เปิดสารผู้นำมหาอำนาจแซ่ซ้อง “เศรษฐา” นายกฯคนที่ 30
เปิดสารผู้นำมหาอำนาจแซ่ซ้อง “เศรษฐา” นายกฯคนที่ 30
ทันทีที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 30 อย่างเป็นทางการ เสียงแซ่ซ้องจากผู้นำนานาประเทศ เพื่อร่วมความยินดี
เริ่มต้นจากสารของผู้นำประเทศมหาอำนาจ นายโจเซฟ อาร์. ไบเดน จูเนียร์ (President Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ดังข้อความต่อไปนี้
ในนามของสหรัฐอเมริกา ผมขอแสดงความยินดีกับคุณที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของราชอาณาจักรไทย ในปีนี้ ประเทศต่างๆ ของเราเฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปีของความสัมพันธ์ทางการฑูต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์มิตรภาพที่ยาวนานยิ่งขึ้นระหว่างเราสองคน ฉันภูมิใจที่เรากระชับความเป็นหุ้นส่วนของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปีที่แล้ว และฉันหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคุณในขณะที่เราปฏิบัติตามแถลงการณ์สหรัฐอเมริกา-ไทยฉบับใหม่ว่าด้วยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือ
ด้วยประวัติศาสตร์ร่วมกันและค่านิยมร่วมกัน ความเป็นพันธมิตรระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาสนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองสำหรับประชาชนของทั้งประเทศของเราและทั่วทั้งอินโดแปซิฟิก ด้วยการกระชับความร่วมมือของเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและครอบคลุม พัฒนาความมั่นคงและการป้องกันร่วมกันของเรา และขับเคลื่อนการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปพร้อมกับการลงทุนในการเปลี่ยนแปลงพลังงานสะอาด ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาสามารถคว้าโอกาสมหาศาลของทั้ง 20 ประเทศ ศตวรรษแรกในขณะที่จัดการกับความท้าทายมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง และฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้พบคุณด้วยตนเอง
ประเทศ “บ้านพี่เมืองน้อง” อย่าง สปป.ลาว นายสอนไซ สีพันดอน (H.E. Mr. Sonexay Siphandone) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งนายเศรษฐาจะเดินทางไปประเทศลำดับแรกๆ
ในนามของรัฐบาลและประชาชนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และในนามส่วนตัว ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีและส่งคำอวยพรอันประเสริฐมายัง ฯพณฯ ในโอกาสที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยคนใหม่
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นใจว่า ด้วยความสามารถและประสบการณ์ที่กว้างขวางของ ฯพณฯ ราชอาณาจักรไทยจะมีความเจริญก้าวหน้า และวัฒนาถาวรอย่างต่อเนื่อง
ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ ฯพณฯ เพื่อกระชับและเสริมสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพ และความร่วมมืออันดีงามที่มีมาอย่างยาวนาน ในฐานะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่ดี มีวัฒนธรรมมีวัฒนธรรม จารีตประเพณีคล้ายคลึงกัน ภาษาพูดเข้าใจกัน และมีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันยาวนานมากกว่า 7 ทศวรรษ และเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของทั้งสองประเทศ
ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ เชิญ ฯพณฯ เดินทางมาเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อหารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้มีความมั่งมี เข้มแข็งและเพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมมาสู่ประชาชนทั้งสองชาติลาวและไทยให้ทวีคูณมากขึ้น เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในครอบครัวอาเซียน ภูมิภาค และสากล
ข้าพเจ้า ขอถือโอกาสอันเป็นสิริมงคลนี้ อวยพรให้ ฯพณฯ และประชาชนไทยทุกหมู่เหล่า จงมีสุขภาพแข็งแรง มีความผาสุข และประสบความสำเร็จในหน้าที่อันมีเกียรติของ ฯพณฯ
นอกจากนี้นายสอนไซ สีพันดอน ยังได้โทรศัพท์ถึงนายเศรษฐา เพื่อแสดงความยินดีโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมชื่นชมนายเศรษฐาซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์อย่างมาก โดยเฉพาะด้าน เศรษฐกิจ และเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศจะพัฒนายิ่งขึ้นต่อไป พร้อมเชิญนายเศรษฐาเยือน สปป.ลาวในโอกาสแรก
ทั้งนี้ ไทยและสปป.ลาวมีความใกล้ชิดในฐานะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมากว่า 73 ปี ซึ่ง ประชาชนสองฝ่ายก็มีความใกล้ชิด และมีการยกระดับ ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเชื่อมั่นว่านายเศรษฐา จะสานต่อความร่วมมือที่ได้ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ที่พระบรมวงศานุวงศ์ทรงให้ ความช่วยเหลือ สปป.ลาว
นอกจากนี้ ไทยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของ สปป.ลาว เห็นว่า ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันจะเพิ่มพูนขึ้น รวมถึงการร่วมกันแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจของภูมิภาค ด้านความเชื่อมโยงโดยเฉพาะทางรถไฟสามฝ่าย ไทย-ลาว-จีน และ สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 จะแล้วเสร็จในโอกาสแรก และความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งโครงการไฟฟ้าใน สปป.ลาวหลายแห่งก็ได้เริ่มส่งไฟฟ้าให้ฝ่ายไทยแล้ว ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยจึงอยากเห็นโครงการอื่น ๆ มีความคืบหน้า
นายเศรษฐาได้กล่าวแสดงความขอบคุณนายสอนไซ สีพันดอนและขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับสารแสดงความยินดี หวังว่า จะมีโอกาสเยือน สปป.ลาว ในโอกาสแรกเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายเศรษฐา ให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์กับ สปป.ลาว ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียง และประสงค์ให้สอง ประเทศมีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น พร้อมทำงานกับฝ่าย สปป.ลาว อย่างเต็มที่ให้เกิดความก้าวหน้าในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและหวังว่าจะได้พบกับนายสอนไซ สีพันดอนในโอกาสแรก พร้อมตั้งใจจะเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการเป็นประเทศแรกๆด้วย
นายเศรษฐายังฝากความปรารถนาดีไปยังท่านทองลุนฯ ประธานประเทศและท่านคำไตฯ ขอให้ท่านมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งนายสอนไซ สีพันดอนได้ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีและจะนำไปเรียนทั้งสองท่าน
รวมถึงประเทศ “รั้วติตกัน”อย่างกัมพูชา ซึ่งเพิ่งได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เวลาใกล้เคียงกัน นายฮุน มาเนต (H.E. Mr. Hun Manet) นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา
ในนามของรัฐบาลประชาชนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจและอบอุ่นที่สุดต่อ ฯพณฯ ที่ท่านได้รับเลือกและแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของราชอาณาจักรไทย
ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าภายใต้การนำที่มีความสามารถของคุณ ราชอาณาจักรไทยจะประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญ ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมและมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในเวทีระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
ข้าพเจ้าตั้งตารอที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับฯพณฯ ในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อกระชับมิตรภาพดั้งเดิมของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความร่วมมือหลายแง่มุมเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองของเรา ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในประชาคมอาเซียนและที่อื่น ๆ
กรุณายอมรับ. ฯพณฯ ข้าพเจ้าขอรับรองในการพิจารณาอย่างสูงสุดและปรารถนาให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในความเพียรพยายามอันสูงส่งของท่านต่อไป
ขณะที่ นายลี เซียน ลุง (H.E. Mr. Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ เฝ้ารอวันที่จะได้พบกับนายเศรษฐาและพญ.พักตร์พิไล ทวีสิน “สตรีหมายเลข 1”
เรียน นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ในนามของรัฐบาลสิงคโปร์ ผมขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของราชอาณาจักรไทย ฉันมั่นใจว่าประเทศไทยจะเติบโตและเจริญรุ่งเรืองต่อไปภายใต้การนำของคุณ
สิงคโปร์และไทยมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและหลากหลายแง่มุม โดยได้รับการสนับสนุนจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การเชื่อมโยงทางสถาบันที่ใกล้ชิด และการแลกเปลี่ยนทางการเมืองและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนเป็นประจำในทุกระดับ ความร่วมมืออันยาวนานและลึกซึ้งของเราครอบคลุมหลายภาคส่วน รวมถึงการค้าและการลงทุน กลาโหม และการศึกษา สิงคโปร์และไทยยังเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งในเวทีพหุภาคี รวมถึงในอาเซียนด้วย ฉันแน่ใจว่ามิตรภาพระหว่างเราทั้งสองประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นต่อไปในปีต่อ ๆ ไป
ฉันหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคุณเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะได้พบกับคุณเร็วๆ นี้ ผมอยากจะเรียนเชิญคุณและคุณพักตร์พิไลไปเที่ยวสิงคโปร์โดยเร็วที่สุดฉันขอให้คุณประสบความสำเร็จและมีสุขภาพที่ดีเมื่อคุณเริ่มต้นภาคเรียนใหม่
สำหรับอีก 1 ประเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยอย่างแนบแน่นในทุกระดับ ดร. โลเตย์ เชริง (H.E. Dr. Lotay Tshering) นายกรัฐมนตรีภูฏาน
ในนามของประชาชนและรัฐบาลภูฏาน ผมขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อ ฯพณฯ ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของเรา ตลอดจนมรดกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณที่มีร่วมกัน ภูฏานและประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันอบอุ่นและจริงใจ
ฉันมั่นใจว่าภายใต้การนำของฯพณฯ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศของเราจะกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในปีต่อๆ ไป ส่งเสริมความร่วมมือและความเข้าใจที่มากขึ้นเพื่อประชาชนของเราให้ดีขึ้น
ฉันขออวยพรให้ ฯพณฯ ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติตามความรับผิดชอบที่สำคัญของตำแหน่งระดับสูงของคุณโปรดยอมรับ ฯพณฯ การรับประกันการพิจารณาสูงสุดของฉัน
ที่ขาดไม่ได้ คือ ผู้นำจากประเทศมหาอำนาจตะวันตก นายหาน จื้อเฉียง (Han Zhiqiang) เอกอัคราชฑูตจีนประจำประเทศไทยพร้อมด้วย อัคราชฑูต อู๋ จื้ออู่ (Wu Zhiwu) และคณะเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา
นายเศรษฐากล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อนโยบายการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมและในโอกาสนี้ มีการหารือถึงแนวทางการผ่อนปรนมาตรการและเงื่อนไขการทำวีซ่าเข้าประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนระหว่างสองประเทศก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงปลายปี
นายหาน จื้อเฉียง กล่าวว่า ไทยเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic partner) ที่สำคัญ โดยจีนพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พร้อมกับกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และหารือแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจ ร่วมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping)