โจทย์การเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ “นิด” เข็นครกขึ้นภูเขา
จับตาการทำงานของนายกฯนิด ควบ รมว.คลัง หรือ เศรษฐา 1
จับตาการทำงานของนายกฯนิด ควบ รมว.คลัง หรือ เศรษฐา 1 หลังจากในหลวงโปรดเกล้าฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ ต้องแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย.
เพื่อประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน กอบกู้เศรษฐกิจ และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ
ถือเป็นประเด็นใหญ่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า!!
ดังจะเห็น จากนายกฯ “เศรษฐา” นั่งควบ รมว.คลัง ชูขึ้นเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะมาจากภาคเอกชน 100% เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ที่เรียกว่า “ทีเด็ด” ที่ใช้หาเสียง เช่น หว่านเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ใช้เงิน 560,000 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องใหญ่ และยังเป็นภาระต่องบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด
ประเด็นรอง หนี้ไม่พ้น “พักหนี้เกษตรกร-ลดราคาน้ำมัน และค่าไฟ-ค่าแก๊สหุงต้ม” ล้วนแต่เผือกร้อน สร้างความทุกข์ระทมให้แก่ประชาชน และภาคเอกชนที่ต้องการเห็นจีดีพี พุ่งทะยานเกิน 3% ดีทั้งส่งออก และการท่องเที่ยวไม่ใช่จีดีพี 2.8% อย่างที่ สถาพัฒน์ฯ เฉยมาก่อนหน้านี้!!
อีกเรื่องที่ต้องแตะ!! เพราะประจวบเหมาะใกล้จะสิ้นเดือนก.ย.พอดดี ถึงฤดูเกษียณ โยกย้ายประจำปี ครม.ชุดใหม่ ต้องแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการคนใหม่ งานนี้ ตอบตรง คึกคัก!! โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ ปลัดระดับ 11 เกษียณพร้อมกัน 2 คน คนแรก “ปลัดกฤษฎา จีนะวิจารณะ” กระทรวงคลัง แต่ย้ายข้ามห้วยลงเล่นการเมือง รับตำแหน่ง รมช.คลัง คนที่ 2 “ปลัดกุลิศ สมบัติศิริ” กระทรวงพลังงาน
ดังนั้น การตั้งแต่โยกย้ายรอบนี้ เขา ลุ้นกันปลายรัฐบาลที่แล้วของ “บิ๊กตู่” จนถึงวันอังคารที่ 13 ก.ย.นี้ ยังลุ้นว่า จะตัดใจตั้งแต่นัดแรกเลย ถ้าห่วงเวลาไม่ทันจริงๆ!!
ต้องรอหลังจาก นายกฯ กลับประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ 19 – 22 ก.ย.ที่สหรัฐอเมริกา
แต่อาจจะล่วงหน้าไปกว่านั้น วันอังคารที่ 26 ก.ย. สัปดาห์สุfท้ายของปีงบประมาณ2566 ถึงจะเลือกกระบี่มือหนึ่งคู่ใจมาเดิมเกมบริหารประเทศ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
ขณะที่ความมั่นคงไม่ต้องพูดถึง การแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพนั้น เรียบร้อยโรงเรียน “พล.อ.ประยุทธ์” ไปก่อนหน้านี้แล้ว เหลือเพียง ผบ.ตร.หน่วยงานเดียว ครม. “เศรษฐา 1” ณ วันนี้ ไม่มี ฮันนีมูน!!
ทุกอย่างเร่งรีบและเร่งด่วน ยกตัวอย่าง การเป็นเจ้าภาพงานงานพืชสวนโลก จ.อุดรธานี ตั้งงบประมาณ 2,500 ล้านบาท ของบเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาท พุ่งกระฉูดเป็น 5,000 ล้านบาท งบบายปลาย ยิ่งกว่า “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เสียอีก นายกฯ ตัดฉับ กลับไปที่เดิม 2,500 ล้านบาท งง กันทั้งตำบล!!
มองไปอีกมุก ช่วงระหว่างออนทัวร์ อีสาน!!
“เศรษฐา1” ยังจัดหนัก จุดประเด็นเรื่องการก่อสร้างรถไฟรางคู่ จาก จ.ขอนแก่นไป จ.หนองคาย ที่ค้างคามานาน แต่ใช้งบประมาณไม่มาก มาติดขัดปัญหาเรื่องใด “ไม่มีคำตอบ” แต่ถ้าลงทุนแล้วสร้างเสร็จ สร้างประโยชน์อนันต์กับเศรษฐกิจไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพราะ จ.หนองคายคือ ประตูเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูงลาวและจีน
คนจากภาคเอกชนอย่าง “นายกฯ นิด” มองปราดเดียว รู้ทันที!! โครงการนี้ ต้องติดจรวดเดินหน้าต่อทันที เพราะงบประมาณมีไว้พร้อมหมดแล้ว
โครงการรถไฟรางคู่จาก จ.ขอนแก่นไป จ.หนองคาย มองแล้ว น่าจะคุ้มค่ายิ่งที่กว่าสร้างถนนมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี เพราะรถไฟความเร็วสูงลาว-จีนนั้น
“กลางวันขนคน ส่วนกลางคืนขนสินค้า” เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจชายแดนและประเทศไทยได้อย่างมหาศาล เพราะลาวไม่มีทางออกสู่ทะเล ส่วนจีน ไม่ติดพูดถึง กดดันแล้ว กดดันอีก ให้ไทยสร้างความไฟฟ้าเร็วสูง พุ่งตรงจากจีนตอนใต้ มาลาวเข้าสู่ประ เทศไทย กระจายสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง
เรียกว่า การขนส่งสินค้าผ่านแดนลาว-ไทย บุกไปตลาดโลก จีนพี่ใหญ่ของภูมิภาค จึงไม่มีเป้าหมายทอดทิ้งไทย แต่ต้องการเป็นมิตร หรือมหามิตร ไม่ใช่ศัตรูอย่างแน่นอน!!
ดังนั้น เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ของ “เศรษฐา 1” ที่พูดเองไว้ก่อนล่วงหน้าว่า “จะไม่เหน็ดเหนื่อย” แถมยังพ่วงท้าย ด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นประเด็น ที่ทุกฝ่ายรวมถึงพรรคก้าวไกลกำลังจับตาไม่กะพริบ