ผ่านโยบาย ‘การท่องเที่ยว’ พรรคการเมืองหาเสียงเลือกตั้ง 2566
เข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้งแล้ว หลายพรรคการเมืองประโคมนโยบายหาเสียงกันคึกคัก และแจกสะบัดเรียกคะแนนเสียงกันเหมือนเช่นเคย โดยนโยบายด้านการท่องเที่ยวนั้นหลายพรรคการเมืองได้ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจะมารวมนโยบายด้านการท่องเที่ยวเด่น ๆ ของแต่ละพรรคว่าเขาประชันกันในประเด็นอะไรกันบ้าง
ไปเริ่มกันที่พรรคแรกกันก่อนกับ “พรรคเพื่อไทย” ประกาศนโยบายด้านการท่องเที่ยวออกมาเป้นนโยบายหลักที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้งในรอบนี้ ตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยวคือประตูรายได้ที่ “สำคัญ” และ “รวดเร็ว” ที่สุดในการกระจายรายได้ให้ประชาชน ดังนั้นจึงตั้งเป้าหมายกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็น “รายได้หลัก” ของประเทศ โดยรายได้จากการท่องเที่ยวที่พึ่งเริ่มฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด19 จากประมาณ 7 แสนล้านบาท ในปี 2565 เป็น 3 ล้านล้านบาทในปี 2570 เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปทุกพื้นที่ตั้งแต่พี่น้องเกษตรจนถึงคนทำงานในโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร กิจการขนส่ง
วางตัวให้เป็น “Festival Hub of Asia” โดยการสร้างเทศกาลไทยให้ไปถึงระดับโลก เช่น เทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายน เทศกาลลอยกระทงเดือนพฤศจิกายน เทศกาลสินค้าเกษตร เทศกาลแข่งขันมวยไทย และ ดึงเทศกาลระดับโลกมาจัดในประเทศไทย เช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินเข้าประเทศในทุกภาคส่วน ในขณะเดียวกันเปิดโอกาสให้คนไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมระดับโลก
เน้นการสร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและเสน่ห์ความเป็นไทยให้ได้มากที่สุดพร้อมพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Regional transport hub ทั้งในด้านผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าทางอากาศ จัดตารางการบินให้มีประสิทธิภาพเชื่อมต่อสายการบินเพื่อให้สายการบินจากทั่วโลกมาต่อเครื่องที่ไทย ควบคู่ยกระดับสนามบินนานาชาติให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจำนวน 120 ล้านคนและปริมาณการขนส่งสินค้า cargo จำนวน 3 ล้านตันภายในปี 2570
พร้อมกับเร่งพัฒนาการจัดการอำนวยความสะดวกในทุกๆด้าน ลดกระบวนการการตรวจเอกสารให้สะดวกรวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางเข้าออกที่สนามบินนานาชาติให้มากขึ้นสำหรับทั้งชาวไทยและต่างชาติ คิวไม่ยาว กระเป๋าไม่หาย ไม่โดนแท็กซี่โกง รวมถึงเจรจากับประเทศต่างๆ เพื่อปลดภาระในการขอวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและยกระดับหนังสือเดินทางไทยให้สามารถเดินทางไปทั่วโลก
ภูมิใจไทยประกาศดึงรายได้ 4 ปี 6 ล้านล้าน
อีกพรรคที่ชัดเจนกับการผลักดันวาระด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้สมราคากับการได้ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในรัฐบาลลุงตู่ นโยบายการท่องเที่ยวของภูมิใจไทยที่จะใช้หาเสียงรอบนี้จึงลงลึกไปในรายละเอียด และต่อยอดงานที่ทำมาให้เดินหน้าต่อเนื่อง โดยประกาศรายได้ดี 4 ปี 6 ล้านล้านบาท เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสู่ 80 ล้านคน เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว สู่ 6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2570
แผนสำคัญคือ เพิ่มรายได้ในภาคการท่องเที่ยว โดยการเพิ่มระยะเวลาการพํานัก จำนวนการใช้จ่ายต่อคน และ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มใช้จ่ายสูง โดยการกระตุ้นการท่องเที่ยวตลาดใหม่ เน้นนักท่องเที่ยวกําลังใช้จ่ายสูง เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ กลุ่มทำงานจากประเทศไทย กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เพิ่มและขยายศักยภาพการข้ามแดนทั้งทางบก น้ำ อากาศ โดยการ ขยายสนามบิน การท่องเที่ยวเรือสำราญ การจัดทำจุดผ่านแดน อัจฉริยะ
สร้างเศรษฐกิจด้วยงานเทศกาล ผ่านงาน Event การประชุมนิทรรศกาล การแข่งขันกีฬารายการระดับโลก งานเทศกาลระดับโลก ปั้น Soft Power ไทยสู่การสร้างมูลค่าสูง เพื่อมุ่งสู่เป้าการเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวคุณภาพสูง พร้อมรองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว
การดึงงานกิจกรรมระดับนานาชาติ มาจัดในพื้นที่ศักยภาพ โดยมีการวางแผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการจัดงานอย่างเป็นระบบ ก่อให้เกิดการพัฒนาเมือง พัฒนาพื้นที่ เกิดการจ้างงาน และสร้างผล พลอยได้อื่น ๆ อีกมากมายตามแต่ละประเภทของงานกิจจกรรม ตั้งเป้าหมายสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจจากงานเทศกาลไม่น้อยกว่า 5,000 ล้าน เช่น World Football Festival , World Musical Firework , TRI World Seriesและ World Music Festival
เดินทางสะดวก-ปั้นเศรษฐกิจสายมู
มาต่อกันที่ “พรรคชาติพัฒนากล้า” โดย “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรค ประกาศนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกมาเรียบร้อย โดยพร้อมกับการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวอีกเท่าตัว จาก 2 ล้านล้าน เป็น 5 ล้านล้านบาท โดยให้นักท่องเที่ยวอยู่นาน ใช้จ่ายเพิ่ม สนับสนุนการท่องเที่ยว และการเดินทางให้สะดวกผ่านนโยบายการสร้างมอเตอร์เวย์ทั่วไทย 2,000 กิโลเมตร เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวกระจายไปในภูมิภาคต่าง ๆ
พร้อมผลักดัน “เศรษฐกิจสายมู” ต่อยอดการท่องเที่ยวไทย White Economy หลักการคือ การท่องเที่ยวสายมู ไหว้พระ ทำบุญ อธิษฐานขอพร ไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงาม แล้วต่อยอดด้วยการท่องเที่ยวเชิงชอปปิ้ง และการท่องเที่ยวอื่นๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยสร้างเศรษฐกิจไทยได้เพิ่มอีกปีละหลายแสนล้านบาท และยังเป็นการกระจายรายได้ไปยังกลุ่ม SME เกษตรกร ระดับรากหญ้าในทุกจังหวัดอีกด้วย ถ้าเราพัฒนาการท่องเที่ยวไปยังการท่องเที่ยวเชิงอื่น ๆ ได้สำเร็จ
โดยประเทศไทยเองนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งวัดที่สวยงาม มีพระพุทธรูปที่งดงาม มีเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันอยู่เกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ มิหนำซ้ำประเทศไทยยังเป็นประเทศที่เปิดกว้างให้กับทุกศาสนามาตั้งแต่อดีต มีสถานที่สำคัญทางศาสนาหลายศาสนากระจายอยู่ทั่วประเทศ แถมมีสตอรี่ในเรื่องราวสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมาย แต่และเรื่องแต่ละจังหวัด มีสตอรี่มีคอนเทนต์ดีๆ ที่สามารถพัฒนาเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวให้กับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มาเที่ยวชมกราบไหว้อธิษฐานขอพรกันมากมายทั่วประเทศด้วย
ลงทุนด้านการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
อีกพรรคที่น่าสนใจไม่น้อยนั่นคือ “พรรคชาติไทยพัฒนา” มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้ ด้วยการการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศ เพื่อการสร้างงานสร้างรายได้ และความเป็นอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยจะสนับสนุนให้มีการพัฒนา แหล่งท่องเที่ยวใหม่ควบคู่ไปกับการรักษาแหล่งท่องเที่ยวเดิม โดยคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์ธรรมชาติ ทั้งนี้ จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของชุมชน และให้มีความตระหนักรู้ถึงคุณค่า และหวงแหนในทรัพยากรทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของชุมชน
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้มีการลงทุนด้านการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ แหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เช่น พื้นที่จังหวัดกลุ่มอารยธรรมภาคเหนือ และพื้นที่จังหวัดเชื่อมโยง ทางภาคใต้ตอนบนกลุ่มจังหวัดลุ่มแม่น้ำภาคกลาง และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก และภาคอีสาน เป็นต้น
เช่นเดียวกับเร่งรัดให้มีการพัฒนามาตรฐานการบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และการเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ โดยจะสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐ และเอกชนร่วมมือกัน ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะสนับสนุน และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในด้านกฎระเบียบ เพื่อสร้างแรงจูงใจแก่นักลงทุนจากทั้งใน และต่างประเทศ ตลอดจนเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของ ไทย เพื่อรองรับระบบเศรษฐกิจ การค้าเสรีในภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายพรรคที่ยังไม่ได้มีการประกาศนโยบายด้านการท่องเที่ยวออกมาอย่างชัดเจน ทั้งพรรคใหญ่และพรรคเล็ก เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคก้าวไกล โดยต้องจับตาในช่วงโค้งสุดท้ายกันต่อว่า จะมีพรรคไหนเรียกคะแนนเสียงด้านท่องเที่ยวออกมาบ้าง