ก้าวไกล-เครือข่ายประยุทธ์ รุมกินโต๊ะ “เศรษฐา” กระเทือน “บ้านจันทร์ส่องหล้า”
ก้าวเข้าสู่ 6 เดือน ของ “เศรษฐา ทวีสิน” ผลงานไม่ดี-ไม่ร้าย รอเวลาผลิดอกออกผล ระหว่างทางยังต้องฟันฝ่าอุปสรรค “นายกฯขาลอย” ไม่มีแสงในตัวเอง
22 ก.พ. 2567 เศรษฐา โชว์ 8 วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนประเทศ คาดหวังให้รัฐบาล “จุดติด” ใน 4 ปีข้างหน้า วิสัยทัศน์แรก ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว วิสัยทัศน์ที่ 2 ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ วิสัยทัศน์ที่ 3 ศูนย์กลางอาหาร วิสัยทัศน์ที่ 4 ศูนย์กลางการบิน วิสัยทัศน์ที่ 5 ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค วิสัยทัศน์ที่ 6 ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต วิสัยทัศน์ที่ 7 ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอล และวิสัยทัศน์ที่ 8 ศูนย์กลางทางการเงิน และเดินสายลงพื้นที่ต่างจังหวัด-เปิดศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์ให้กับ สส.พรรคเพื่อไทย หวัง “สะสมบารมี” ในวันที่ประเทศไทยมี “ดวงอาทิตย์สามดวง”
1 ประเทศ 2 นายกรัฐมนตรี กลายเป็นวาทะกรรมที่ถูกพูดถึงจน “ติดหู” เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษเด็ดขาด ได้รับการ “พักโทษ” และอยู่ระหว่างคุมประพฤติ กลายเป็น “ดวงอาทิตย์ดวงที่สอง” ที่แผ่สังสี-รัศมีความร้อน เหนือหลังคา “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ถนนทุกสายจึงมุ่งตรงสู่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ทั้ง “เกลอเก่า-มหามิตร” อย่าง “ฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่เว้นแม้กระทั่ง “เศรษฐา” ก็ยังต้องมุดรั้วไปขอคำแนะนำ-ชี้แนะถึง “ศูนย์กลางอำนาจริง” หลังจากนี้จึงต้องจับตานักการเมืองบิ๊กเนม-นักธุรกิจเบอร์ใหญ่ใครจะตามเข้าไปขอคำปรึกษาชนิดต้องเช็ดหัวบันไดกันให้แห้ง
สว.ทิ้งทวนก่อนครบวาระ
กลับมาที่ดวงอาทิตย์ที่นับถอยหลังอัสดง ยังต้องเข้ารกเข้าพง-ดงหนาม อีก 2 เดือนที่จะถึง เศรษฐา ต้องฝ่าด่านศึกซักซ้อม-ซักฟอก เริ่มด้วยในวันที่ 25 มี.ค. 2567 สว.250 คน ตามบทเฉพาะกาล เครือข่าย “ขั้วอำนาจเก่า” ทิ้งทวนก่อนครบวาระในเดือนพ.ค.นี้ ด้วยการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมี “ประเด็นร้อน” ล้อมรอบตึกไทยคู่ฟ้า
ทั้งเรื่องการแต่งตั้ง “ผบ.ตร.คนใหม่” ที่ข้ามรุ่น “อาวุโสสูงสุด” ท้าทายการปฏิรูปวงการสีกากี เข้าทางรัฐบาลทหารที่ “วางยา” วางค่ายกลทางกฎหมายเป็น “กับดักเศรษฐา” ให้ต้อง “ลุยไฟ” โดยเฉพาะเล่ห์กล-คมเขี้ยวของ “องค์กรอิสระ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ “บิ๊กเซอร์ไพร์ส” ที่ “ตู่ใหญ่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร.และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ว่า นายเศรษฐาในฐานะ “ประธานก.ตร.” กับกรรมการ ก.ตร.รวม 10 คน แต่งตั้ง ผบ.ตร.โดยมิชอบขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (5) และพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ มาตรา 77 (1)
และที่จองกฐินไว้ได้ล่วงหน้า คือ การแต่งตั้ง-โยกย้าย “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. “ข้ามห้วย” มานั่ง เลขาธิการ สมช. โดยมี “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีต เลขาธิการ สมช. เป็น “มือวางอันดับ1” ที่จะคอย “ย้ำแผล” ตอกลิ่มด้วย ปม “งัดข้อ” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ “ลูบคม” องค์กรอิสระ “ไม่ให้อิสระ” กดดันเรื่อง “ลดดอกเบี้ย” จะเป็นอีกดอกที่จะถูกสว. “ติดปลายนวม” การบริหารเศรษฐกิจที่ไม่วิกฤตให้เป็นวิกฤต
เปิดแผลงบประมาณปี 67 วาระสอง–สาม
ฉากใหญ่ต่อไปของ “เศรษฐา” คั่นโฆษณาด้วยการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.485 ล้านล้านบาท วาระที่สองและวาระที่สาม ระหว่างวันที่ 3 – 4 เม.ย. 2567 แม้ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบปี 67 จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีข่าวคาว “ตบทรัพย์” และงบประมาณ เนื่องด้วยอาจจะมีข้อจำกัดใน “เงื่อนเวลา” ที่การใช้จ่ายงบประมาณ “ล่าช้า” ไปแล้วกว่า 8 เดือน มิหนำซ้ำยังเหลือเวลาที่จะใช้ “เม็ดเงิน” ได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น โครงการใหม่-โครงการก่อหนี้ผูกพันต้องรอเบิกจ่ายเต็มสูบต้องไปรอใช้งบประมาณปี 68
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลที่ “ขึ้นชื่อ” เรื่องการอภิปรายสร้างสรรค์-ข้อมูลแน่น เน้นเปิด “ข้อมูลเชิงลึก” ต้องมี “ไม้เด็ด” ทุบเศรษฐา-พรรคร่วมรัฐบาลที่มี “บาดแผล” เต็มตัว ที่เป็นขุมทรัพย์ซุกซ่อนอยู่ใน “กระทรวงแสนล้าน” แม้กระทั่ง “กระทรวงเกรดเอ” และ “กระทรวงเมกกะโปรเจ็ก” รวมถึง “งบกองทัพ” ที่ใช้เทคนิคทางบัญชีงบประมาณในการอำพราง-ซ้อนเร้นการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และ “งบตำรวจ” ที่พรรคก้าวไกลเคยฉาย “หนังตัวอย่าง” ออกสู่สายตากองเชียร์ “พลพรรคสีส้ม” ไปให้เห็นแล้วในการอภิปรายงบปี 67 “ภาคแรก”
ก้าวไกลเปิดศึกซักฟอก
หากเปรียบการอภิปรายงบปี 67 วาระสอง-สามเป็น “เผาหลอก” การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือน “เม.ย.เดือด” ก็เปรียบเสมือนการ “เผาจริง” โดย “ล็อกเป้า” นโยบายเรือธง อย่าง “เงินดิจิทัลวอลลเล็ต” ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการ “ซื้อเวลา” 30 วัน ไม่ให้องค์อิสระ “ดักตีหัว” แต่สุดท้ายรัฐบาลเศรษฐาก็จะเดิมเกมเข้าครม.และสภา โดยใช้ “เสียงข้างมาก” ผ่านวาระสามได้ไม่ยาก เพื่อ “ดันสุดซอย” ไปถึงศาลรัฐธรรมที่รอเป็น “แพะรับบาป” และสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยว่า ได้ทำ “สุดความสามารถ” ตามที่เคยได้หาเสียงไว้แล้ว และที่แน่ ๆ ประเด็น “พักโทษ” ทักษิณ จะถูกชูเข้ามาเป็นไฮไลต์ในการอภิปรายรัฐมนตรีที่จะถูกใส่ชื่อซักฟอก 100 % คือ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ในฐานะกำกับ-ดูแลกรมราชทัณฑ์ และอีก “ลูกเล่น” จะเป็นชี้แจงในศึกซักฟอกเป็น “ครั้งแรก” ของ “เศรษฐา” ในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาล” และ “ขุนคลัง” เป็น “ครั้งแรก”
เป้าใหญ่ ทักษิณ กระเทือน แพทองธาร
ทั้งหมดทั้งมวล “เป้าใหญ่” คือ การสะเทือนไปถึง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่มี “นักโทษทิพย์” ได้รับการ “พักโทษ” โดยไม่ได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยจะได้เห็น “โจทก์เก่า” ของทักษิณ ทั้งในฝั่ง “สภาล่าง” อย่าง สส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็น “หัวหอก” และฝั่ง “สภาสูง” โดยมี “อดีต 40 สว.” นำโดย “สมชาย แสวงการ” และ “เสรี สุวรรณภานนท์” เป็น “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ที่จะกระทบกระเทือน “อาทิตย์ดวงที่สาม” อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ถูก “วางตัว” ไว้ให้ “รับไม้ต่อ” จากเศรษฐา ให้เป็น “นายกฯหญิงคนที่สอง” ของประเทศไทยและ “นายกฯทายาทชินวัตรคนที่สาม”