จับตา ‘ตลาดรัสเซีย’ คลื่นระลอกใหม่พยุงท่องเที่ยวไทยปี 2566
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศ “หนีหนาว” โดยเฉพาะประเทศรัสเซียมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะในแต่ละปีกลุ่มประเทศเหล่านี้มักเผชิญกับอากาศหนาวติดลบ 30-40 องศา จึงต้องการออกมาพักผ่อนหาอากาศที่อบอุ่น ซึ่งประเทศไทยก็นับเป็นหนึ่งในประเทศในดวงใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนรัสเซียรู้จักประเทศไทยและสินค้าไทย ก็เพราะในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าปีละ 1 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจาก 24เมืองทั่วประเทศรัสเซีย เดินทางมาเยือนประเทศไทย ทั้งโดยเที่ยวบินประจำ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ซึ่งในปี 2562 รัสเซียเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของไทย โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าทั้งสิ้น 1,481,837 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ 102,895 ล้านบาท
จนมาถึงในปี 2565 ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากตลาดรัสเซีย ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังจากผ่านวิกฤตโรคระบาด และความไม่แน่นอนในต่างประเทศ โดยเฉพาะปัญหาสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่อง แต่ยอดนักท่องเที่ยวทั้งปี ก็สามารถก้าวขึ้นเข้ามาอยู่ในอันดับ 9 ของตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยสูงสุดได้
โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการคลายล็อกข้อจำกัดด้านการบินเข้าไทยในช่วงปลายปี 2565 ทำให้หลายสายการบินของรัสเซียได้กลับมาเปิดเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากรัสเซียเข้ากรุงเทพฯ ภูเก็ต และอู่ตะเภา เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวไทยในช่วง High Season ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ไปจนถึงเดือนมี.ค. 2566 จากเดิมที่ถูกระงับไปชั่วคราวในเดือนมี.ค. – ต.ค. 2565 จากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดของนักท่องเที่ยวจากตลาดรัสเซีย ซึ่งกำลังกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะช่วยประคับประคองการท่องเที่ยวของไทยให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปีนี้ โดยในปี 2566 โดยมีจำนวน 477,917 คน ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยปกตินักท่องเที่ยวรัสเซียจะเดินทางปีละ 2 ครั้ง คือ ฤดูร้อนและฤดูหนาว ส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวประเทศที่อากาศอบอุ่น ซึ่งไทยเป็นจุดหมายอันดับ 3 ของนักท่องเที่ยวรัสเซีย นิยมไปเที่ยวทะเลและเที่ยวยามราตรี เพราะชื่นชอบการดื่มและสังสรรค์
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังสำรวจข้อมูลพบว่า จังหวัดที่นักท่องเที่ยวรัสเซียค้างคืนมากที่สุด ได้แก่ ชลบุรี ภูเก็ต กรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี และตราด โดยประเภทค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวรัสเซียจ่ายมากที่สุด คือ การซื้อของ ใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงต่าง ๆ ค่าที่พัก ค่าอาหารเครื่องดื่ม และค่าพาหนะ
หากมองถึงด้านพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียแล้ว ยังพบด้วยว่ามีแนวโน้มที่เติบโตค่อนข้างดี และน่าจะส่งผลดีต่อประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ เพราะส่วนใหญ่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้เวลาในการท่องเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ยประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรือยาวนานถึง 1เดือน ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรัสเซียนิยมเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล
ด้วยเพราะสภาพทางภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่ของประเทศรัสเซียที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ประกอบกับการมีอากาศที่หนาวเย็นจนเหมือนถูกแช่แข็งเกือบตลอดทั้งปี ทำให้นักท่องเที่ยวแดนหมีขาวนิยมที่จะเดินทางออกนอกประเทศกันอย่างตลอดทั้งปี โดยส่วนใหญ่ มักปักธงไปประเทศทีมีอากาศอบอุ่น โดยเฉพาะประเทศที่มีหาดทราย และมีชายทะเล
ประเภทของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงและนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงจะมีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิงที่ประกอบอาชีพที่มั่นคง โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาชีพ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ พนักงานออฟฟิศ พนักงานเอกชนหรือภาครัฐ ซึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่า 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือประมาณ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
แต่ถ้าหากต้องการคัดเฉพาะกลุ่ม High-End ที่ร่ำรวยมากและมีรายได้เกิน 60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีขึ้นไป หรือประมาณ 165,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป จะมีประมาณ 14% หรือประมาณ 5.1 แสนคน และส่วนมากมักอาศัยอยู่ในกรุงมอสโกกับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวออกเป็นด้านต่าง ๆ ได้ดังนี้
ด้านที่พักและการใช้จ่าย ชาวรัสเซียเป็นผู้บริโภคที่มีรสนิยมดีและยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อแลกกับการบริการที่สะดวกสบายและมีคุณภาพ นักท่องเที่ยวจึงนิยมเลือกพักโรงแรมและรีสอร์ทที่หรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เลือกรับประทานอาหารชั้นดี ราคาแพง รวมทั้งใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าคุณภาพดี โดยจากการสำรวจพบว่า กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียนิยมทำระหว่างการเดินทางมาท่องเที่ยว เช่น 1.กิจกรรมทางทะเลและชายหาด 2.การเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ต่าง ๆ 3.การเที่ยวชมเมืองหรือสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และ 4.การทำสปาเพื่อสุขภาพและผ่อนคลายร่างกาย เป็นต้น
พร้อมกันนี้ชาวรัสเซียเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงชาวรัสเซียที่จะ นิยมพักโรงแรมเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปชาวรัสเซีย จะนิยมพักโรงแรมระดับทั่วไป ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงจะใช้จ่ายมากกว่า นักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 2 เท่า โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านที่พักที่จะสูงกว่าเกือบ 3 เท่า
สอดคล้องกับข้อมูลด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวรสเซีย โดย GlobalData บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและโซลูชั่นด้านนวัตกรรมจากอังกฤษนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ระบุข้อมูลในปี 2565 ว่า นักท่องเที่ยวรัสเซียยังจัดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวที่สูง ติดอันดับท็อป 10 ด้านการใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 8 แสนล้านบาท มากกว่า 61% มักเลือกพักผ่อนแถวชายหาด และ 39% เดินทางเชิงวัฒนธรรม
ส่วนด้านกิจกรรมการท่องเที่ยว ชาวรัสเซียมีแนวโน้มที่จะสนใจทางด้านกิจกรรม เพื่อสุขภาพและสปา หรือกิจกรรมกีฬา อาทิเช่น ดำน้ำ และกอล์ฟ เป็นหลัก รวมทั้งการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและงานประชุมสัมมนาก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ถือว่ากิจกรรมท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวรัสเซียได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่พำนักอยู่ในเมืองใหญ่ กลุ่มนักธุรกิจ และนักลงทุนที่มีรายสูงให้เดินทางเข้ามาในประเทศ
ด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นโอกาสของไทยประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม อีกอย่างประเทศไทยก็ไม่มีการแบนนักท่องเที่ยวอีกด้วย รวมทั้งยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โดนเฉพาะในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล หรือเมืองท่องเที่ยวรองที่อาจจะหันมาทำตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศให้ได้ตามเป้าหมาย