เศรษฐา บทบาทประเทศไทยบนเวทีโลก
ภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกมีนัยยะสำคัญ
ภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกมีนัยยะสำคัญ แม้แต่ประเทศไทยก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามตั้งแต่ 24 ก.พ. 2565 ได้ผ่านมานานมากกว่า 500 วันแล้ว ที่จุดฉนวนไฟสงครามในทวีปยุโรป ก่อให้เกิดปัญหาพลังงานพุ่งสูง ราคาพืชผลทางการเกษตรแพงขึ้น รวมถึงชีวิตผู้คนต้องอพยพ เคลื่อนย้ายอย่างมโหฬาร
ในขณะที่ฝากฝั่งของเอเชีย ก็มีปัญหาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ได้ขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามเลือกข้าง ทำให้ประเทศเล็กๆ ในอาเซียนต่างตกอยู่ในที่นั่งลำบาก โดยมีไต้หวันเป็นตัวประกันในฐานะจีนเดียว (One China) ทำให้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเข้าสู่ยุคล่อแหลม และมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา
โดยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ คือการเดินทางของ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของไทย ซึ่งเมื่อ 18-24 ก.ย.ที่ผ่านมา ไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญบนเวทีระดับโลกเป็นครั้งแรก โดยเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) เพื่อชี้เห็นว่า ขณะนี้ประ เทศไทย พร้อมที่จะออกไปสู่สายตาชาวโลก ภายใต้การทำงานของรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยแล้ว
“เศรษฐา” ในช่วงนี้!! ห้ามฟอร์มตกแม้แต่นิดเดียว เพราะแสงไฟทุกดวงจับจองไปที่ “ตัวเขา” ไม่ว่า ‘เศรษฐา’ จะเดินปทางไหน ก็เป็นข่าวตลอด เริ่มตั้งแต่ การพบปะบรรดานักลงทุน โดยได้พบกับ “อีลอน มัสก์” ผู้บริหารเทสลา (Tesla) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่ง ‘เศรษฐา’ ก็ได้เสนอให้มาลงทุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่ไทย รวมถึงมีโอกาสได้พบกับ นายแบรด สมิธ รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร ไมโครซอฟท์ คอร์ป (Microsoft) และนางรูธ พอแรต ประธานคณะเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) แอลฟาเบต อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล (Google) ที่ถือเป็นบริษัทด้านดิจิทัลยักษ์ใหญ่ระดับโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังพบผู้นำประเทศอื่นๆ เช่น นายยุน ซอก-ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายฝ่าม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมน ตรีเวียดนาม นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่า
“ขณะนี้ ไทยพร้อม ที่จะจับมือกับนักลงทุนทุกๆราย โดยมีเงื่อนไขที่ดีที่สุด เช่น การมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพรียมพร้อม ไม่ว่าจะถนน รถไฟ สนามบิน ท่าเรือ และสัญญาณอินเทอร์เน็ต 5G ถือว่ามีภาษีเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน”
หนทางการเยือนสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ทั้งหมด ก็ทำเพื่อปูทางไปสู่การวางแผนระยะยาว ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างเร่งด่วน ขณะที่ แผนระยะสั้น รัฐบาล ‘เศรษฐา’ ได้ออกมาตรการลดราคาน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า และวีซ่าฟรี และแผนระยะกลาง มีเรื่องเด่น คือ มาตรการพักหนี้เกษตรกรและเอสเอ็มอี และโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท รวมทั้ง เงินเดือนเด็กจบใหม่ป.ตรี เริ่มที่ 25,000 บาท ล้วนแต่พุ่งเป้าไปในเรื่องของการเพิ่มกำลังซื้อในแก่ประชาชนภายในประเทศ
ดังนั้น การที่นายกฯ มาจากภาคเอกชน เราจะมองเห็นความแตกต่างจากรัฐบาลชุดเก่า จากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยวันที่ 26 ก.ย.นี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ประกาศแล้วว่า โครงการพักหนี้เกษตรกร จะดำเนินการแล้วเสร็จเป็นโครงการแรก และพร้อมเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.วันที่ 26 ก.ย.นี้ และหลังจากนั้น จะรายงานความคืบหน้าของโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ก.พ. 67 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม ที่คาดว่าจะนำมาใช้ในเดือนมี.ค.ปีหน้า
นอกจากนี้ ในการประชุม ครม.วันที่ 26 ก.ย. กระทรวงการคลัง จะเสนอให้มีการแต่งคณะกรรมการโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งประกอบจากหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้คณะกรรมการชุดมีอำนาจเข้าดูแลตั้งแต่ต้นโครงการจนถึงปิดโครงการ ภายในระยะเวลา 6 เดือน ด้วยความหวังว่า จะลดข้อครหาและความไม่โปร่งใส อันเนื่องมาจากช่องโหว่ง ที่ก่อให้เกิดการทุจริตซ้ำซากเหมือนกับโครงการจำนำข้าว ที่มาของต้นเหตุการปฏิวัติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทั้งนี้ โครงการพักชำระหนี้เกษตรกรและโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ถือเป็นโครงการใหญ่ ที่ “เศรษฐา” จะต้องทำให้สำเร็จ และไม่มีการทุจริตที่เกิดจากฝีมือของนักการเมือง เพื่อหวังว่า ผลงานของรัฐบาลผสมที่มีเพื่อไทยเป็นแกนำ จะประสบความสำเร็จ แถมลบภาพเก่าๆ ที่ถูกครหาว่า เป็นรัฐบาล “ส้มหล่น” “รัฐบาลอุ้ม” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้านเกิดเท่านั้น
ดังนั้น การดึงคะแนนนิยมจากที่ติดลบ กลับมาเป็นบวกให้จงได้ เป้าหมายคือ ต้องชนะพรรคก้าวไกล ไม่เช่นนั้นพรรคอันดับสอง อย่างพรรคเพื่อไทย ถ้าเกิดเดินพลาดไม่สามารถกอบกู้เศรษฐกิจได้ โอกาสเป็นรัฐบาลสมัยหน้า คงยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ขณะที่พรรคก้าวไกล ไม่ต้องทำอะไรเลย ประชาชนก็เทคะแนนนิยม คงทิ้งห่างจากพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
นับจากนี้ไป ต้องจับตาฝีมือในการทำงานของ ‘เศรษฐา’ นายกฯของไทย ที่จะสร้างความเชื่อมั่น และสามารถดึงประเทศไทยให้กลับมายืนที่เดิมได้หรือไม่ คือประเด็นสำคัญที่คนไทยเฝ้ารอ!!