เปิดนโยบายพรรคเพื่อไทย หวือหวาสุด เลือกตั้ง 66
AEC10News รวบรวมนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ในศึกเลือกตั้ง 2566
พรรคเพื่อไทย เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน ประกอบด้วย แพทองธาร ชินวัตร เศรษฐา ทวีนสิน และ ชัยเกษม นิติสิริ
สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 2566 เรียกว่าเป็นนโยบายที่หวือหวาที่สุดในการเลือกตั้งปีนี
เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท
นโยบายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น พรรคเพื่อไทยจะมอบ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อนำไปใช้จับจ่ายสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต โดยสามารถใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าชุมชนในรัศมีจากบ้าน 4 กิโลเมตร และจะมีอายุการใช้งานนาน 6 เดือน
ทุกครัวเรือนมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
ที่มาของนโยบายดังกล่าว สืบเนื่องจากปัจจัยด้านการเงินคือหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย เนื่องจากหลายครัวเรือนยังมีรายได้เฉลี่ยที่ต่ำกว่าเส้นความยากจน เพราะฉะนั้น เพื่อไทยจะเติมรายได้ให้กับทุกครัวเรือน ให้มีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาทต่อเดือน ผ่านการลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มเพื่อเสริมทักษะและหางาน โดยจะอัปเดตข้อมูลทุก 6 เดือน เพื่อให้รัฐสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ
ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน
พรรคเพื่อไทย ให้เหตุผลว่า ค่าแรงขั้นต่ำและฐานเงินเดือนเด็กจบใหม่ในปัจจุบันถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ขึ้นเป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหานี้ด้วยการทำให้เศรษฐกิจในทุกภาคส่วนเติบโตไปพร้อมๆ กัน เมื่อเศรษฐกิจโตขึ้น จะสามารถแบ่งกำไรเหล่านี้กลับไปให้ภาคแรงงาน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวัน ส่วนเงินเดือนของคนจบปริญญาตรีและข้าราชการ เริ่มต้นที่ 25,000 บาท ภายในปี พ.ศ.2570
1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์
พรรคเพื่อไทย จะเฟ้นหาศักยภาพ เพิ่มทักษะ และสร้างงานให้กับอาชีพในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น เชฟ นักออกแบบ นักร้อง นักแต่งเพลง นักกีฬาอีสปอร์ต นักออกแบบมัลติมีเดีย ผู้ผลิตภาพยนตร์ ฯลฯ รวมถึงสร้างศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดการสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง และสร้างรายได้ให้ครอบครัว 200,000 บาทต่อปี
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
เพื่อไทย จะเจรจากับภาคส่วนต่างๆ ให้ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็น 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน เพราะไทยถือเป็นประเทศที่มีอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพงเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย เป็นราคาที่สูงเกินกว่าประชาชนบางกลุ่มจะเอื้อมถึง
ลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม ทันที
โดยพรรคเพื่อไทย จะลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มการเข้าถึงแหล่งพลังงานในชีวิตประจำวันให้ประชาชน โดยจะเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อน เพื่อเพิ่มแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูก ทำให้รัฐมีรายได้จากค่าภาคหลวง รวมถึงสนับสนุนพลังงานสะอาด เพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
พักหนี้เกษตรกร 3 ปี รายได้เพิ่มเป็น 3 เท่า
นโยบายของพรรคเพื่อไทย จะพักหนี้ของเกษตรกรทั้งต้นทั้งดอกเป็นเวลา 3 ปีทันที และทำให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ภายในระยะเวลา 4 ปี ด้วยหลัก “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” หมายถึงการผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อสร้างความแม่นยำในการเพาะปลูก ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก
เร่งรัดออกโฉนด แก้กฎหมาย พิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ทำกิน 50 ล้านไร่
พรรคเพื่อไทยจะเร่งพิสูจน์สิทธิที่ดินเพื่อออกโฉนดอย่างถูกต้องและเป็นธรรม และจะเปลี่ยนที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดสรรเป็นที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชน กระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเพิ่มคุณภาพพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ เพื่อความสมดุลทางภูมิอากาศและเพิ่มความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน
ปฏิรูประบบราชการ สะดวก รวดเร็ว ลดคอร์รัปชัน ด้วยรัฐบาลดิจิทัล
เพิ่มความโปร่งใส ลดปัญหาคอร์รัปชัน และเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐด้วยรัฐบาลดิจิทัล หมดยุค “รัฐอุปสรรค” ถึงเวลา “รัฐสนับสนุน” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ ให้ประชาชนรับบริการและขอใบอนุญาตต่างๆ จากภาครัฐได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัด
ปราบยาเสพติด เห็นผลใน 1 ปี
พรรคเพื่อไทย จะ“ปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขาย” อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อคืนชีวิตพี่น้องลูกหลานกลับคืนสู่ครอบครัว รวมถึง “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” ด้วยการบำบัดผู้ติดยาเสพติดอย่างทั่วถึง สร้างโอกาสให้ผู้ป่วยกลายเป็นผู้สร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างมั่นคง
แก้ปัญหา PM 2.5 ที่ทุกต้นตอ
โดยจะผลักดัน พ.ร.บ. อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน แก้ไขปัญหาทันทีด้วยการแจ้งเตือนค่าฝุ่นล่วงหน้า อพยพกลุ่มเสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย แก้ปัญหาที่ทุกต้นตอ เช่น ขจัดการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทำเกษตรด้วยมาตรการที่เด็ดขาด จูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานสะอาดด้วยมาตรการทางภาษี ปรับอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่ก่อฝุ่น และเจรจาร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดปัญหาฝุ่นข้ามพรมแดน