เปิดร่าง พรบ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หัวใจหลัก”กาสิโน”

ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯวันที่ 9 เมษายน 2568
หลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดให้มีความเหมาะสม 4 ประเด็นหลักดังนี้

1.กำหนดให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกัน (เดิมกำหนดให้เป็นนายกรัฐมนตรี)
2.เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของ คณะกรรมการนโยบาย ในการพิจารณาเรื่องสำคัญที่ต้องเสนอ ครม. เช่น เสนอแนะนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือการกำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อประกอบการ พิจารณาของ ครม.
3.แก้ไขกลไกการได้มาซึ่งผู้อำนวยการ โดยให้ คณะกรรมการนโยบายแต่งตั้ง (จากเดิมคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้ง โดยความเห็นชอบของ ครม.)
4.กำหนดกรอบนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรที่ คกก. นโยบายเสนอแนะต่อ ครม.อย่างน้อยต้องประกอบด้วย

(1) การกำหนดจำนวนใบอนุญาต
(2) พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร
(3)หลักเกณฑ์การพิจารณาร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
(4)มาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
(5)กำหนดเพิ่มเติมให้พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ประกอบด้วย
(6) (กำหนดใหม่) ให้กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน โดยเฉพาะสถานที่จัดให้มีการเล่นพนันซึ่งจะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยของอาคารอันเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร แล้วแต่กรณีใดจะน้อยกว่ากัน
(7) (กำหนดใหม่) กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงถือว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับการก่อสร้างและใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามประเภทธุรกิจที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตที่จัดให้มีกาสิโนเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(8 (กำหนดใหม่) กำหนดให้คณะกรรมการนโยบาย กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการประกอบการกาสิโนโดยต้องมี (8.1) การจัดให้มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (8.2) ระบบควบคุมกาสิโน ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และ (8.3) มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากกาสิโน (เดิมไม่มี)
(9) กำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกำหนด (เดิมกำหนด ห้ามเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยซึ่งยังมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมตามที่คณะกรรมการกำหนด)
(10) (กำหนดใหม่) ห้ามผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลใดจ้างหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดแก่บุคคลอื่น หรือเพิ่มยอดหรือจำนวนคนเล่นพนันในกาสิโน หรือเพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน (เดิมไม่มี)
(11) เพิ่มเติมมาตรการปรับเป็นพินัย เช่น ผู้รับใบอนุญาตที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการที่สั่งให้ปฏิบัติข้อกำหนด และปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้ามเข้าไปในกาสิโน
(12) เพิ่มเติมลักษณะการกระทำความผิดที่จะได้รับโทษทางอาญา เช่น การจัดให้มีการเล่นพนันในกาสิโนผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรือถ่ายทอดการเล่นพนันในกาสิโน และกระทำการที่เป็นการเพิ่มยอดหรือเพิ่มจำนวนคนเล่นพนันหรือเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน

ใครเข้ากาสิโนได้
ก) อายุไม่น้อยกว่า 20 ปี
ข) มีการลงทะเบียน
ค) มีการชำระค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโน ตามบัญชีแนบท้าย มีเพดานสูงสุดที่ 5,000 บาท
ง) สำนักงานฯ สามารถกำหนดลักษณะบุคคลต้องห้ามและสั่งห้ามบุคคลไม่ให้เข้ากาสิโนได้ (Negative List)
-ในร่างปัจจุบัน ผู้เข้าเล่นต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ 50 ล้านบาท แต่ในชั้นกรรมาธิการ จะมีหลายร่างยื่นประกบ จะต้องหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการป้องกันการเข้าถึงของกลุ่มเสี่ยงและการดึงผู้เล่นพนันผิดกฎหมายเข้าระบบ
การหารายได้เข้าประเทศ
1)ทุนจดทะเบียน ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
2)การลงทุนก่อสร้าง ไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท จากการคาดการณ์แบบ Conservative
3)อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งแรกสูงสุดฉบับละ 5,000 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท
4)การเก็บภาษี GGR (Gross Gaming Revenue) จากผู้ประกอบการกาสิโน
-คาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายรายหัวต่อคนต่อทริป ประมาณ 66,043 บาท
-สามารถจ้างงานได้อย่างน้อย 9,000-15,000 อัตรา เพื่อมาทำงานบริการในธุรกิจต่างๆ ของสถานบันเทิงครบวงจร เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า
.
-สร้างรายได้ให้รัฐ จากการจัดเก็บภาษีประมาณ 12,037 – 39,427 ล้านบาทต่อปี