รัฐบาลโชว์กึ๋นผุดมาตรการเฉพาะหน้า

ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจ

ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจ ถูกรุมเร้าจากหลากหลายปัจจัย เช่น สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวัน ร่วมถึงสงครามการค้า หว่างสหรัฐ กับจีน ส่งผลให้ ความต้องการสินค้าในตลาดโลกลดลง และยังกดดัน ต่อภาวการณ์ส่ออกที่ต้องหดตัวตามอย่างอาจหลีกเลี่ยงได้
ส่งออกทรุดภายรวมเศรษฐกิจย่ำแย่
ล่าสุด สภาพัฒน์ฯ ออกมายืนยันถึงภาวะเศรษฐกิจที่เบาะบาง จากตัวเลขส่งออกของไทยไตรมาสที่ 2 ปี 66 หดตัว 5.6% ซึ่งเป็นการติดลบมาแล้ว 3 ไตรมาสต่อเนื่อง นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 65 ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 66 รวมทั้ง ตัวเลขของเดือนกรกฎาคม2566 เองก็ยังติด ทำให้ภาคการส่งออกมีการหดตัวติดต่อกันถึง 10 เดือนแล้วนั้น
กลายเป็นประเด็นใหญ่ ที่ต้องลุ้นกันต่อไปว่า ไตรมาสที่ 3 และ 4 ปีนี้จะเป็นลูกผี-ลูกคน คือประเด็นใหญ่ที่รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และในฐานะรมว.คลัง ต้องเร่งกอบกู้และฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
ดังจะเห็น ที่ประชุมครม.นัดแรก เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ได้ออกมาตรการบรรเทาความเดือนร้อนอย่างยาวเหยียด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ว่ารัฐบาลดูแล ประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะคนไทยที่ยากจน
ได้แก่ มาตรการที่ 1 เรื่อง ลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ด้วยการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.5 บาท ต่อลิตร เริ่ม 20 ก.ย.-สิ้นปี 66 2.ลดค่าไฟฟ้าลง 35 สตางค์ หรือ ลดเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย จาก 4.45 บาทหน่วย 3.พักหนี้เกษตรกร และเอสเอ็มอี ทั้งต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 ปี และ 4.ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท แจกเงินประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 56 ล้านคน ใช้เงินงบประมาณราว 560,000 ล้านบาท
ดึงต่างชาติเที่ยวไทยไทยช่วงไฮซีซั่น
นอกจากนี้ ยังแถมมาตรการเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ด้วยการยกเลิกวีซ่า (ฟรีวีซ่า) หรือไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2566 ถึง 29 ก.พ. 2567 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนนั้น ไม่ต้องพูดถึง ก่อนโควิด เดินทางมาไทยกว่า 10 ล้านคนต่อปี และหลัง จากที่รัฐบาลเปิดประเทศนั้นก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมา โดยสถิตินักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปีนี้ มีสะสมกว่า 2.2 ล้านคน และช่วงปลายปีนี้ถือเป็นไฮซีซัน “รัฐบาลเศรษฐา” หมายมั่นว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน
ฟรีวีซ่าจึงถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรสักบาท เพราะการเดินทางที่เข้า-ออกอย่างสะดวกโยธิน ถือเป็นจดหมายเชิญให้นักท่องเที่ยวทุกระดับชั้นมาเที่ยวประเทศไทยอย่างง่ายดาย เพื่อมากิน มาใช้ มาจับจ่าย มาช้อปปิ้ง กระจายรายได้สู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย ตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ ล้วนแต่เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลอยากเห็น
ดิจิทัล วอลเล็ต-พักหนี้ต้องรอไปก่อน
ขณะที่มาตรการชุดอื่น สุดท้ายแล้ว ต้องใช้เวลานาน ไม่สามารถเข้า ครม.วันนี้ พรุ่งนี้ทำได้ทันที เห็นได้จาก ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท พ้นมาหนึ่งสัปดาห์ นับจากรัฐบาลแถลงนโยบาย ณ วันนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ทุกอย่างยังอยู่บนกระดาษ รอการเจียระไน และศึกษาเพิ่มเติม
เช่นเดียวกับ มาตรการพักหนี้เกษตรกร แม้ครม. ไฟเขียวให้มีผู้รับผิดชอบโดยตรง คือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ก็ตาม ยังให้เตรียมงานและศึกษาเพิ่มเติมอีก 14 วัน ทั้งๆ ที่ สองมาตรการนี้ “พรรคเพื่อไทย” ใช้หาเสียงมาตลอด !!
สุดท้ายคือ ขอครหาถึงความไม่พร้อม ในการบริหารประเทศ ประเด็นและข้อแม้เงื่อนไขสุดโหด ผุดขึ้นมาอย่างดอกเห็ด พร้อมกับคำถามแรงๆ
ประเด็นแรก เงินดิจิทัล วอตเล็ต 10,000 บาท แหล่งเงิน 560,000 ล้านมาจากไหน
ประเด็นที่ 2 รัศมี 4 กม. จะมีการแก้ไขหรือไม่ กรณีประชาชน อยู่ห่างไกลความเจริญ
ประเด็นที่สาม เงินดิจิทัล มีสถานะเป็น เงินบาท หรือ เป็นคริปโตเคอร์เรนซี และ ประการสุดท้ายสำคัญที่สุด คือ เงินดิจิทัล ซื้ออะไรได้บ้าง
นี่!! เป็นคำถามเบื้องต้น แต่ถ้าหากมาตรการออกมาแล้ว ยังคงมีคำถามที่จะต้องชี้แจ้ง เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนอีกนับร้อยประเด็น ขณะที่มาตรการพักหนี้เกษตรกร ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย มีโจทย์ใหม่ล่าสุด ต้องขยายพักหนี้เงินต้นธุรกิจเอสเอ็มอีด้วย ถือเป็นงานใหญ่ ครอบคลุมทั้งหนี้แบงก์รัฐ และเอกชน
จากนี้ไป ต้องจับตาการทำงานของรัฐบาล ที่นายกฯ เศรษฐาบอกว่า “ไม่มีเหน็ดเหนื่อย” สุดท้ายแล้วจะจริงจังมากน้อยแค่ไหน