1 เดือน “เศรษฐา” เจออะไรบ้าง
ส่อง 1 เดือน นายกฯเศรษฐา ทำอะไรบ้าง และอะไรคือจุดเสี่ยงในอนาคต
11 ต.ค.ครบ 1 เดือนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน บริหารประเทศ นับจากการแถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 ผ่านไป 1 เดือนกับอีก 10 กว่าวัน เราจะมาดูกันว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
นายกฯเดินสายไทย-ตปท.
นับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เดินทางพบปะประชาชนมิได้หยุดหย่อน โดยลงไปพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ในแง่หนึ่ง เป็นการเดินทางลงไปตามนโยบายของรัฐบาล แต่อีกแง่หนึ่ง เป็นการลงไปสร้างกระแสในตัวนายกฯให้เกิดต่อประชาชน เพื่อเรียกคะแนนนิยม
นอกจากในประเทศไทยแล้ว นายกฯเศรษฐา ยังเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งหมายการประชุมนานาชาติและเพื่อกระชับความสัมพันธ์
โดยเริ่มจากการนำคณะบินลัดฟ้าไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญบนเวทีระดับโลกเป็นครั้งแรก ในการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) ระหว่างวันที่ 18-24 ก.ย. ในเวทีนี้เราได้เห็นนายกฯเศรษฐา โชว์สกิลการกล่าวถ่อยแถลงเป็นภาษาอังกฤษด้วยความมั่นใจเกินร้อย
ต่อมาการเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 ก.ย. เพื่อแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ รวมถึงกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่าง ๆ โดยถือเป็นชาติสมาชิกอาเซียนประเทศแรกที่นายกฯ คนที่ 30 ของไทยเลือกเดินทางไปเยือน
กระทั่งต่อมาคือการเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง , บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-12 ตุลาคม 2566
และล่าสุด เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
และต่อด้วยการเดินทางไปกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit)
ออกมาตรการเอาใจประชาชน
รัฐบาลเศรษฐา เร่งออกหลากหลายมาตรการเพื่อเอาใจประชาชน อาทิ
กระทรวงพลังงาน “ตรึง” ราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยใช้ 2 กลไกด้วยกัน คือ ภาษีสรรพสามิต กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนน้ำมันเบนซินกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางช่วยเหลือแบบ “พุ่งเป้า” ไปยังกลุ่มเปราะบาง
ครม.ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้ากับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 เหลือในอัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย โดยผู้ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน 2566 ไปแล้ว จะได้รับการหักส่วนลดค่าไฟฟ้าดังกล่าวในรอบบิลเดือนตุลาคมนี้ต่อไป
พักหนี้เกษตรกร 3 ปี และในส่วนของ SME ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 เป็นเวลา 1 ปี นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ทำให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อต่อยอดอาชีพของตนเองได้ รายละไม่เกิน 100,000 บาท
รถไฟฟ้า 20 บาท โดยคณะรัฐมนตรี อนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต) ของการไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน
ตัดคะแนน 1 เดือน 3 ประเด็น
1.นายกฯได้คะแนนภาวะความเป็นผู้นำ
เนื่องจาก 1 เดือนที่ผ่านมา ไม่สามารถที่จะชี้วัดในผลงานได้ แต่สามารถให้คะแนนนายกฯในส่วนของภาวะผู้นำ โดยดูจากหลายสถานการณ์ เช่น เหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน นายกฯได้ต่อสายตรงถึงทูตจีน ลาว เมียนม่า เพื่อแสดงความเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลงแล้ว นายกฯจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ กระทั่งวันต่อมา นายกฯก็ไปเปิดงานที่พารากอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน
ยกตัวอย่างอีกกรณี คือการเดินทางไปประชุม UN เมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากการพบปะผู้นำโลกแล้ว นายกฯเศรษฐา ยังถือโอกาสนี้ เชิญชวนนักธุรกิจระดับโลกมาลงทุนในประเทศไทย เช่น ได้มีการคุย กับ อีรอน มัสก์ CGO เทสลา ผ่านระบบการประชุมทางไกล ว่ารัฐบาลของไทย พร้อมสนับสนุนการลงทุนภายในกรอบแรงจูงใจในปัจจุบัน โดยฝ่าย Tesla กล่าวชื่นชมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ของไทย ซึ่งเหมาะสมกับการลงทุนของ Tesla
2. รัฐมนตรีคนไหนโดดเด่น
1 เดือนที่ผ่านมา รัฐมนตรีที่มีความโดดเด่นที่สุุด น่าจะเป็น ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี และรวมถึง รมว.มหาดไทย ให้รับผิดชอบงานสำคัญ อย่างการกวาดล้างผู้มีอิทธพล รวมถึงใช้อำนาจฝ่ายปกครอง กวาดล้างสิ่งผิดกฎหมาย อบายมุขต่างๆ โดยเรื่องดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามในคำนองว่า ใช้ผู้มีอิทธิพล กวางล้างผู้มีอิทธิพล จะได้ผลหรือ ขณะที่นายชาดา ยืนยันว่า ตนเองรู้วิธีการจัดการกับผู้มีอิทธิพล เชื่อว่าจะทำงานนี้ได้สำเสร็จ
3. รัฐมนตรี อยู่ผิดที่
ยกให้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เรียกว่า อยู่ผิดที่โดยแท้ เพราะงานที่มอบหมายให้ภูมิธรรม มีแต่งานการเมือง เช่น เป็นประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ขณะที่งานของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ค่อยโดดเด่นนักสำหรับภูมิธรรม
เรื่องร้อน แต่งตั้ง ผบ.ตร.
เมื่อร้อนที่สุดสำหรับนายกฯเศรษฐา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2023. คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นประธาน มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 หลังจากในช่วงแรกของการประชุมมีมติเลื่อนการแต่งตั้งไปก่อน
ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินคดีกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.และพวกรวม 10 คน ปฏิบัติหน้าที่ในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ง. (4) ที่ให้ปฏิรูปตำรวจเป็นอิสระในการทำงาน และให้มีหลักประกันในเรื่องค่าตอบแทนและการแต่งตั้งโยกย้ายโดยใช้ระบบคุณธรรม เพื่อให้ข้าราชการตำรวจทำงานแบบมีอิสระ และมีประสิทธิภาพ
จึงถือเป็นการฟ้องร้องการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯเศรษฐา ครั้งแรก นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติหน้าที่มา
โจทย์ยากรัฐบาลเศรษฐา
1.วิกฤตความเชื่อมั่น
เนื่องจากรัฐบาลเศรษฐา เป็นรัฐบาลข้ามขั้ว จึงก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อประชาชน ซึ่งกระทบถึงด้านนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อประชาชนไม่เกิดความเชื่อมั่น การเดินหน้าเรื่องต่างๆ ก็เป็นไปด้วยความลำบาก
2.งบประมาณ
ถึงวันนี้ร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2567 เพิ่งจะเริ่มนับ 1 นายกฯเศรษฐา เพิ่งจะมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเข้าสู่สภาได้ในช่วงต้นปีหน้า จึงจะเป็นปัญหาในการเดินหน้าโครงการต่างๆพอสมควร โดยเฉพาะโครงการที่ได้หาเสียงไว้
3.โครงการเงินดิจิทัล จุดเสี่ยง
แม้โครงการดังกล่าว จะเป็นโครงการที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ และผ่านการรับรองโดย กกต.แล้วก็ตาม แต่เวลานี้ จะเห็นว่า โครงการดังกล่าวถูกถล่มไม่เว้นแต่ละวัน เนื่องด้วยเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูงถึง 5,6 แสนล้านบาท มิหนำซ้ำ ยังไม่อะไรรับประกันได้ว่า จะก่อให้เกิดประโยชน์ที่คุ้มค่าการลงทุน ดังนั้น โครงการแจกเงินดิจิทัลนี้ จึงจะเป็นจุดเสี่ยงของรัฐบาล เหมือนกับโครงการรับจำนำข้าวในอดีต
4.ทักษิณ จุดอ่อนรัฐบาล
ขณะนี้สังคมกำลังจับตาดูว่าจะมีการออกกฎหมายพักโทษทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ หลังจากได้รับพระราชทานให้ลดโทษ เหลือจำคุก 1 ปี แต่เอาเข้าจริง จนถึงวันนี้ ทักษิณ ยังไม่ได้ติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว เพราะอาศัยช่องว่า ป่วย สูงอายุ จึงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล กรณีการกลับมาโดยไม่ต้องรับโทษของทักษิณ ทำให้สังคมตั้งคำถามจึงมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมของไทย และกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงมิได้