7 ฉากทัศน์ ตั้งรัฐบาล สู่เลือกตั้งใหม่
วิเคราะห์การเมือง ฉากทัศน์การตั้งรัฐบาล จนไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่
การเมืองเวลานี้ต้องเรียกว่าเป็นสูญญากาศ แม้จะมีการเลือกตั้งมาเกือบ 3 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี
การโหวตนายกรัฐมนตรี จะมีการนัดหมายอีกครั้ง หลังวันที่ 16 สิงหาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยว่าการที่รัฐสภา ลงมติเบรกการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 นั้น ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ แม้จะโหวตนายกฯเสร็จ แต่การจัดตั้งรัฐบาลก็ไม่ใช่ว่าจะราบเรียบ เนื่องจากเป็นรัฐบาลผสม การรต่อรองตำแหน่ง ยอมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น แม้จะได้นายกฯในเดือนสิงหาคมนี้ แต่ใช่ว่า จะมีรัฐบาลใหม่ในเร็ววัน
สำนักข่าว AEC10News วิเคราะห์การเมือง ฉากทัศน์การตั้งรัฐบาล จนไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ออกเป็น 7 ฉากทัศน์ดังนี้
1) เศรษฐา เป็นนายกฯ
ณ เวลานี้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย เป็นตัวเต็งอันดับ 1 ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้เพื่อไทยจะมีแคนดิเดตนายกฯอีก 2 คนคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ แต่เหมือนว่า นายเศรษฐา จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะหาก อุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯและทักษิณ ได้กลับบ้าน ก็จะดูเหมือนว่า ทุกอย่างเอื้อกับครอบครัวชินวัตรไปเสียหมด
2) ขั้วรัฐบาลใหม่ มี “ลุง”
เมื่อพรรคเพื่อไทย ประกาศว่าในการจัดตั้งรัฐาล จะไม่มีพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล จะเป็นฝ่ายค้าน แนวทางหลังจากนี้ คือการจับขั้วรัฐบาลใหม่
โดยขณะนี้ พรรคเพื่อไทย ได้จับมือกับขั้วรัฐบาลเดิมบ้างแล้ว เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนากล้า อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงที่พรรคร่วมรัฐบาลจะมี พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วย ซึ่งจะเป็นการจับมือกับขั้วการเมืองที่เคยเป็นศัตรูกัน เป็นไปตามวะลีที่ว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร”
3) ทักษิณ กลับบ้าน
อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร พูดมาหลายครั้งแล้ว ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย ล่าสุด ประกาศเลื่อน หลังจากที่ได้ประกาศว่าจะกลับในวันที่ 10 สิงหาคม แต่ต้องเลื่อนออกไปก่อน อ้างหมอนัด
มีการมองกันว่า การที่พรรคเพื่อไทย จับมือกับขั้วอำนาจเก่า เหตุผลสำคัญนั่นคือการความพยายามที่จะช่วยให้ทักษิณ ได้กลับบ้าน เพราะถ้าไม่มีขั้วอำนาจเก่าขวาง การกลับบ้านของทักษิณ ก็จะสะดวกมากขึ้น จึงประเมินว่าทักษิณ รอให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรี เสร็จเสียก่อน จึงจะเดินทางกลับ
4) รัฐบาลเพื่อไทย อยู่ได้ไม่นาน
โดยโรดแมปของรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีพรรคก้าวไกล คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มจากมติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก ให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง สสร. ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ถ้าเอาตามนี้ คาดว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทย จะอยู่เกิน 2 ปีหน่อยๆ แล้วจัดมีการเลือกตั้งใหม่ นับว่าเป็นการเดิมพันที่สูงทีเดียวของพรรคเพื่อไทย เพราะเวลาเพียง 2 ปี ไม่อาจจะสร้างผลงานได้เป็นกอบเป็นกำ
5) ม็อบมาแน่
การชุมนุมเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อพรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ประเมินว่า ม็อบจะจุดติด ก็ต่อเมื่อ หากพรรคก้าวไกลถูกยุบและพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสอย กรณีการถือครองหุ้น itv ถ้าไม่เกิดกรณีดังกล่าว ม็อบก็จะไม่โต การเมืองก็เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น
6) เพื่อไทย ก้าวไกล สู้กันเอง
หลังจากพรรคเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลเสร็จ จะก่อให้เกิดขบวนทัศน์ทางการเมืองไทยใหม่ โดยเป็นการแข่งขันกันระหว่างขั้วที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลและขั้วที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โดย 2 พรรคนี้จะเป็น 2 พรรคหลักในการต่อสู้ทางการเมือง
พรรคเพื่อไทย จะได้รับเสียงสนับสนุนจากขั้วอำนาจเก่าที่เคยสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ กปปส.ด้วย ส่วนพรรคก้าวไกล จะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนเสื้อแดงเก่าที่ผิดหวังจากพรรคเพื่อไทย
7) เลือกตั้งครั้งหน้า ก้าวไกล ไม่ได้เป็นรัฐบาล ถ้าไม่แลนด์สไลด์
หลายคนมองว่าพรรคก้าวไกล จะได้เป็นรัฐบาลแน่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
แต่การชนะเลือกตั้งอย่างเดียวไม่ทำให้พรรคก้าวไกล เป็นรัฐบาลได้ เพราะต้องอย่าลืมว่า นับจากนี้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล อาจเป็นศัตรูกัน ระหว่างที่อีกพรรคเป็นรัฐบาลและอีกพรรคเป็นฝ่ายค้านั้น ความบาดหมางอาจรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็อาจทำให้พรรคก้าวไกล ไม่สามารถจับมือกับพรรคเพื่อไทยได้ในอนาคต เพราะผู้สนับสนุนของพรรคก้าวไกล ไม่ยอม ดังนั้น หากพรรคก้าวไกล ไม่ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย การจะจับมือกับพรรคอื่น ย่อมเป็นเรื่องลำบาก