ศึกงบ 67 ยกแรก ก้าวไกลมาตรฐานสูง ประชาธิปัตย์ คืนฟอร์ม
ศึกอภิปรายงบประมาณปี 67 ยกแรก ผ่านฉลุย ด้วยคะแนน 311 เสียงรับหลักการ “วาระแรก” ต่อ 177 พรรคก้าวไกลรักษามาตรฐานสูงของตัวเองเอาไว้ได้ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ใช้วิวาทะ-วาทกรรมทางการเมืองเล่นงานคู่ต่อสู้พร่ำเพรื่อ แต่หากได้ตะวัดลิ้นออกมาเมื่อไหร่ เรียกเสียงเฮจากกองเชียร์ดังกระหึ่มได้เช่นกัน
พรรคเพื่อไทยจึงโดนย้อนเกล็ดไปหลายดอก ทั้ง คิดใหญ่ ทำไม่เป็น-คิดไป ทำไป-คิดอย่าง ทำอย่าง “รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ แบ่งกันกิน-แบ่งกันใช้ ชั่วคราว” และ “รัฐบาลประยุทธ์ดาวน์ รัฐบาลเศรษฐาผ่อนต่อ”
• ปั้น สส.ดวงใหม่แจ้งเกิด รับมือคดีการเมือง
มิหนำซ้ำยังผลิต สส.รุ่นใหม่-หน้าใหม่ แถวสาม-แถวสี่ ให้เจิดจรัสเป็น “ดาวดวงใหม่” ในสภาได้หลายดวง เตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุทางการเมืองที่อาจจะเกิดกับพรรคได้ทุกเมื่อ
โดยมีคดีในศาลรัฐธรรมนูญที่ “จ่อคอหอย” พรรคก้าวไกลอยู่ 2 คดี คือ วันที่ 24 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำพิพากษาคดีถือหุ้นไอทีวี จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องให้วินิจฉัยว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)
อีกคดี คือ วันที่ 31 ม.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในคดีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากกรณีที่นายธีรยุทธ์ สุวรรณเกสร ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรางเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
• ก้าว Geek – WeVis แบ็กอัพชำแหละงบ67
จุดเด่นการทำหน้าที่ในสภาของพรรคก้าวไกลยังคงเป็นเรื่องของ “ข้อมูลแน่น” ยิงเข้าเป้า-ตรงประเด็น ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ที่มีจำนวนถึง 20 เล่ม ความหนาเป็นหมื่นหน้า ประกอบกับการใช้เทคโนโลยี กลุ่ม “ก้าว Geek” ทีมดิจิทัลของพรรคก้าวไกล และภาคประชาสังคมกลุ่ม WeVis เป็นทีมสนับสนุน-กำลังสำคัญ ในการสแกนตัวเลขแผนงาน-โครงการเป็น วงเงินกว่า 3.48 ล้านล้านบาท ออกมาชำแหละการซ่อนงบ-ซุกหนี้ เล่นแร่แปรธาตุงบประมาณ ผิดวัตถุประสงค์ อย่างถึงพริกถึงขิง
โดยเฉพาะงบกระทรวงกลาโหมและงบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของพรรคก้าวไกล “ชยพล สท้อนดี” สส.กทม. อภิปราบงบกองทัพ และ “พนิดา มงคลสวัสดิ์” สส.สมุทรปราการ อภิปรายงบตำรวจได้อย่างเผ็ดร้อน
• ประชาธิปัตย์คืนฟอร์มเก่ง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ถือว่า “คืนฟอร์มเก่ง” พรรคฝ่ายค้านที่มีความสามารถเฉพาะตัว โดยเฉพาะ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” สส.บัญชีรายชื่อ “ท็อปฟอร์ม” สมราคาอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 8 – อดีตประธานวิปฝ่ายค้านที่สามารถประดิษฐ์คำใหม่-นวัตกรรมภาษาสาดใส่รัฐบาลเศรษฐา และที่ติดอยู่ในใจ “พรรคคู่แค้น” ที่ไม่ยอมพลาดคือการฟาดไปที่ “นักโทษเทวดา” กล่องดวงใจของพรรคเพื่อไทย ที่มอนิเตอร์อยู่ “คุกทิพย์” โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 แต่ขาดหายไปคือข้อมูลเชิงลึก-เชิงตรวจสอบ ที่ประชาธิปัตย์ในอดีตเคยสร้างชื่อไว้อย่างการอภิปรายโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
• เปิดซิง เศรษฐา ปีงบประมาณแรก
ศึกงบประมาณครั้งแรก ของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี-รมว.คลัง การ์ดตก-เด้งเชือก ไม่สามารถชี้แจงให้เห็นถึงการใช้เงินแผนดินอย่างคุ้มค่า-โปร่งใสได้ ยิ่งมาเจอ “รัฐมนตรีคลังเงา” อย่าง “ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ที่ตีแสกหน้า “ทีมเศรษฐกิจเศรษฐา” ทั้งการ “โกงสูตรคำนวณจีดีพี” งบกระตุ้นเศรษฐกิจทิพย์ เงินกู้ดิจิทัลวอลเลตล่องหน การซุกหนี้โครงการประชานิยม ทั้งโครงการรับจำนำข้าว-ประกันราคาข้าว และประกันรายได้ของสินค้าเกษตร ของ 3 รัฐบาลเก่า ไว้ในงบประมาณสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีเป้าใหญ่คือเศรษฐกิจ “ไม่วิกฤตตจริง”
• องครักษ์พิทักษ์ นายนิด-นายใหญ่-นายน้อย
แม้ “เศรษฐา” จะถูกเปิดบริสุทธิ์ – ประเดิมลุกขึ้นชี้แจงงบประมาณ 67 เป็นปีงบประมาณแรก จนถูกพรรคก้าวไกล-ประชาธิปัตย์ สาวหมัด จนเมาหมัด-เข้ามุม ซวนเซถูกนับ 8 ยิ่งเนื้อในเพื่อไทย-พรรคการเมืองที่พลาดท่าเป็นฝ่ายค้านเพียงครั้งเดียวในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อปี 62 ธรรมชาติไม่ถนัดการใช้โวหารเชือดเฉือน ชิงไหวชิงพริบในสภา จึง “ตกเป็นรอง” พรรคฝ่ายค้านทุกกระบวนท่า
ทว่ายังอาศัยชั้นเชิงของขุนพลพรรคเพื่อไทยที่เจนจัดผ่านสมรภูมิในสภามาอย่างโชกโซน คอยออกมาปัดป้องทั้ง “นายนิด” และ “นายใหญ่” ไม่นับรวมรวมการอภิปรายงบ “ซอฟต์พาวเวอร์” ถูกพรรคฝ่ายค้าน “ชกลม” เฉียดไปเฉียดมา “นายน้อย” ที่ย่างกรายอยู่ที่กระทรวงต่างประเทศในเวลาเดียวกัน จน “เอาตัวรอด” กลับออกสภาไปได้อย่างค้านสายตากองเชียร์สีส้ม
จุดแข็งของพรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง พรรคเพื่อไทยสิ่งเดียวคือจำนวนเสียงข้างมาก-เกินครึ่ง และเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นปึกแผ่น 314 เสียง เว้นแต่พรรคร่วมรัฐบาล “แตกคอ” ในเรื่องผลประโยชน์และการช่วงชิงอำนาจกลับคืนของกลุ่มอำนาจเก่าที่ซ่อนเล็บ-พรางตัวอยู่ในมุมมืด