พรรคประชาชน ลุ้น ชนะ 3 คูหา ตั้งรัฐบาล 270 เสียง
บทลงโทษจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยุบ พรรค ก้าวไกล – ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ไม่มีปาฏิหาริย์
มติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ของศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกล-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 11 คน และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นระยะเวลา 10 ปี กรณีมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า การรณรงค์หาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการกร่อนเซาะ-บ่อนทำลายสถาบัน
พรรคประชาชน ยานลำใหม่
“พรรคประชาชน” คือ “ยานลำใหม่” ของอดีตพลพรรคก้าวไกล 143 ชีวิต มี “สส.เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็น “กัปตันคนใหม่” และ “ติ่ง” ศรายุทธิ์ ใจหลัก อดีตผู้อำนวยการพรรคอนาคตใหม่-อดีตผู้อำนวยการพรรคก้าวไกล เป็น “แม่บ้านพรรค” ขนาบข้างด้วย “ศิริกัญญา ตันสกุล” แม่ทัพเศรษฐกิจคนเดิม และที่เพิ่มเติมคือบทบาทของ “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ ที่โดดเด่นขึ้นมา เป็นมือขวา-มือซ้ายของหัวหน้าพรรค ขณะที่แถวหนึ่ง-แถวสองอย่าง “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ “ต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน” ต้องหลบฉาก-เร้นกายอยู่หลังม่าน
ถึงแม้ว่า “พรรคประชาชน” จะเปลี่ยนหัว-เป็นโลโก้ใหม่ แต่ยังสลัดเงา “เอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ “ไม่หลุด” เมื่อทั้ง 3 คีย์แมน คนสำคัญของอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตของพรรคสีส้ม ตั้งแต่ “ต๋อม-ชัยธวัช” อดีตเลขาพรรค-อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ “ติ่ง-ศรายุทธิ์” เลขาธิการพรรคประชาชนและอดีตเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) อะคาเดมีแหล่งผลิตแกนนำขบวนการนักศึกษาหัวกะทิ ซึ่งทั้ง “เอก-ต๋อม-ติ่ง” ทุกคนล้วนแต่ผ่านการฝึกวิทยายุทธ์จะสำนักเดียวกันนี้
อยู่นาน-อยู่เป็น ลดเพดาน ม.112
พรรครุ่นพี่-อนาคตใหม่ ที่มีอายุเพียง 1 ปี 343 วัน ก็โดน “ยุบพรรค” จากการ “เปิดช่อง” ให้ศาลรัฐธรรมนูญฟันทิ้ง “คดีเงินกู้ 191 ล้าน” กระแทกไปยัง “แกนนำรุ่น1” ต้อกระเด็นออกจากกระดานการเมืองยกพ่วง ทั้งเอก-ธนาธร และ “อาจารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ตลอดจน “แกนนำหัวแถว” ที่เป็นผู้ก่อตั้ง “พรรคหัวก้าวหน้า” อย่าง ช่อ-พรรณิการ์ วานิช “ไกลก้อง ไวทยการ” สมองกลของพรรค และมันสมองความมั่นคงอย่าง พล.ท.พงศกร รอดชมพู และ “ชำนาญ จันทร์เรือง” ที่ต้อง “เว้นวรรคทางการเมือง” ไป 1 ทศวรรษเต็ม
ขณะที่พรรคทายาทรุ่นสอง-ก้าวไกล ที่มีอายุถึง 3 ปี 353 วัน ทว่าตลอดการเดินทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เต็มไปด้วย “ลูกระนาดทางการเมือง” ตั้งแต่ความพยายามจะสอย “ทิม-พิธา” หัวหน้าพรรคก้าวไกล-แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สกัด-เตะตัดขา ไม่ให้เข้าทำเนียบรัฐบาล-นั่งเก้าอี้ประมุขตึกไทยคู่ฟ้า เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ใน “คดีหุ้นไอทีวี” แม้ไม่สำเร็จ แต่ก็ซวนเซล้มลงไปนอนนับ 8 ก่อนโดนหมัดน็อก “ดาบสอง” ในคดีล้มล้างภาคสอง จนโดนยุบพรรค-ประหารชีวิตทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 11 ชีวิต ถ้าพรรคประชาชนอยากอยู่ยาว-อยู่นาน ไม่โดนยุบพรรคซ้ำรอย “พรรครุ่นพี่” ต้องยอมอยู่เป็น-หักอกแฟนคลับทะลุเพดาน – ลดเพดาน ไม่แตะ “ม.112”
สส.เท้ง ตัวจริง – เสียงจริง ?
“สส.เท้ง” ผู้ถือธงนำ “พรรคปีกซ้าย” ยังมีคำถาม-ข้อกังขา เรื่องความ “ป็อบปูล่า” อาจจะไม่ “เปรี้ยงปร้าง” เท่า “หัวหน้าพรรครุ่นพี่” อย่าง “เอก-ธนาธร” และ “ทิม-พิธา” ที่สร้าง “มาตรฐานสูง” จนเกิดปรากฎการณ์แผ่นดินไหวทางการเมืองให้เห็นแล้วว่าเป็น “ตัวจริง-เสียงจริง” หักปากกาเซียน-ชนะเลือกตั้ง “ส้มทั้งแผ่นดิน” ล้มช้างอย่างพรรคเพื่อไทยให้ปราชัยในการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 22 ปี ตลอดจนการเล่นบท “ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย” บนเวทีโลกจนเป็นที่ประจักษ์ในสายตาต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการแถลงการณ์ของประเทศมหาอำนาจโลกตะวันตกที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกล
ทว่าในเรื่องความรู้ของศิษย์เก่าทวีธาฯ-คนฝั่งธนฯ โปรไฟล์ดี จบวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความสามารถในสภาของ “ว่าที่ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน” ไม่ได้ขี้เหล่ นั่งประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ รองประธานคนที่ 1 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางในการควบคุมและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางและมาตรการในการพัฒนาระบบการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ผลงานชิ้นโบแดงในสภา คือ การอภิปรายงบประมาณที่เป็นรูปธรรม-จับต้องได้ จนมีชื่อติดโผเป็น “ว่าที่ รมว.ดีอีเอส” เหลือเพียงบทพิสูจน์บน “เก้าอี้รัฐบาล” เท่านั้นว่าเป็น “ตัวปลอม” หรือ “ของแทร่”
ชนะ 3 คูหา นั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 31
ฝันใหญ่-ฝันเดียวเท่านั้น สำหรับ “หัวหน้าพรรคประชาชน” คือ การขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร คือ เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่ต้องชนะทั้ง 3 คูหา 3 ศึก เพราะก่อนจะไปถึง “ศึกใหญ่” คือ การชนะเลือกตั้งในปี 2570 แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตามที่ตั้งเป้าหมายกวาดเก้าอี้ สส.เต็มสภา 270 ที่นั่งขึ้นไป แต่ระหว่างทางก่อนเข้าสู่ประตู “ทำเนียบนายก” ต้องทำ “ศึกย่อย” คือ การเลือกตั้งคูหา “นายกอบจ.” ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 ไปจนถึงปี 2568 และการทำ “ศึกกลางเมือง (หลวง)” คือ การเลือกตั้ง “ผู้ว่ากทม.” ในวันที่ 22 พ.ค. 2569
ทว่า ระหว่างการกรำศึกเล็ก-ศึกใหญ่ “หัวหน้าเท้ง” ต้องหาพระรอดมาห้อยคอให้ “รอดตาย” จาก “ดาบสาม” ที่รอขึ้นเขียง ป.ป.ช.- ศาลฎีกานักการเมือง ในคดีล้มล้างการปกครองภาคสอง คือ การต้องฟันฝ่าคดีจริยธรรมทางการเมืองของ 44 สส.ที่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งมีโทษถึงขั้น “ประหารชีวิตทางการเมือง” ตลอดชีวิต ฉะนั้น ณ วันนี้ สำหรับพรรคที่ยังมี “ตั้งไข่” ได้เพียง 3 วัน ยังเร็วเกินไปที่จะไปพูดไกลถึงปี 2570 ชนะเลือกตั้งแลนด์ไลด์-สร้างประวัติศาสตร์ส้มทั้งแผ่นดิน (อีกครั้ง) -จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 7 สิงหาคม ปิดฉากมหากาพย์ “ยุบพรรคก้าวไกล” คดีล้มล้างภาคสอง