรรมสุกร ไก่เนื้อ และข้าวโพดของไทยมีความอ่อนไหวสูง หากภาครัฐจำเป็นต้องเปิดตลาดเสรีให้สหรัฐฯ โดยไม่มีเงื่อนไข (กรณีแย่สุด) เนื่องจากต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ประกอบกับโดยปกติแล้วไทยใช้ผลผลิตภายในประเทศเป็นหลักและมีผู้ผลิตที่เป็นเกษตรกรรายย่อยจำนวนมาก (รูปที่ 3) ตัวอย่างเช่น ในปี 2024 ต้นทุนการเลี้ยงสุกรและไก่ในไทยสูงกว่าต้นทุนในสหรัฐฯ (รวมค่าขนส่งมาไทย) ค่อนข้างมากถึงราว 27% หรือต้นทุนผลิตข้าวโพดของไทยสูงกว่าสหรัฐฯ ราว 9% ทั้งนี้ในปี 2024 ไทยนำเข้าข้าวโพดเพียง 22% ของการบริโภคในประเทศเท่านั้นและไม่ได้นำเข้าเนื้อสุกรและไก่เลย ดังนั้น หากรัฐบาลยอมเปิดตลาดกลุ่มสินค้าเหล่านี้เพื่อแลกกับการลดอัตราภาษีตอบโต้ลง ผู้ผลิตในประเทศและผู้เล่นที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตจะได้รับผลกระทบในวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรรายย่อย ที่มีต้นทุนสูงและเป็นผู้ผลิตส่วนใหญ่ในไทย เนื่องจากต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า 

กล่าวคือ การเปิดตลาดให้สหรัฐฯ จะทำให้ราคาสินค้าในประเทศปรับลดลงจากปริมาณการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่เพิ่มขึ้น เช่น ราคาสุกรและข้าวโพดอาจปรับลดลงจากปริมาณการนำเข้าเนื้อสุกรและข้าวโพดราคาถูกจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคและผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่จะได้อานิสงส์จากราคาสินค้าและต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง แต่ในทางกลับกัน ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางอาหารและวัตถุดิบสำหรับไทย เนื่องจากต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าจากตลาดต่างประเทศมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่ลดลงอาจจะทำให้รายได้เกษตรกรโดยรวมปรับลดลงและจะกดดันให้เกษตรกรที่ผลิตด้วยต้นทุนสูงอยู่แล้วต้องหยุดผลิตเพราะแข่งขันไม่ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังรายได้ของผู้ผลิตอาหารปศุสัตว์และเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบ จากความต้องการใช้อาหารปศุสัตว์ในประเทศที่ลดลง  

สำหรับกลุ่มเนื้อวัวเป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหวในระดับปานกลาง เนื่องจากแม้ต้นทุนการผลิตในไทยจะสูงกว่าสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันไทยมีการนำเข้าเนื้อวัวและเครื่องในจากต่างประเทศอยู่แล้ว จากการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับคู่ค้าอย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึงความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งหากไทยต้องเปิดตลาดให้สหรัฐฯ เพิ่มเติม ก็จะทำให้กลุ่มผู้ผลิตในประเทศต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในบางกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะเนื้อวัวเกรดพรีเมียม ในทางกลับกัน กลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่ำ เช่น ถั่วเหลือง, ก๊าซธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์นม เป็นสินค้าที่ในปัจจุบันไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าค่อนข้างมากอยู่แล้ว จึงจะได้รับผลกระทบค่อนข้างต่ำและในวงจำกัด

รูปที่ 3 : อุตสาหกรรมสุกร, ไก่เนื้อ และข้าวโพดของไทยมีความอ่อนไหวสูง หากภาครัฐจำเป็นต้องเปิดตลาดเสรีให้สหรัฐฯ โดยไม่มีเงื่อนไข (กรณีแย่สุด) 

หมายเหตุ : *สัดส่วนต้นทุนการผลิตของก๊าซธรรมชาติ เปรียบเทียบจากราคาก๊าซฯ ที่ประกาศโดย กกพ. ต่อราคาส่งออกก๊าซของสหรัฐฯ รวมกับค่าขนส่งปี 2024, ** คำนวณต้นทุนของสหรัฐฯ โดยใช้สัดส่วนต้นทุนการเลี้ยงไก่ต่อต้นทุนการเลี้ยงสุกรในไทยคูณกับต้นทุนการผลิตสุกรในสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต้นทุนการเลี้ยงไก่, ***ระดับความอ่อนไหว พิจารณาจาก 1) สัดส่วนต้นทุนการผลิตในไทยเทียบกับต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ รวมค่าขนส่งมายังไทย 2) สัดส่วนการนำเข้าต่อปริมาณการบริโภคในประเทศ 3) จำนวนเกษตรกรในประเทศ และ 4) ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ USDA, Trade Map, OAE และ CEIC

ในระยะสั้น ภาครัฐควรประเมินผลดีและผลเสียของการเปิดตลาดสินค้าให้สหรัฐฯ ให้ถี่ถ้วนรอบด้าน โดยการเจรจาเพื่อขอลดภาษีต้องคำนึงถึงความสมดุลเป็นหลัก ทั้งประโยชน์ที่ได้จากภาษีที่ขอลดลงและผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่จะได้รับจากสินค้าภายนอกประเทศที่เข้ามาแข่งขันได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเปิดตลาดสินค้าในประเทศ อาจพิจารณาเปิดตลาดสินค้าบางรายการแบบมีเงื่อนไข โดยไม่ใช่การเปิดตลาดแบบเสรี พร้อมเตรียมเยียวยาผู้ประกอบการที่อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมถึงการให้สภาพคล่องระยะสั้นและการหาตลาดใหม่ ผ่านวงเงินภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 157,000 ล้านบาทที่ยังเหลืออยู่ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่า หากจำเป็นรัฐบาลอาจพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้บ้างผ่าน (1) งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นส่วนหนึ่งมาใช้เพื่อรับมือผลกระทบ (2) ปรับปรุงงบประมาณฯ ปี 2569 บางส่วนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หรือในกรณีฉุกเฉินจำเป็นมากอาจ (3) ออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อรับมือกับวิกฤติเช่นเดียวกันกับในช่วงวิกฤติโควิด แต่แนวทางนี้อาจสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มหนี้สาธารณะได้

ในระยะยาว ภาครัฐควรเร่งยกระดับขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ อาทิ ส่งเสริมมาตรฐานฟาร์มและโรงงาน การปรับกระบวนการผลิตที่ตอบโจทย์เทรนด์ ESG หรือการลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยเข้ามาช่วย ทั้งนี้ไทยควรกำหนด “Red Line” ที่ชัดเจนสำหรับกลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวสูงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางอาหารของประเทศในระยะยาว

3. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

แม้ล่าสุดอัตราภาษีนำเข้าที่ทำเนียบขาวสหรัฐฯ แจ้งจะเก็บจากสินค้าไทยอยู่ที่ 36% SCB EIC ประเมินว่าในระยะข้างหน้า ประเทศไทยจะสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ขอปรับลดอัตราภาษีตอบโต้นี้ลงได้บ้าง แต่อัตราภาษีจะยังสูงกว่าคู่แข่งสำคัญในอาเซียน-5 ได้แก่ เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ เนื่องจาก 2 สาเหตุหลัก คือ

1. ล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีตอบโต้ไทยสูงกว่าอาเซียน-5 โดยเปรียบเทียบ (Relative positioning) โดยไทยโดนอัตราภาษีตอบโต้ที่ 36% ขณะที่อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์โดนอัตราภาษีที่ 32%, 25%, 20%, 20% และ 10% ตามลำดับ ซึ่งล้วนแต่อยู่ในอัตราต่ำกว่าไทยเป็นทุนเดิม ค่าเฉลี่ยอัตราภาษีตอบโต้กลุ่มประเทศอาเซียน-5 ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 21% เท่านั้น นอกจากนี้ ประเทศเหล่านี้อาจพยายามจะขอเจรจาลดภาษีลงได้อีกในช่วงเวลาที่เหลือ ยิ่งจะทำให้อัตราต่ำลงกว่าไทย ยกเว้นแต่ว่าข้อเสนอของไทยจะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ มากกว่ามาก จนได้รับพิจารณาปรับลดเหลืออัตราต่ำลงมากจากอัตราปัจจุบัน

2. การเข้าถึงตลาดและการเปิดการลงทุนที่เอื้อประโยชน์สหรัฐฯ กรณีเวียดนามยอมเปิดตลาดทั้งหมดให้สหรัฐฯ โดยเสรี และลดภาษีนำเข้าเหลืออัตราศูนย์ ขณะที่ไทย แม้จะยื่นข้อเสนอใหม่ยอมเปิดตลาดสินค้าหลายรายการมากขึ้น แต่ยังต้องการปกป้องสินค้าบางรายการที่อาจกระทบผู้ผลิตภายในประเทศอยู่ สำหรับการจูงใจการลงทุนจากสหรัฐฯ ประเทศอาเซียน-5 เสนอเปิดตลาดให้การลงทุนจากสหรัฐฯ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของเวียดนามอนุญาตให้บริษัท Starlink ของสหรัฐฯ เข้าไปลงทุนบริการอินเทอร์เน็ต อินโดนีเซียอนุญาตการเข้าร่วมทุนจากสหรัฐฯ ในกลุ่มแร่ธาตุหายาก ซึ่งช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาแร่หายากจากจีนได้ในอนาคต ขณะที่ไทยยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนเปิดการลงทุนอุตสาหกรรมสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ ในเชิงยุทธศาสตร์

สำหรับเศรษฐกิจไทยในภาพรวม SCB EIC มองว่า อัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่อาจเก็บไทยสูงกว่าคู่แข่งจะเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยผ่านองค์ประกอบหลัก คือ

1. การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มแผ่วลงในครึ่งปีหลัง โดยอาจเริ่มเห็นมูลค่าการส่งออกพลิกกลับมาหดตัวในช่วงท้ายไตรมาส 3 และหดตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4 ทั้งจากผลของการเร่งนำเข้าสินค้าในช่วงก่อนหน้าที่อัตราภาษีตอบโต้จะมีผลบังคับใช้หมดไป ตลอดจนผลจากอัตราภาษีตอบโต้ของไทยเองที่สูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งจะทำให้ไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนาม ที่มีความเป็นไปได้สูงว่าสินค้าเวียดนามจะเสียภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่าไทย 

2. การลงทุนภาคเอกชนจะกลับมาหดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง จากการชะลอการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่มีแผนจะลงทุนในไทยเพื่อรอความชัดเจนของผลการเจรจาการค้าเทียบคู่แข่งสำคัญ เช่น เวียดนามที่สามารถเจรจาให้สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีลงได้มากก่อนหน้าแล้ว นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราว ลดอัตราภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บสินค้าจีนลงจากอัตราเกิน 100% เช่นก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ กำลังซื้อในประเทศที่จะชะลอลงอีกจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันการลงทุนภาคเอกชนในครึ่งปีหลังในระยะต่อไป ความสามารถและระยะเวลาปิดจบดีลเจรจาการค้าของไทยกับสหรัฐฯ จะเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความสามารถในการแข่งขันของไทย เพราะการเจรจาสำเร็จได้เร็วจะเป็นสิ่งที่เรียกความเชื่อมั่นจากทั้งนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทยได้ สะท้อนถึงประสิทธิภาพของภาครัฐ รวมทั้งความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และไทย ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลงทุนในไทยต่อเนื่องในระยะยาว

3. การบริโภคภาคเอกชนจะแผ่วลงต่อเนื่อง แต่จะชะลอลงแรงขึ้นในช่วงสิ้นปีที่เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ แรงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การจ้างงานที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศที่จะซบเซาลงตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว

สำหรับมุมมองนโยบายการเงิน SCB EIC ยังคงประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงอีก 0.25% ในเดือน ส.ค. และอีก 1 ครั้งในไตรมาส 4 เหลือ 1.25% ภายในสิ้นปี แม้ กนง. มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่า 2% ไม่มาก แต่เหตุผลที่ กนง. ประเมินเช่นนี้ เพราะมองเศรษฐกิจครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เป็นหลัก สำหรับมุมมองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง กนง. มอง Momentum จะปรับแย่ลง (ใกล้เคียง 0%QOQsa) โดยพัฒนาการใหม่ของอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ นี้อาจทำให้ กนง. ต้องปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังลงอีก เนื่องจาก กนง. ประเมินว่าไทยจะถูกเก็บภาษีนำเข้าเพียง 18% เท่านั้น 

SCB EIC จึงประเมินว่า มีโอกาสมากขึ้นที่จะเห็น กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 2 ครั้งในปีนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าที่จะแย่ลงกว่าที่ กนง. เคยประเมินไว้ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำที่สูงขึ้นอีก หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ ไทยถูกสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีในอัตรา 36% เท่าเดิมอยู่ ซึ่งในกรณีนี้อาจเห็น กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมากกว่า 2 ครั้งในปีนี้

SCB EIC อยู่ระหว่างติดตามการประกาศ US Reciprocal Tariffs กับคู่ค้าที่เหลือของสหรัฐฯ เพิ่มเติม โดยมีกำหนดจะเผยแพร่มุมมองผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2025 และ 2026 ใหม่ในวันที่ 18 ก.ค. นี้

บทวิเคราะห์โดย… https://www.scbeic.com/th/detail/product/Reciprocal-tariffs-110725

ผู้เขียนบทวิเคราะห์

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไทยพาณิชย์ วิเคราะห์โดมิโนภาษีสหรัฐฯ จากภาษีเหล็กสู่เครื่องใช้ไฟฟ้า

60

SHARES
Share on Facebook
Post on X
Follow us
  • LINEแชร์เลย!
Tags: ธนาคารไทยพาณิชย์ ภาษีทรัมป์ เศรษฐกิจไทย

Continue Reading

Previous: พรรคประชาชน ค้าน 20 บาทตลอดสาย รัฐอุดหนุนนายทุนรถไฟฟ้า
Next: มาเลเซีย ผงาดแชมป์ IPO อาเซียนครึ่งปีแรก

ข่าวอื่นๆ ที่น่าอ่าน

ราคาทอง ราคาทองคำวันนี้ (11 ธ.ค. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 17 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 200 1 min read
  • NEWS FOCUS
  • HOT NEWS

ราคาทองคำวันนี้ (11 ธ.ค. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 17 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 200

11/12/2025
597841268_1167259305587078_8495442809522080851_n กองทัพภาคที่ 2 นำนักข่าวอัลจาซีรา-ไชน่ามีเดียกรุ๊ป ลงพื้นที่ชายแดนบุรีรัมย์ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

กองทัพภาคที่ 2 นำนักข่าวอัลจาซีรา-ไชน่ามีเดียกรุ๊ป ลงพื้นที่ชายแดนบุรีรัมย์

11/12/2025
JSP เผย ราคายาโลกแนวโน้มแพง โดยเอเชียพุ่ง 12.3% JSP เผย ราคายาโลกแนวโน้มแพง โดยเอเชียพุ่ง 12.3% 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

JSP เผย ราคายาโลกแนวโน้มแพง โดยเอเชียพุ่ง 12.3%

11/12/2025
ภาค กองทัพภาคที่ 2 เผย ทหารไทยยึดเรียบร้อย ช่องระยี–ปลดต่าง รุกคืบช่องคนา 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

กองทัพภาคที่ 2 เผย ทหารไทยยึดเรียบร้อย ช่องระยี–ปลดต่าง รุกคืบช่องคนา

11/12/2025
ชี้แจงข่าวกรณีราย "นางสาวจันเกตุ ทับบุญ" ชี้แจงข่าวกรณี “นางสาวจันเกตุ ทับบุญ” 1 min read
  • HOT NEWS
  • NATIONAL

ชี้แจงข่าวกรณี “นางสาวจันเกตุ ทับบุญ”

11/12/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.55-32.80 บาท/ดอลลาร์ 1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.55-32.80 บาท/ดอลลาร์

11/12/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 11 ธ.ค. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 11 ธ.ค. 68

11/12/2025
_image สรุปข่าวประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2568 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปข่าวประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2568

11/12/2025
ดวงประจำวัน ดวงประจำวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2568 1 min read
  • HOT NEWS
  • ดวงประจำวัน

ดวงประจำวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2568

11/12/2025
กรมสรรพสามิต เตือนภัยมิจฯ แอบอ้างลวงเงินบำเหน็จ-บำนาญ กรมสรรพสามิต เตือนภัยมิจฯ แอบอ้างลวงเงินบำเหน็จ-บำนาญ 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

กรมสรรพสามิต เตือนภัยมิจฯ แอบอ้างลวงเงินบำเหน็จ-บำนาญ

10/12/2025
ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69 ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69 1 min read
  • HOT NEWS
  • MONEY MOVEMENT

ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69

10/12/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 10 ธ.ค. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 10 ธ.ค. 68

10/12/2025

China News

รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม. รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม. 1 min read
  • CHINA NEWS
  • HOT NEWS

รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม.

21/10/2025
LINEแชร์เลย! รถไฟหัวกระสุนที่เร็วที่สุดในโลก CR450 เริ่มการทดลองใช้งานก่อนเปิดให้บริการบนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีน โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุดต่อขบวนถึง 453 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หนังสือพิมพ์ไซแอนซ์แอนด์เทคโนโลยีเดลี (Science... อ่านต่อ

Start Up

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต 457C5A49-7DCB-4EA0-ACF5-B856D1843534 1 min read
  • HOT NEWS
  • START UP

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต

01/09/2022
LINEแชร์เลย! “ขอบคุณ ธพว. ที่สนับสนุน “เสียงเกษมโซล่าเซลล์” พาเข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องกิจการ ควบคู่กับการให้คำปรึกษา แนะนำธุรกิจ... อ่านต่อ

Money Movement

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.55-32.80 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.55-32.80 บาท/ดอลลาร์

11/12/2025
ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69 ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69
1 min read
  • HOT NEWS
  • MONEY MOVEMENT

ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69

10/12/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์

09/12/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์

08/12/2025
GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯชุดใหม่
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่

04/12/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.55-32.80 บาท/ดอลลาร์

ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69

ข่าวดี! ขยายเวลาค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ถึง 30 ธ.ค. 69

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์

GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯชุดใหม่

GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่

Energy Force

ก.พลังงาน รับลูก ครม. อนุมัติต่อระยะเวลาผลิตแหล่งไพลิน 10 ปี ก.พลังงาน รับลูก ครม. อนุมัติต่อระยะเวลาผลิตแหล่งไพลิน 10 ปี 1 min read
  • ENERGY FORCE
  • HOT NEWS

ก.พลังงาน รับลูก ครม. อนุมัติต่อระยะเวลาผลิตแหล่งไพลิน 10 ปี

03/12/2025
LINEแชร์เลย! นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม... อ่านต่อ

Politics

597841268_1167259305587078_8495442809522080851_n กองทัพภาคที่ 2 นำนักข่าวอัลจาซีรา-ไชน่ามีเดียกรุ๊ป ลงพื้นที่ชายแดนบุรีรัมย์ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

กองทัพภาคที่ 2 นำนักข่าวอัลจาซีรา-ไชน่ามีเดียกรุ๊ป ลงพื้นที่ชายแดนบุรีรัมย์

11/12/2025
ภาค กองทัพภาคที่ 2 เผย ทหารไทยยึดเรียบร้อย ช่องระยี–ปลดต่าง รุกคืบช่องคนา 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

กองทัพภาคที่ 2 เผย ทหารไทยยึดเรียบร้อย ช่องระยี–ปลดต่าง รุกคืบช่องคนา

11/12/2025
S__2613373 รัฐบาล ยืนยัน ไม่มีข้อตกลงหยุดยิง คืนนี้ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

รัฐบาล ยืนยัน ไม่มีข้อตกลงหยุดยิง คืนนี้

09/12/2025

ประเด็นข่าว

EXIM BANK KBANK scb SME D Bank กรมชลประทาน กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงไทย กสิกรไทย กอนช. ข่าวเด่น ข่าวดัง คปภ. ครม. ค่าเงินบาท ดวงประจำวัน ตลาดหุ้น ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธอส. นายฉัตรชัย ศิริไล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ บก.ชวนคุย บางจาก ปตท. ประเมินค่าเงินบาท พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาล ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน สถานการณ์น้ำ สรุปข่าวประจำวัน สรุปสถานการณ์น้ำ สิงคโปร์ อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม เศรษฐกิจไทย เศรษฐา ทวีสิน แพทองธาร ชินวัตร โควิด-19 ไทยพาณิชย์

Business Movement

กรมศุลกากร รับมอบสุนัขตรวจค้นยาเสพติดจากสำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย กรมศุลกากร รับมอบสุนัขตรวจค้นยาเสพติดจากสำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

กรมศุลกากร รับมอบสุนัขตรวจค้นยาเสพติดจากสำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย

11/12/2025
กรุงเทพประกันภัย ครองอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก S&P อย่างต่อเนื่อง กรุงเทพประกันภัย ครองอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก S&P อย่างต่อเนื่อง 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

กรุงเทพประกันภัย ครองอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก S&P อย่างต่อเนื่อง

08/12/2025
ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมบุญใหญ่ส่งท้ายปีผ่านแคมเปญ “ไถ่ชีวิตโค–กระบือ” ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมบุญใหญ่ส่งท้ายปีผ่านแคมเปญ “ไถ่ชีวิตโค–กระบือ” 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมบุญใหญ่ส่งท้ายปีผ่านแคมเปญ “ไถ่ชีวิตโค–กระบือ”

08/12/2025
IMG_7364 ไทยประกันชีวิต จับมือ Chersery Home International จัดกิจกรรมเติมพลังใจ 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

ไทยประกันชีวิต จับมือ Chersery Home International จัดกิจกรรมเติมพลังใจ

08/12/2025

Recommend

เริ่มแล้ว! กฎหมายใหม่ลาคลอดยาว 4 เดือน เริ่มแล้ว! กฎหมายใหม่ลาคลอดยาว 4 เดือน 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

เริ่มแล้ว! กฎหมายใหม่ลาคลอดยาว 4 เดือน

07/12/2025
ครม.ไฟเขียว ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ลาว-เมียนมา-เวียดนาม ครม.ไฟเขียว ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ลาว-เมียนมา-เวียดนาม 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

ครม.ไฟเขียว ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ลาว-เมียนมา-เวียดนาม

02/12/2025
ครม.ไฟเขียวงบ 800 ล้าน พัฒนา "คนละครึ่ง พลัส" ต่อร้านค้า ลุยดิจิทัล ครม.ไฟเขียวงบ 800 ล้าน พัฒนา “คนละครึ่ง พลัส” ต่อ ร้านค้าลุยดิจิทัล 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

ครม.ไฟเขียวงบ 800 ล้าน พัฒนา “คนละครึ่ง พลัส” ต่อ ร้านค้าลุยดิจิทัล

18/11/2025
รัฐบาลเตือน “คนละครึ่งพลัส” ห้ามซื้อเหล้า บุหรี่ ล็อตเตอรี่ รัฐบาลเตือน “คนละครึ่งพลัส” ห้ามซื้อเหล้า บุหรี่ ล็อตเตอรี่ 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

รัฐบาลเตือน “คนละครึ่งพลัส” ห้ามซื้อเหล้า บุหรี่ ล็อตเตอรี่

30/10/2025

Photo Stories

KBank ผนึก แสนสิริ-EGAT-INNOPOWER-ION สนับสนุนลูกบ้านสร้างรายได้จากโซลาร์ KBank ผนึก แสนสิริ-EGAT-INNOPOWER-ION สนับสนุนลูกบ้านสร้างรายได้จากโซลาร์ 1 min read
  • PHOTO STORIES

KBank ผนึก แสนสิริ-EGAT-INNOPOWER-ION สนับสนุนลูกบ้านสร้างรายได้จากโซลาร์

11/12/2025
กบข. ร่วมแสดงพลังต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล กบข. ร่วมแสดงพลังต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล 1 min read
  • PHOTO STORIES

กบข. ร่วมแสดงพลังต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล

09/12/2025
กบข. ส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็นแก่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์ กบข. ส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็นแก่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์ 1 min read
  • PHOTO STORIES

กบข. ส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็นแก่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์

09/12/2025
SCBX–ไทยพาณิชย์ จัดรอบชิง “กล้าใหม่…ใฝ่รู้” ปีที่ 20 จุดพลังศิลปะเด็กประถม SCBX–ไทยพาณิชย์ จัดรอบชิง “กล้าใหม่…ใฝ่รู้” ปีที่ 20 จุดพลังศิลปะเด็กประถม 1 min read
  • PHOTO STORIES

SCBX–ไทยพาณิชย์ จัดรอบชิง “กล้าใหม่…ใฝ่รู้” ปีที่ 20 จุดพลังศิลปะเด็กประถม

09/12/2025
เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบผ้าห่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบผ้าห่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ 1 min read
  • PHOTO STORIES

เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบผ้าห่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้

08/12/2025
ออร์บิกซ์ ผนึกกำลัง ทรู เดินหน้าแคมเปญภารกิจพิชิต OBX Point เฟส 2 ฉลองสิ้นปี ออร์บิกซ์ ผนึกกำลัง ทรู เดินหน้าแคมเปญภารกิจพิชิต OBX Point เฟส 2 ฉลองสิ้นปี 1 min read
  • PHOTO STORIES

ออร์บิกซ์ ผนึกกำลัง ทรู เดินหน้าแคมเปญภารกิจพิชิต OBX Point เฟส 2 ฉลองสิ้นปี

08/12/2025
คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ เลกซัส มอบรถยนต์ แก่สมาชิก POWER PASS คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ เลกซัส มอบรถยนต์ แก่สมาชิก POWER PASS 1 min read
  • PHOTO STORIES

คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ เลกซัส มอบรถยนต์ แก่สมาชิก POWER PASS

08/12/2025
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ร่วมกับ คปภ. มอบสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ร่วมกับ คปภ. มอบสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ 1 min read
  • PHOTO STORIES

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ร่วมกับ คปภ. มอบสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้

08/12/2025
มูลนิธิ IMET สานต่อโครงการ "IMET MAX 8" มูลนิธิ IMET สานต่อโครงการ “IMET MAX 8” 1 min read
  • PHOTO STORIES

มูลนิธิ IMET สานต่อโครงการ “IMET MAX 8”

08/12/2025
ออมสิน คว้ารางวัลรองชนะเลิศ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ประจำปี 2568 ออมสิน คว้ารางวัลรองชนะเลิศ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ประจำปี 2568 1 min read
  • PHOTO STORIES

ออมสิน คว้ารางวัลรองชนะเลิศ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ประจำปี 2568

08/12/2025
CKPower รับประกาศเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Recognition ปีที่ 4 CKPower รับประกาศเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Recognition ปีที่ 4 1 min read
  • PHOTO STORIES

CKPower รับประกาศเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Recognition ปีที่ 4

08/12/2025
ธ.ก.ส. คว้า “สุดยอดธนาคารแห่งปี 2568” Thailand Smart Money ครั้งที่ 16 ธ.ก.ส. คว้า “สุดยอดธนาคารแห่งปี 2568” Thailand Smart Money ครั้งที่ 16 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธ.ก.ส. คว้า “สุดยอดธนาคารแห่งปี 2568” Thailand Smart Money ครั้งที่ 16

05/12/2025
ออมสิน เดินหน้าฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อเนื่อง เร่งคืนสภาพหลังน้ำลด ออมสิน เดินหน้าฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อเนื่อง เร่งคืนสภาพหลังน้ำลด 1 min read
  • PHOTO STORIES

ออมสิน เดินหน้าฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อเนื่อง เร่งคืนสภาพหลังน้ำลด

04/12/2025
EXIM BANK มอบอุปกรณ์การเรียนการสอนให้แก่ รร.ภูคาวิทยาคม อ.ปัว จ.น่าน EXIM BANK มอบอุปกรณ์การเรียนการสอนให้แก่ รร.ภูคาวิทยาคม อ.ปัว จ.น่าน 1 min read
  • PHOTO STORIES

EXIM BANK มอบอุปกรณ์การเรียนการสอนให้แก่ รร.ภูคาวิทยาคม อ.ปัว จ.น่าน

04/12/2025
DAD คว้ารางวัลระดับทวีปเอเชีย 2 ปีซ้อน DAD คว้ารางวัลระดับทวีปเอเชีย 2 ปีซ้อน 1 min read
  • PHOTO STORIES

DAD คว้ารางวัลระดับทวีปเอเชีย 2 ปีซ้อน

04/12/2025

บก.ชวนคุย

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 1 min read
  • HOT NEWS
  • EDITOR TALK

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568

25/02/2025
LINEแชร์เลย! บก.ชวนคุย เรื่องที่ 4,391 แอพเงินกู้แหล่งทุนยุคเศรษฐกิจดิจิทัล  ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความท้าทายทางการงาน การเงิน คนไทยมากกว่า... อ่านต่อ

ติดต่อเรา

สนใจร่วมงานกับเรา Aec10news.com คลิ๊กติดต่อเรา รับซื้อ..รายงาน สกู๊ป บทความ รายได้สูง !!!

  • Facebook
  • Twitter
สงวนลิขสิทธิ์ © 2560 เว็บไซต์ AEC10NEWS.COM