Skip to content
Thu. Oct 30th, 2025
  • Facebook
  • Twitter
AEC10NEWS

AEC10NEWS

Primary Menu
  • Home
  • NEWS
    • BREAKING NEWS
    • CHINA NEWS
    • ENERGY FORCE
    • EDITOR TALK
    • MONEY MOVEMENT
    • NATIONAL
    • OPEN NEWS
    • POLITICS
    • WORLD
    • ดวงประจำวัน
  • ASEAN
    • Brunei
    • Cambodia
    • Indonesia
    • Laos
    • Malaysia
    • Myanmar
    • Philippines
    • Singapore
    • Vietnam
  • EEC
  • SPECIAL REPORT
  • BUSINESS
    • BUSINESS MOVEMENT
    • HOT MARKETS
    • PHOTO STORIES
  • HOT NEWS
  • SPECIAL REPORT

กรุงไทยออกบทวิเคราะห์ “ไทยจะเป็นอย่างไร ถ้าโลกโฉมใหม่โตช้ากว่าเดิม ”

22/05/2023 1 min read
  • LINEแชร์เลย!
ดูแล้ว: 1,038

จากรายงาน IMF ในเดือน เม.ย. 2566

คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในอีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่  3.0% ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี ภูมิทัศน์ใหม่ของโลกที่อาจติดหล่มเติบโตช้าลงจะเป็นแรงกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออก

Krungthai COMPASS ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าเดิม จะซ้ำเติบเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ให้มีช่องว่างระหว่างแนวโน้ม GDP ที่ควรจะเป็นก่อนโควิด กับแนวโน้ม GDP ที่น่าจะเกิดขึ้นจริงห่างมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดหลุมรายได้สูงถึง 2.9 ล้านล้านบาทต่อปี หรือ 12.6% ของ GDP

การเติบโตของโลกที่ชะลอลงยังกระทบการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าหลัก ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนไปจึงเป็นโจทย์ที่สำคัญสำหรับรัฐบาลใหม่ในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างไรในระยะต่อไป

Krungthai COMPASS

แม้การแพร่ระบาดที่คลี่คลายจะช่วยให้เศรษฐกิจโลกทยอยฟื้นตัว แต่รอยแผลจากวิกฤตดังกล่าว รวมทั้งผลกระทบจากปัจจัยลบอื่นที่ถาโถมเข้ามากลับส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มเติบโตช้าลง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งออกรายงาน World Economic Outlook ล่าสุดในเดือนเมษายน 2566 ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะ 5 ปีข้างหน้าไว้ที่ 3.0% ถือเป็นตัวเลขประมาณการต่ำที่สุดในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา พร้อมทั้งเตือนว่าเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญความเสี่ยงจากภาวะถดถอยในระยะข้างหน้าด้วยตัวเลขการเติบโตที่ต่ำ ซึ่งไม่เพียงพอที่จะรองรับความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่ำที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลงช้ากว่าคาด ภาวะตึงตัวในระบบการเงิน ปัญหาภาระด้านการคลังและหนี้สาธารณะของหลายประเทศ ตลอดจนแรงกดดันจากการแยกขั้วและปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้าที่มีแนวโน้มลดต่ำลงดังกล่าว จะเป็นแรงกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ จากภูมิทัศน์ที่โลกกำลังเข้าสู่ภาวะการเติบโตที่ช้าลง ขณะที่ยังต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจึงอาจเผชิญความยากลำบากมากขึ้น บทความฉบับนี้ได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตของเศรษฐกิจไทยกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะที่ผ่านมา และประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจของไทยที่อาจเกิดขึ้นจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกช้าลง รวมทั้งเสนอแนะมุมมองต่อภูมิทัศน์การส่งออกในระยะข้างหน้าว่าควรเป็นอย่างไร

เศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มการเติบโตช้าลง

โลกกำลังเผชิญภูมิทัศน์ใหม่ที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าเดิม จากรายงาน World Economic Outlook ของ IMF เดือนเมษายน 2566 คาดว่า ตัวเลขการเติบโตระยะปานกลาง (Medium-term outlook) ของเศรษฐกิจโลกในอีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 3.0% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 3.3% เมื่อปี 2565 ทั้งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วง 20 ปีก่อนการแพร่ระบาด (2543-2562) ณ ระดับ 3.8% อัตราการเติบโตที่มีแนวโน้มลดลงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากองค์ประกอบการเติบโต (Contribution to growth) ของประเทศที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เช่น สหรัฐฯ และยุโรป มีสัดส่วนลดลงมาตลอดในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมา ประกอบกับแรงหนุนจากเศรษฐกิจจีนทยอยลดบทบาทลง นอกจากนี้ ประมาณการล่าสุดที่ต่ำลงยังสะท้อนถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ฝากรอยแผลเป็นฉุดศักยภาพการเติบโตให้ต่ำลง ตลอดจนภัยคุกคามจากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และการแยกขั้วที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในระยะ 10 ปีหลังนี้ ต่างเป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน และทำลายบรรยากาศที่เอื้อต่อการประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของประเทศต่างๆ ลง แม้กระนั้นก็ตาม องค์ประกอบการเติบโตที่มาจากอินเดียและกลุ่มประเทศอื่น (เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกา และตะวันออกกลาง) จะยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้า จากปัจจัยข้างต้นประเมินว่าเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะเติบโตต่ำ ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มสูงกว่าระดับเดิมก่อนการแพร่ระบาด ปัจจัยเหล่านี้จะกดดันให้โลกต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจติดหล่มต่อไป ทั้งอาจเป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออกของไทยที่ต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ

ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจไทยกับการเติบโตของโลก

ความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจไทยกับโลกที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การเติบโตของไทยเคลื่อนไหวสอดคล้องกับ GDP โลกมากยิ่งขึ้น การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่  5 (2525-2529) ทำให้ GDP ไทยขยายตัวก้าวกระโดด แต่ปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ภายหลังฟองสบู่แตก ปัญหาการขาดดุลการชำระเงินและผลกระทบจากเงินทุนไหลออกรวมทั้งการโจมตีค่าเงิน ส่งผลให้ไทยต้องประสบวิกฤตการเงินในปี 2540 อย่างไรก็ตาม การทยอยปรับตัวดีขึ้นของดุลบัญชีเดินสะพัดรวมถึงการปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนและการปฏิรูปที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นช่วยให้ไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปรับตัวเข้าหาตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้นตั้งแต่หลังวิกฤตการเงินเอเชีย โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีก่อนวิกฤตโควิด (2553-2562) ที่เศรษฐกิจโลกโตช้าลงเป็นผลจากรอยแผลของวิกฤตการเงินโลกที่คงอยู่ ในช่วงเวลาดังกล่าว GDP ไทยขยายตัวต่ำลงเช่นกัน การพึ่งพิงภาคเศรษฐกิจโลกมากขึ้นยังสะท้อนจากวัฏจักรการเติบโตของ GDP ไทยในช่วงหลังปี 2542 เป็นต้นมาที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับ GDP โลกมากขึ้น โดยเฉพาะในระยะหลังที่ GDP ไทยเติบโตต่ำในทิศทางเดียวกับ GDP โลก คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะข้างหน้าย่อมส่งผลให้เศรษฐกิจไทยต้องประสบปัญหาการเติบโตที่ลดต่ำลงเช่นเดียวกัน

ทิศทางเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ากับการส่งออกไทย

การผูกโยงเศรษฐกิจของไทยกับประชาคมโลกผ่านช่องทางการส่งออกส่งผลให้การเติบโตของไทยมีความอ่อนไหวต่อทิศทางการค้าและภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างเลี่ยงไม่พ้น จากการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยไปยังตลาดสำคัญโดยเฉลี่ยกับตัวเลขการเติบโตของ GDP ของประเทศคู่ค้า พบว่า มีความสัมพันธ์ในระดับสูง กล่าวคือ มูลค่าการส่งออกของไทยจะยิ่งขยายตัวสูงหากส่งออกไปยังประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เมื่อพิจารณาเป็นรายตลาดจะเห็นว่า การส่งออกไปยังประเทศพัฒนาแล้ว (เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป) ที่ GDP ขยายตัวต่ำกว่าการเติบโตของ GDP โลกนั้น มูลค่าการส่งออกไปตลาดเหล่านี้จะเติบโตค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง (เช่น จีน อินเดีย)

ความสัมพันธ์ดังกล่าวยังบ่งชี้ว่า การส่งออกของไทยมีโอกาสสูงที่จะผันผวนไปตามภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและทิศทางการค้าโลก ดังเช่น การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯและยุโรปซึ่งขยายตัวได้จำกัดสะท้อนผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกที่กดดันให้เศรษฐกิจอ่อนแอลง รวมทั้งญี่ปุ่นที่เผชิญกับดักการเติบโตต่ำและภาวะเงินฝืดมากว่าสามทศวรรษ ในทางกลับกันการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดเกิดใหม่ต่างเติบโตได้ดีกว่า โดยเฉพาะจีนที่ได้รับอานิสงส์จากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การค้าโลก (WTO) เมื่อปี 2543 รวมถึงการค้าภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตด้วยปัจจัยหนุนจากการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ในปี 2536 ซึ่งได้พัฒนาไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ตั้งแต่ปี 2561 การส่งออกของไทยจึงมีแนวโน้มที่จะหันเหไปสู่การพึ่งพาตลาดภายในภูมิภาค รวมทั้งตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าประเทศเศรษฐกิจหลักมากยิ่งขึ้น

เมื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทิศทางการส่งออกของไทยไปยังตลาดสำคัญตลอดช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมาหลังแผนพัฒนาฯฉบับที่ 5 ที่มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่การขับเคลื่อนการเติบโตที่อาศัยการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก จะพบว่า ไทยพึ่งพาการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศที่มีอัตราการขยายทางเศรษฐกิจสูงมากขึ้น จากที่มีส่วนแบ่งตลาดต่อการส่งออกไทยเพียง 38.2% ในปี 2543 ได้เพิ่มเป็น 53.6% ในปี 2562 โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดจีนที่เคยมีสัดส่วนเพียง 4.1% ในระยะแรก แต่การเข้าเป็นสมาชิก WTO หลังจากนั้นได้เสริมบทบาทการค้าของจีน และยังส่งผลให้กลายเป็นประเทศคู่ค้าหลักลำดับที่ 2 ของไทยรองจากสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนประมาณ 11.9% ของมูลค่าการส่งออก อย่างไรก็ตาม กระแสการกีดกันทางการค้าที่กลับมารุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกรณีความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ปะทุขึ้นชัดเจนตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯเมื่อปี 2561 เป็นต้นมา ได้ทำลายบรรยากาศการค้าโลกและส่งผลทางลบต่อการค้าที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจีนรวมถึงการส่งออกของไทยไปยังตลาดจีนที่ขยายตัวได้อย่างจำกัด

แม้กระนั้นการส่งออกของไทยไปยังตลาดเกิดใหม่ เช่น กลุ่มประเทศ CLMV ตะวันออกกลาง และอินเดีย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตสูงยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการส่งออกของไทย ความพยายามมองหาตลาดส่งออกใหม่ในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงจึงอาจเป็นแนวทางรับมือกับโลกโฉมใหม่ที่โตช้าลงได้ มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตลดลงกว่าเดิมจะเป็นข้อจำกัดต่อการส่งออกและการขยายตัวของไทยในระยะต่อไป และอาจซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยให้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ฉุดให้การเติบโตต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาด ท่ามกลางปัจจัยท้าทายหลายด้าน เช่น ปัญหาต้นทุนการผลิตที่ยังคงสูงเทียบจากช่วงก่อนหน้า รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ต่างเป็นปัจจัยกดดันการใช้จ่ายภายในประเทศ

การเติบโตที่ช้าลงกับมูลค่าหลุมรายได้ที่หายไป

การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มเติบโตชะลอลง โดย IMF ได้ประเมินเศรษฐกิจใน 5 ปีข้างหน้าจะขยายตัวเฉลี่ยที่ 3.3% ซึ่งต่ำกว่าการประเมินครั้งก่อนที่ 3.4% และเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 3.6% โดยเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจะเป็นการซ้ำเติมให้หลุมรายได้ของไทยเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าในช่วงระยะเวลาของการแพร่ระบาดระหว่างปี 2563 ถึง 2565 ที่ผ่านมา หลุมรายได้จากวิกฤตโควิดมีมูลค่าประมาณ 6 ล้านล้านบาท หรือ 2 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งคิดเป็น 10.9% ของ GDP และได้กลายเป็นแผลเป็นทางเศรษฐกิจ (economic scars) ส่วนช่วงหลังวิกฤตซึ่งไทยและหลายประเทศทั่วโลกได้เปลี่ยนโหมดเข้าสู่ภาวะปกติจากสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลายลงไปมากแล้วนั้นเศรษฐกิจโลกยังคงต้องเผชิญกับการเติบโตช้าลง ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากรอยแผลเป็นของวิกฤตโควิด รวมทั้งยังมีปัจจัยลบอื่น เช่น ภาวะเงินตึงตัว เงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงช้ากว่าคาด ตลอดจนความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ลากยาว การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ต่ำลงจะลดทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไปด้วยเช่นกัน คาดว่าศักยภาพในการเติบโตของไทยมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงที่ 3.3% จะซ้ำเติบให้ช่องว่างระหว่างแนวโน้ม GDP ที่ควรจะเป็นก่อนโควิด (Pre-COVID Trend Growth) กับแนวโน้ม GDP ที่น่าจะเกิดขึ้นจริง (ตามประมาณการของ IMF) ห่างมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดหลุมรายได้ที่สูงถึง 2.9 ล้านล้านบาทต่อปี คิดเป็น 12.6% ของ GDP

ในขณะที่หลุมรายได้ทางเศรษฐกิจของต่างประเทศไม่ได้ลึกหรือมีแนวโน้มกว้างขึ้นเหมือนกับไทย เช่น สหรัฐฯ ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้วแต่หลุมรายได้มีแนวโน้มอยู่ที่ 3.9% ของ GDP ซึ่งต่ำกว่าไทยที่สูงถึง 12.6% แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มที่ชะลอลงมากกว่าไทยตามประมาณการของ IMF แต่แผลเป็นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงโควิดมีไม่สูงมากนักเพราะภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนที่มากพอเพื่อพยุงรายได้ทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่เวียดนามที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาเช่นเดียวกับไทย แต่หลุมรายได้มีแนวโน้มอยู่ที่ 6.4% ของ GDP เท่านั้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในช่วงโควิดที่ 5.5% ของ GDP เนื่องจากศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจแทบจะไม่ลดลงจากช่วงก่อนโควิด ซึ่งต่างจากไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องและเหลือเพียง 3.0% ในปี 2570 สะท้อนถึงไทยกำลังเผชิญกับปัญหาในการเติบโตที่ชะลอลงและมีความสามารถทางการแข่งขันที่ลดลง

หลุมรายได้ของไทยที่หายไปประมาณปีละ 2.9 ล้านล้านบาท เป็นผลพวงของวิกฤตโควิดที่สร้างแผลเป็นทางเศรษฐกิจ (economic scars) และผลของศักยภาพในการเติบโตของประเทศที่ชะลอตัวส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจโลกที่โตช้าลง ถือเป็นค่าเสียโอกาสของการพัฒนาประเทศในหลายด้าน เนื่องจากเม็ดเงินดังกล่าวเป็นมูลค่าที่สูง หากเปรียบเทียบกับงบประมาณในโครงการต่าง ๆ จะพบว่าหลุมรายได้ที่หายไปต่อปีดังกล่าว สามารถนำไปใช้ในการลงทุนของภาครัฐได้มากถึง 3.7 ปี หรือนำไปใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ (เทียบเคียงจากมูลค่าโครงการสายสีส้ม) ตลอดทั้งสายได้มากถึง 12.3 โครงการ หรือเพิ่มเงินในงบประมาณเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้มากถึง 32.9 เท่า เป็นต้น ศักยภาพการเติบโตของประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำกว่าในอดีต จึงสะท้อนถึงรายได้ที่หายไปมูลค่ามหาศาล

การเติบโตของเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มชะลอลงเทียบจากในอดีตที่เคยขยายตัวได้เฉลี่ย 4.3% ในช่วงปี 2543-2552 ชะลอลงมาสู่ 3.6% ในช่วงปี 2553-2562 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งออกสินค้าที่ชะลอลงอย่างชัดเจนจาก 10.6% ลงสู่ 5.3% ตามลำดับ สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ลดลงต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะในปี 2562 เศรษฐกิจโลกขยายตัวชะลอลงส่วนหนึ่งจากสงครามการค้าของระหว่างสหรัฐฯ และจีน และได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าของไทย การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกสินค้าต่อ GDP ของไทยปรับลดลงต่อเนื่อง อีกทั้ง IMF ได้ประเมินแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะปานกลางมีโอกาสเติบโตชะลอลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการส่งออกสินค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะความต้องการนำเข้าสินค้าไทยที่อาจชะลอตัวจากประเทศที่อัตราการเติบโตระยะข้างหน้าอ่อนแรงลง เช่น สหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสองอันดับแรกของไทย โดย IMF คาดว่าในปี 2571 สหรัฐฯ จะเติบโต 2.1% และจีนจะเติบโตเพียง 3.4% ชะลอลงจากที่เคยขยายตัวในช่วงปี 2553-2562 โดยเฉลี่ยที่ 2.3% และ 7.7% ตามลำดับ

ภูมิทัศน์ของการส่งออกไทยในระยะข้างหน้าควรเป็นอย่างไร

การส่งออกสินค้าของไทยในอดีตเคยพึ่งพากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (AEs) สูงถึง 3 ใน 4 ของการส่งออก แต่สัดส่วนการส่งออกทยอยลดลงมาอย่างต่อเนื่องจนเหลือประมาณ 1 ใน 2 ของการส่งออกทั้งหมดตั้งแต่ช่วงปี 2553 เป็นต้นมา เนื่องจากส่วนแบ่งทางการค้าในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EMs) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสอดกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ และทำให้การส่งออกสินค้าในช่วง 10 ปี ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 (2553-2562) ขยายตัวได้เฉลี่ยถึงปีละ 6.6% สูงกว่าการส่งออกรวมที่ 5.3% ซึ่งมาจากกลุ่มตลาดเอเชีย (EM Asia) เป็นหลักโดยขยายตัวสูงถึง 8.1% ประเทศที่เติบโตดี เช่น จีน (6.9%) และอินเดีย (9.4%) ขณะที่กลุ่มประเทศ AEs ขยายตัวเพียง 4.3% สะท้อนถึงการพึ่งพาทางการค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้นสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ

เศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวได้ดีแสดงถึงศักยภาพในการเติบโตของมูลค่าการส่งออกซึ่งจะเป็นโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศของไทย จากประมาณการของ IMF ที่ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว พบว่า กลุ่มประเทศ EM Asia มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ถึง 4.4% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 3.0% โดยประเทศที่มีอัตราการขยายตัวสูง (high growth) หรือ GDP เติบโตมากกว่า GDP ของโลก เช่น เวียดนาม (6.7%) อินเดีย (6.0%) และอินโดนีเซีย (5.0%) โดยเฉพาะอินเดียที่กำลังมีประชากรเพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกในปีนี้ และมีสัดส่วนชนชั้นกลางมากถึง 1 ใน 3 ของประชากร[1] สะท้อนถึงประเทศที่มีกำลังซื้อของผู้บริโภคขนาดใหญ่ของโลก นอกจากนี้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและเอเชียกลางมีแนวโน้มขยายตัวได้ถึง 3.7% ซึ่งในกลุ่มนี้มีประเทศที่เติบโตในอัตราสูง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (4.3%) และซาอุดิอาระเบีย (3.0%) โดยที่ผ่านมาไทยยังส่งออกสินค้าไปประเทศเหล่านี้ในสัดส่วนที่ต่ำ (น้อยกว่า 5.0%) และประเทศคู่ค้าดังกล่าวนำเข้าสินค้าจากไทยในสัดส่วนที่ต่ำเช่นกัน อย่างไรก็ดี หากพิจารณาการส่งออกของไทยไปยังประเทศข้างต้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ขยายตัวได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของการส่งออกทั้งหมดที่ 4.0% Krungthai COMPASS ประเมินว่า การขยายตลาดไปยังประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงจะเป็นโอกาสสำหรับภาคส่งออกของไทย ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มโตช้าลงในระยะข้างหน้า และเป็นทางเลือกทดแทนการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ จีน รวมถึงประเทศพัฒนาแล้วที่อาจมีอัตราการขยายตัวต่ำลงในอนาคต

60

SHARES
Share on Facebook
Post on X
Follow us
  • LINEแชร์เลย!
Tags: IMF Krungthai COMPASS กรุงไทย

Continue Reading

Previous: ธนาคารไทยพาณิชย์ ค่าเงินบาทประจำวันที่ 22 พฤษภาคม 2566
Next: พรรคครูไทยฯ หนุนพรรคอันดับ 1 ตั้งรัฐบาล แม้ไม่ได้ร่วม

ข่าวอื่นๆ ที่น่าอ่าน

ราคาทอง ราคาทองคำวันนี้ (29 ต.ค. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 37 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 1,650 1 min read
  • NEWS FOCUS
  • HOT NEWS

ราคาทองคำวันนี้ (29 ต.ค. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 37 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 1,650

29/10/2025
ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า 1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า

29/10/2025
คนไทยมือเติบ "คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน คนไทยมือเติบ “คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน 1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

คนไทยมือเติบ “คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน

29/10/2025
571343230_1422647799230865_3902940602194208652_n “เพื่อไทย” จี้ถามกลางสภา ทำรัฐบาลปิดบัง MOU แรร์เอิร์ธ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

“เพื่อไทย” จี้ถามกลางสภา ทำรัฐบาลปิดบัง MOU แรร์เอิร์ธ

29/10/2025
“สุชาติ” นำทีมบุกศรีลังกา ต้น พ.ย. เดินหน้าเจรจาทวงคืนช้างไทยกลับบ้าน “สุชาติ” นำทีมบุกศรีลังกา ต้น พ.ย. เดินหน้าเจรจาทวงคืนช้างไทยกลับบ้าน 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

“สุชาติ” นำทีมบุกศรีลังกา ต้น พ.ย. เดินหน้าเจรจาทวงคืนช้างไทยกลับบ้าน

29/10/2025
S__89219077 ‘เลขา ปชน.’ รับไม่ได้ สจ.พรรคประชาชนทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

‘เลขา ปชน.’ รับไม่ได้ สจ.พรรคประชาชนทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว

29/10/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.20-32.50 บาท/ดอลลาร์ 1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.20-32.50 บาท/ดอลลาร์

29/10/2025
รัฐบาลมั่นใจ "คนละครึ่ง พลัส" กระตุ้นกำลังซื้อประชาชน รัฐบาลมั่นใจ “คนละครึ่ง พลัส” กระตุ้นกำลังซื้อประชาชน 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

รัฐบาลมั่นใจ “คนละครึ่ง พลัส” กระตุ้นกำลังซื้อประชาชน

29/10/2025
"คนละครึ่ง พลัส" วันแรกคึกคัก ร้านค้าร่วมโครงการกว่า 6 แสนแห่ง “คนละครึ่ง พลัส” วันแรกคึกคัก ร้านค้าร่วมโครงการกว่า 6 แสนแห่ง 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

“คนละครึ่ง พลัส” วันแรกคึกคัก ร้านค้าร่วมโครงการกว่า 6 แสนแห่ง

29/10/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 29 ต.ค. 68  1 min read
  • HOT NEWS
  • NATIONAL

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 29 ต.ค. 68 

29/10/2025
ดวงประจำวัน ดวงประจำวันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2568 1 min read
  • ดวงประจำวัน
  • HOT NEWS

ดวงประจำวันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2568

29/10/2025
สรุปข่าวประจำวันที่ 29 ตุลาคม 2568 สรุปข่าวประจำวันที่ 29 ตุลาคม 2568 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปข่าวประจำวันที่ 29 ตุลาคม 2568

29/10/2025

China News

รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม. รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม. 1 min read
  • CHINA NEWS
  • HOT NEWS

รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม.

21/10/2025
LINEแชร์เลย! รถไฟหัวกระสุนที่เร็วที่สุดในโลก CR450 เริ่มการทดลองใช้งานก่อนเปิดให้บริการบนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีน โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุดต่อขบวนถึง 453 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หนังสือพิมพ์ไซแอนซ์แอนด์เทคโนโลยีเดลี (Science... อ่านต่อ

Start Up

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต 457C5A49-7DCB-4EA0-ACF5-B856D1843534 1 min read
  • HOT NEWS
  • START UP

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต

01/09/2022
LINEแชร์เลย! “ขอบคุณ ธพว. ที่สนับสนุน “เสียงเกษมโซล่าเซลล์” พาเข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องกิจการ ควบคู่กับการให้คำปรึกษา แนะนำธุรกิจ... อ่านต่อ

Money Movement

ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า

29/10/2025
คนไทยมือเติบ “คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน คนไทยมือเติบ "คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

คนไทยมือเติบ “คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน

29/10/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.20-32.50 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.20-32.50 บาท/ดอลลาร์

29/10/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.50 – 32.75 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.50 – 32.75 บาท/ดอลลาร์

28/10/2025
CIMB ชี้ 3 เทรนด์ประกันชีวิตมาแรงปีหน้า CIMB ชี้ 3 เทรนด์ประกันชีวิตมาแรงปีหน้า
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

CIMB ชี้ 3 เทรนด์ประกันชีวิตมาแรงปีหน้า

27/10/2025
ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า

ธอส. อัดแคมเปญกดดอกเบี้ยต่ำสุดส่งท้ายปีเก่า

คนไทยมือเติบ "คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน

คนไทยมือเติบ “คนละครึ่ง“ วันแรกพุ่งเกือบพันล้าน

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.20-32.50 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.50 – 32.75 บาท/ดอลลาร์

CIMB ชี้ 3 เทรนด์ประกันชีวิตมาแรงปีหน้า

CIMB ชี้ 3 เทรนด์ประกันชีวิตมาแรงปีหน้า

Energy Force

“อรรถพล” เดินหน้าลดราคาดีเซล 50 สตางค์ – เบนซิน 30 สตางค์ต่อลิตร "อรรถพล" เดินหน้าลดราคาดีเซล 50 สตางค์ - เบนซิล 30 สตางค์ต่อลิตร 1 min read
  • ENERGY FORCE
  • HOT NEWS

“อรรถพล” เดินหน้าลดราคาดีเซล 50 สตางค์ – เบนซิน 30 สตางค์ต่อลิตร

20/10/2025
LINEแชร์เลย! “อรรถพล” เดินหน้านโยบาย Quick Big Win “ทำจริง-เห็นผลจริง” สั่งลดราคาดีเซลลง 50... อ่านต่อ

Politics

571343230_1422647799230865_3902940602194208652_n “เพื่อไทย” จี้ถามกลางสภา ทำรัฐบาลปิดบัง MOU แรร์เอิร์ธ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

“เพื่อไทย” จี้ถามกลางสภา ทำรัฐบาลปิดบัง MOU แรร์เอิร์ธ

29/10/2025
“สุชาติ” นำทีมบุกศรีลังกา ต้น พ.ย. เดินหน้าเจรจาทวงคืนช้างไทยกลับบ้าน “สุชาติ” นำทีมบุกศรีลังกา ต้น พ.ย. เดินหน้าเจรจาทวงคืนช้างไทยกลับบ้าน 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

“สุชาติ” นำทีมบุกศรีลังกา ต้น พ.ย. เดินหน้าเจรจาทวงคืนช้างไทยกลับบ้าน

29/10/2025
S__89219077 ‘เลขา ปชน.’ รับไม่ได้ สจ.พรรคประชาชนทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

‘เลขา ปชน.’ รับไม่ได้ สจ.พรรคประชาชนทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว

29/10/2025

ประเด็นข่าว

EXIM BANK KBANK scb SME D Bank กรมชลประทาน กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงไทย กสิกรไทย กอนช. ข่าวเด่น ข่าวดัง คปภ. ครม. ค่าเงินบาท ดวงประจำวัน ตลาดหุ้น ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธอส. นายฉัตรชัย ศิริไล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ บก.ชวนคุย บางจาก ปตท. ประเมินค่าเงินบาท พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาล ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน สถานการณ์น้ำ สรุปข่าวประจำวัน สรุปสถานการณ์น้ำ สิงคโปร์ อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม เศรษฐกิจไทย เศรษฐา ทวีสิน แพทองธาร ชินวัตร โควิด-19 ไทยพาณิชย์

Business Movement

CHEWA ออกหุ้นกู้ใหม่ ดอกเบี้ย 7.25% เปิดจอง 4–6 พ.ย. 68 CHEWA ออกหุ้นกู้ใหม่ ดอกเบี้ยคงที่ 7.25% ต่อปี เปิดจอง 4–6 พ.ย. 68 1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • BUSINESS MOVEMENT

CHEWA ออกหุ้นกู้ใหม่ ดอกเบี้ยคงที่ 7.25% ต่อปี เปิดจอง 4–6 พ.ย. 68

27/10/2025
คปภ. ลงพื้นที่กระบี่ ดันประกันภัยเชิงรุก “กิน เดิน เที่ยวท่อง ล่องใต้อย่างยั่งยืน" คปภ. ลงพื้นที่กระบี่ ดันประกันภัยเชิงรุก “กิน เดิน เที่ยวท่อง ล่องใต้อย่างยั่งยืน” 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

คปภ. ลงพื้นที่กระบี่ ดันประกันภัยเชิงรุก “กิน เดิน เที่ยวท่อง ล่องใต้อย่างยั่งยืน”

24/10/2025
ออมสิน จัดใหญ่ “GSB SAVINGS FORUM 2025" โปรโมทวันออมแห่งชาติ ออมสิน จัดใหญ่ “GSB SAVINGS FORUM 2025″ โปรโมทวันออมแห่งชาติ 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

ออมสิน จัดใหญ่ “GSB SAVINGS FORUM 2025″ โปรโมทวันออมแห่งชาติ

22/10/2025
KBTG ติดท็อป 3 โลกองค์กรที่ใช้ Data และ AI สร้างผลกระทบเชิงบวก KBTG ติดท็อป 3 โลกองค์กรที่ใช้ Data และ AI สร้างผลกระทบเชิงบวก 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

KBTG ติดท็อป 3 โลกองค์กรที่ใช้ Data และ AI สร้างผลกระทบเชิงบวก

22/10/2025

Recommend

"คนละครึ่ง พลัส" วันแรกคึกคัก ร้านค้าร่วมโครงการกว่า 6 แสนแห่ง “คนละครึ่ง พลัส” วันแรกคึกคัก ร้านค้าร่วมโครงการกว่า 6 แสนแห่ง 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

“คนละครึ่ง พลัส” วันแรกคึกคัก ร้านค้าร่วมโครงการกว่า 6 แสนแห่ง

29/10/2025
ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต

25/10/2025
คนไทยลงทะเบียนคนละครึ่งครบ 20 ล้านสิทธิแล้ว คนไทยลงทะเบียนคนละครึ่งครบ 20 ล้านสิทธิแล้ว 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

คนไทยลงทะเบียนคนละครึ่งครบ 20 ล้านสิทธิแล้ว

20/10/2025
รัฐบาลจุดพลุ “คนละครึ่ง” เริ่ม 20ต.ค.นี้วันแรก รัฐบาลจุดพลุ “คนละครึ่ง” เริ่ม 20 ต.ค.นี้วันแรก 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

รัฐบาลจุดพลุ “คนละครึ่ง” เริ่ม 20 ต.ค.นี้วันแรก

19/10/2025

Photo Stories

เมืองไทยประกันชีวิต เมืองไทยประกันชีวิต-มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบผ้าห่ม-กล่อง Pink Box ช่วยกลุ่มเปราะบาง 1 min read
  • PHOTO STORIES

เมืองไทยประกันชีวิต-มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบผ้าห่ม-กล่อง Pink Box ช่วยกลุ่มเปราะบาง

28/10/2025
ทิพยประกันภัย ร่วมวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ทิพยประกันภัย ร่วมวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 1 min read
  • PHOTO STORIES

ทิพยประกันภัย ร่วมวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5

27/10/2025
ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดนักฟุตบอลชายหญิงรับทุนรวม 8.6 แสน ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดนักฟุตบอลชายหญิง รับทุนรวม 8.6 แสนบาท 1 min read
  • PHOTO STORIES

ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดนักฟุตบอลชายหญิง รับทุนรวม 8.6 แสนบาท

27/10/2025
BAM มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาสจังหวัดชุมพร BAM มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดชุมพร 1 min read
  • PHOTO STORIES

BAM มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดชุมพร

27/10/2025
VEX Robotics บุกภาคเหนือ! เปิดศักราชใหม่แห่งการเรียนรู้ Coding & AI ALL Robotics VEX Robotics บุกภาคเหนือ! เปิดศักราชใหม่แห่งการเรียนรู้ Coding & AI ALL Robotics 1 min read
  • PHOTO STORIES

VEX Robotics บุกภาคเหนือ! เปิดศักราชใหม่แห่งการเรียนรู้ Coding & AI ALL Robotics

22/10/2025
IMG_3579 EXIM BANK ต้อนรับดีบีเอส แบงค์ ลิมิเต็ด ฉลองความสำเร็จเงินกู้ร่วมดอลลาร์สหรัฐ 1 min read
  • PHOTO STORIES

EXIM BANK ต้อนรับดีบีเอส แบงค์ ลิมิเต็ด ฉลองความสำเร็จเงินกู้ร่วมดอลลาร์สหรัฐ

21/10/2025
กรมสรรพสามิต คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ ปี 2568 กรมสรรพสามิต คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ ปี 2568 1 min read
  • PHOTO STORIES

กรมสรรพสามิต คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ ปี 2568

20/10/2025
ไทยพาณิชย์คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากลด้าน AI ไทยพาณิชย์คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากลด้าน AI 1 min read
  • PHOTO STORIES

ไทยพาณิชย์คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากลด้าน AI

20/10/2025
CEO SAM คว้ารางวัลบุคคลตัวอย่าง ภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ จาก มสวท. CEO SAM คว้ารางวัลบุคคลตัวอย่าง ภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ จาก มสวท. 1 min read
  • PHOTO STORIES

CEO SAM คว้ารางวัลบุคคลตัวอย่าง ภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ จาก มสวท.

20/10/2025
"เอกนิติ" ลงพื้นที่ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย “เอกนิติ” ลงพื้นที่ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย 1 min read
  • PHOTO STORIES

“เอกนิติ” ลงพื้นที่ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย

18/10/2025
ธอส. เปิดการแข่งขัน G H BANK เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 ธอส. เปิดการแข่งขัน G H BANK เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธอส. เปิดการแข่งขัน G H BANK เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568

18/10/2025
ทีม SUT.LIDARS คว้าถ้วยพระราชทาน THE CubeSat Quest 2025 ทีม SUT.LIDARS คว้าถ้วยพระราชทาน THE CubeSat Quest 2025 1 min read
  • PHOTO STORIES

ทีม SUT.LIDARS คว้าถ้วยพระราชทาน THE CubeSat Quest 2025

17/10/2025
ธอส. รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 68 ธอส. รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 68 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธอส. รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 68

17/10/2025
คปภ. ร่วม ก.ล.ต.-ธปท. มอบประกาศนียบัตร Finfluencer รุ่น 2 คปภ. ร่วม ก.ล.ต.-ธปท. มอบประกาศนียบัตร Finfluencer รุ่น 2 1 min read
  • PHOTO STORIES

คปภ. ร่วม ก.ล.ต.-ธปท. มอบประกาศนียบัตร Finfluencer รุ่น 2

17/10/2025
BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 min read
  • PHOTO STORIES

BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

15/10/2025

บก.ชวนคุย

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 1 min read
  • HOT NEWS
  • EDITOR TALK

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568

25/02/2025
LINEแชร์เลย! บก.ชวนคุย เรื่องที่ 4,391 แอพเงินกู้แหล่งทุนยุคเศรษฐกิจดิจิทัล  ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความท้าทายทางการงาน การเงิน คนไทยมากกว่า... อ่านต่อ

ติดต่อเรา

สนใจร่วมงานกับเรา Aec10news.com คลิ๊กติดต่อเรา รับซื้อ..รายงาน สกู๊ป บทความ รายได้สูง !!!

  • Facebook
  • Twitter
สงวนลิขสิทธิ์ © 2560 เว็บไซต์ AEC10NEWS.COM