ฉากทัศน์มอเตอร์เอ็กซ์โปร 2566

ผู้ซื้อยังลังเล แม้ภาพอนาคตเป็นของ EV
งานมหกรรายานยนต์ 2024 มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ เริ่มต้นจัดแสดงแล้ว เสมือนเป็นช่วงเวลาแห่งการกดปุ่มเปิดสวิทช์ทรานฟอร์มโลกยานยนต์ จากเครื่องยนต์สันดาบภายในไปสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า 100% เชิดสิงโตนำหน้าหัวแถวด้วย neta เปิดตัวรถไฟฟ้ารวดเดียว ด้านMG ขณะที่ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น โตโยต้า หลบหนีสงครามแห่งความเปลี่ยนแปลงได้สุดเนียน เปิดตัว กระบะไทยเพื่อคนไทยราคาแบบไทยๆ ไฮลักซ์ แชมป์ รถคัสตอม ครั้งแรกของไทย สั่งประกอบได้หลายแบบตามความต้องการใช้งานของลูกค้า แล้วค่อยตีราคารวดเดียวแถมผ่อนสูงสุดถึง 180 เดือน ขณะที่จักรยานยนต์คึกคัก รถสองล้อไฟฟ้าราคาย่อมเยา เตะตา เสนอตัวให้ผู้อยากลองรถไฟฟ้าเริ่มจากของใช้งานง่ายราคาถูกก่อนจะไปสู่โลกของ 4 ล้อ

งานมหกรมยานยนต์ หรือ มอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2024 งานแสดงรถยนต์ช่วงปลายปีที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุด ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ย. จนถึง11 ธันวาคม 11.00-21.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี บัตรเข้าชมราคา 100 บาท ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงานวันที่ 29 พ.ย. ซึ่งเป็นรอบสื่อมวลชนว่า มีความคึกคักอย่างมาก เนื่องจากมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในงาน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นและนานาชาติที่มีอยู่เดิม นำเอารถยนต์รุ่นใหม่มาโชว์พร้อมเปิดโปรโมชั่นเต็มที่เพื่อหวังครองหัวในลูกค้าใช้นำเงินโบนัสมาใช้
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้ผลิตและจำหน่ายยานยนต์ประเภท รถไฟฟ้า ที่นำโดยจีน ก็ขนเอารถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่มีทั้งเทคโนโลยี, ความสวยงาม, แคมเปญกิจกรรมและ กับโปรโมชั่นต่างๆมา แนะนำตัวเองแก่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างเต็มที่ไม่แพ้กัน ซึ่งบรรยากาศการแย่งชิงลูกค้าไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะ ระหว่างพาหนะพลังงานสันดาปภายใน (มีเครื่องยนต์) กับ พาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเท่านั้น การแข่งขันระหว่างสองเทคโนโลยียังเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในกลุ่ม รถจักรยานยนต์ เนื่องจากราคาจำหน่ายหลักหมื่น ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายกว่า
ภายในงานยังมีการแนะนำตัวของ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ เช่น ประภันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ, อุปกรณ์ตกแต่งประเภท แค้มเปอร์และการเดินทางแบบออฟโรด, ธนาคารและบริษัทไฟแนนซ์มาร่วมเปิดบูทเสนอตัวเป็นตัวเลือก, เสื้อผ้า อุปกรณ์ตกแต่งประดับยนต์, มีกิจกรรมให้ได้พักผ่อนเช่น การทดลองขับรถแข่งฟอร์มูล่าวันบนเครื่อง ซิมูเลเตอร์เสมือนจริง, บริการต่อใบอนุญาตขับขี่, บริการโรงเรียนสอนขับขี่รถยนต์ปลอดภัยสูง, โรงเรียนสอนการขับรถแบบออฟโร้ด รวมถึงมีอากาศยาน และ บูทแสดงเรือยนต์ เสนอตัวให้เลือกผลิตภัณฑ์และร่วมกิจกรรมของแต่ละบูทด้วย

รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นไฮลน์ เรียกความสนใจจากผู้ชมได้มากเป็นพิเศษมีหลายรุ่น เริ่มจากการเปิดตัวของค่าย Changan (ฉางอัน) ค่ายน้องใหม่มาแรงด้วยการเปิดตัวรถไฟฟ้า รถยนต์ในเครือ 2 รุ่น ที่ประกาศ ราคาเป็นครั้งแรก ประกอบด้วย Deepal S07 มาในสไตล์ SUV ขนาดกะทัดรัด สไลต์เป็นทรงแอร์โรไดนามิก แบบใหม่ลาดเอียงให้ความไหลลื่นของอากาศรอบคันได้ดี พิกัดขนาดกลางใกล้เคียงกับ Toyota Yaris Cross, HONDA HR-V, HAVAL Jolion ชุดไฟหน้าและหลังเล็กยาว ให้ความรู้สึกปราดเปรียว แต่ชุดไฟตัดหมอกมีฐานรองรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ให้ดูบึกบึนแข็งแกร่ง ด้านท้ายลาดลงเพื่อลดแรงต้านของลม ภายในหรูหราด้วยเทคโนโลยีและวัสดุเกรดดีจากจีน ราคา 1,399,000 บาท ขับเคลื่อน 2 ล้อหลังด้วย มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 258 แรงม้า ส่วนรุ่น Deepal L07 ที่มีตัวถังเป็นแบบสปอร์ทซีดาน ไฟหน้าเล็ก มีเส้นโค้งและสันมุมรอบคัน ให้ความรู้สึกปราดเปรียว คล่องตัว พร้อมเทคโนโลยีภายในที่ควบคุมผ่านระบบปฏิบัติการแบบ จอเดียวคุมทั้งหมดซึ่งมีราคาจำหน่ายเพียง 1,329,000 บาท

ทางด้าน NETA (เนต้า) รถยนต์น้องใหม่จากจีน นำรถมาให้คนไทยได้เลือกหลายสไตล์ ตั้งแต่ ‘NETA GT’ (เนต้า จีที)รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าขนาดเล็ก สีทูโทนตัดกันเพื่อลดความเลี่ยนออกไป ชุดดักลมหน้ามีสเกิร์ตเพิ่มความดุดัน หลังคาลาดแบบรถคูเป้ แต่ความสูงจากพื้นไม่เตี้ยติดดินจนขึ้นลงลำบากเหมือนรถสปอร์ตจากอิตาลี ภายในใช้หนังเกรดคุณภาพสูง 2 ประตู 4 ที่นั่ง สมรรถนะโดดเด่น แบตเตอร์รี่ ลิเธียมไอออน กำลัง 78 กิโลวัตต์ พลัง 456แรงม้า แรงบิด 620 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนแบบ 4WD ชาร์จไฟหนึ่งครั้งมีระยะทางวิ่งได้มากกว่า 580 กิโลเมตร (ระบบการทดลองขับแบบ CLTC ) ในด้านความแรง สามารถทำอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กม. ภายในเพียง 3.7 วินาที ซึ่งยังไม่มีการกำหนดราคาในไทย มีเพียงราคาในต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านบาท, มีการจัดแสดงรถต้นแบบ ‘NETA GT Speedster’ (เนต้า จีที สปีดสเตอร์) รถต้นแบบสไตล์ Roadster เปิดประทุนที่มีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับ GT แต่สามารถเปิดหลังคาแบบอ่อนรับบรรยากาศภายนอกได้ เป็นการผสานนวัตกรรมทางวิศวกรรมศาสตร์เข้ากับศิลป์แห่งการดีไซน์ได้อย่างลงตัว, ประเภทพร้อมลุย สไตล์ Crossover SUV ได้แนะนำตัวรุ่น ‘NETA X’ (เนต้า เอ็กซ์) ให้คนไทยได้รู้จัก รถคันนี้ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ยกสูง และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย สามารถเดินทางไปในภูมิประเทศที่ไม่ใช่ถนนราดยางได้ ส่วนที่เปิดเพื่อการจำหน่ายทันทีคือ เปิดตัว NETA V’ (เนต้า วี) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นยอดนิยมสไตล์ City Car ที่ทำราคาจำหน่ายไว้เพียง 499.000 บาทเท่านั้นหากซื้อภายในงาน โดยราคาดังกล่าวจะปรับขึ้นหลังงานอีก 50,000 บาท , รถคันเล็กพิเศษสำหรับเด็กหรือ ‘NETA KID’ (เนต้า คิด) เพื่อเอาใจพ่อแม่ที่สนใจอยากสัมผัสกับรายละเอียดในโลกของรถไฟฟ้า แต่ยังไม่ต้องการใช้งานกับรถจริง สามารถใช้รถไฟฟ้าที่มีระบบทุกอย่างเหมือนคันจริง แต่ย่อส่วนและย่อราคาลงมาให้สัมผัสได้ง่ายขึ้น


นอกจากการเปิดตัวของรถไฟฟ้าจากจีนเป็นหลักแล้ว ค่ายยุโรป ก็แนะนำรถไฟฟ้าหลายรุ่นในงานโดยเฉพาะบูท ของBMW และ VOLVO ได้นำเอารถไฟฟ้าทุกรุ่นที่มีจำหน่ายในไทยเข้ามาโชว์ในงานพร้อมทั้งมีทีมงานฝ่ายเทคนิคคอยให้ข้อมูลรายละเอียดทุกด้าน ต่างกับค่ายจากจีนที่เน้นข้อมูลเรื่องราคาและแคมเปญเพื่อเน้นขายรถเป็นหลัก,
ด้านบรรยากาศของค่ายผู้ผลิตรถสันดาปภายใน มาร่วมงานกันครบทุกค่าย แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่เปิดตัวมากนัก ทำให้บรรยากาศ ค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียง โตโยต้า เท่านั้นที่นำเอารถ กระบะสายพันธุ์ใหม่ ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการ IMV อันเป็นโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อผลิตและจำหน่าย รถเพื่อการพาณิชย์ทั้งหมดของญี่ปุ่นสู่ไทย เปิดตัวรูปแบบใหม่ของการทำธุรกิจโตโยต้า ที่ผู้ซื้อสามารถเลือกการสั่งประกอบได้ตามความต้องการของการใช้งาน เริ่มจากเลือกขนาดฐานล้อว่าจะเอาแบบสั้นหรือยาว จากนั้นเลือกเครื่องยนต์ได้ 3 แบบคือ เบนซิน 2.0 ลิตรก ให้พลัง 130 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตั้นเมตร, เบนซิน 2.7 ลิตร ให้พลัง 165แรงม้า แรงบิด245 นิวตัน เมตร และ เครื่องดีเซล 2.4 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด343นิวตั้นเมตรที่มาพร้อมเกียร์กระปุก กับ แรงบิด140 นิวตั้นเมตรที่มากับเกียร์อัตโนมัติ จากนั้นจึงเลือก ระบบส่งกำลังได้ 2 แบบคือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สำหรับผู้ที่เลือกตัวรถเปล่าไม่มีกระบะท้ายนั้น โตโยต้า ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตอื่นๆในการสั่งต่อรถได้แบบต้องการเช่น เลือกให้เป็นรถบ้านแค้มเปอร์ กับแครี่บอย, เลือกให้ส่วนท้ายเป็นตู้ขนของ, เลือกให้เป็นตู้แช่, เลือกเป็นร้านค้า, ร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งเลือกติดตั้ง เครนเพื่อยกสินค้าน้ำหนักสูงไว้กับรถ เด็ดสุดของการจำหน่ายรถโตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์รุ่นใหม่นี้คือ โตโยต้า เจรจากับ สินค้าแบรนด์ชั้นนำของไทยเอาไว้อีกหลายสินแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถ สั่งต่อรถ พร้อมเจรจา ซื้อแฟรนไชน์ ได้ไปในครั้งเดียวกัน เพื่อให้สามารถเริ่มทำธุรกิจได้ทันทีแบบไม่ต้องแยกทุนในการซื้อรถกับซื้อแฟรนไชส์ โดยราคาของรถจะเริ่มต้นแค่ 475,000 บาท ไปจนถึงหลายแสนบาท ขึ้นอยู่กับลักษณะการสั่งต่อและแฟรนไชส์ที่ต้องการซื้อในครั้งเดียว หลังจากนั้นจึงนำเข้าสู่ระบบไฟแนนซ์ ที่ลูกค้าสามารถเลือกระบบเช่าซื้อได้ตามความต้องการ จะจ่ายเป็นก้อน หรือจะเลือกผ่อนนานสูงสุดได้ถึง 180 เดือนทีเดียว นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโตโยต้า ที่ไม่ใช่จำหน่ายเพียงแค่รถเท่านั้น แต่ยังลงรายละเอียดอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วย
สิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษคือ บรรยากาศในงานแสดงของฝั่งรถจักรยานยนต์ ที่คึกคักมากกว่าเดิน นอกจากค่ายใหญ่ จะขนรถและจัดแคมเปญเพื่อส่งเสริมการขายเต็มที่แล้ว มีรถจักรยานยนต์จากจีน เริ่มเปิดตัวให้เห็นหลายค่าย ทำให้ได้รับความสนใจจากประชาชนค่อนข้างมาก เนื่องจาก แม้บรรยากาศในงาน จะปรากฏชัดว่า โลกของยานยนต์ส่วนใหญ่ เริ่มเปลี่ยนไปสู่พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย และเปลี่ยนไปไปทั้งระบบพร้อมกัน กล่าวคือทั้งตัวรถไฟฟ้าที่ทำมาจำหน่ายมากขึ้น ก็ยังมีการจำหน่ายประกันภัยสำหรับรถไฟฟ้าโดยตรง, มีบูทจำหน่ายอุปกรณ์ชาร์จรถไฟฟ้าปรากฏให้เห็น ตลอดจนระบบไฟแนนซ์ก็มีแคมเปญสำหรับเช่าซื้อรถไฟฟ้าโดยตรงด้วย อย่างไรก็ตามผู้บริโภค ยังคงอยู่ในสภาวะลังเลที่จะเปลี่ยนไปตามกระแส เนื่องจากยังไม่มีโอกาสได้ทดลองใช้จริงกับรถไฟฟ้าเป็นเวลานานถึงระดับเกิดความมั่นใจ ดังนั้น ส่วนมากจึงเล็งมาที่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าก่อน เพื่อจะได้ทดลองใช้และรู้จักของโลกของรถไฟฟ้าได้ลึกซึ้งทั้งเรื่องผลิตภัณฑ์ การชาร์จ การซ่อมบำรุง โดยไม่ต้องลงทุนก้อนใหญ่ซื้อรถยนต์4ล้อในขณะที่ยังไม่มั่นใจเต็มที่นี้

เพื่อช่วยลดปัญหาเรื่องปริมาณรถยนต์ส่วนตัว สร้างความแออัดแก่ชุมชนในเมืองทองธานี ผู้จัดงาน อำนวยความสะดวกการเดินทางแบบไม่ต้องขับรถด้วยการจัดรถบริการรถรับ-ส่ง (ฟรี) รับผู้ชมงานจากสถานีรถไฟฟ้า 3 เส้นประกอบด้วย สถานีหัวลำโพง(รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน), สถานีหลักสี่ (รถไฟฟ้าสีแดง), สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต (รถไฟฟ้าสีเขียว) และ ศูนย์กลางรถตู้ บริเวณห้างฯ ฟิวเจอร์ รังสิต เริ่มเวลา 11.00 น. ระยะห่างระหว่างคันอยู่ที่ 30 นาที หรือ หากผู้โดยสารเต็มจะออกทันที วิ่งรับ-ส่ง ตลอดวัน จนกระทั่งคันสุดท้ายออกจาก ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ ในเวลา 24.00 น.