รัฐบาลเร่งทิ้งทวนก่อนยุบสภาฯ
ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองและการบริหารงานของรัฐบาลประเทศไทย ว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2566 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่รัฐบาลจะยุบสภาฯ เปิดทางให้ไปสู่การเลือกตั้งในเดือน พ.ค.ปีนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แจ้งกับพรรคร่วมรัฐบาลในการประชุม ครม.ครั้งล่าสุดว่าขอให้ทุกคนทำงานเต็มที่เพราะเหลือระยะเวลาในการประชุม ครม.ร่วมกันอีก 1-2 ครั้งเท่านั้น แต่ยังมีโครงการต่างๆรอการอนุมัติของรัฐบาลอยู่อีกมาก
ซึ่งเงื่อนไขที่รัฐบาลรักษาการไม่สามารถที่จะอนุมัติงบประมาณได้ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณประจำหรืองบกลางฯ รวมทั้งไม่สามารถอนุมัติในเรื่องที่จะผูกพันไปยังรัฐบาลต่อไปได้ การประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาซึ่งใกล้จะเป็นครั้งสุดท้ายในการประชุม ครม.จึงมีการอนุมัติวงเงินทั้งงบกลางฯ งบประมาณปี 2567 รวมทั้งรายการยกเว้นภาษีหั่นรายได้ที่รัฐควรได้แต่เว้นการเก็บเพื่อส่งเสริมธุรกิจ หรือลดค่าครองชีพให้ประชาชนเป็นวงเงินรวมกันทั้งหมด 80,395 ล้านบาท เข้าใกล้เคียงระดับ 1 แสนล้านบาท
สำหรับรายละเอียดการอนุมัติวงเงิน และเม็ดเงินในด้านต่างๆ รวมทั้งการอนุมัติเว้นภาษีมีรายละเอียดในด้านต่างๆดังนี้
ครม.เคาะหั่นภาษีหนุน EV – โทเค่นดิจิทัล
1.มาตรการการยกเว้นภาษีที่ ครม.เห็นชอบ 3 รายการสำคัญ วงเงินรวม 55,072 ล้านบาท ได้แก่
1. ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เฉพาะบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด
โดยกระทรวงการคลังรายงาน ครม.ว่ามาตรการการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคให้กับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยมาตรการนี้ไม่อยู่ในประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ แต่ได้ประมาณการจากการจ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 – 2568จำนวน 43,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จะสูญเสียประมาณ 8,600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นการสนับสนุนให้มีความต้องการการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและทำให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะทำให้มีการจ้างงานและการพัฒนาฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้น
2. ครม.เห็นชอบการเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ในช่วงที่ราคาเชื้อเพลิงมีราคาแพงและต้องใช้น้ำมันทั้งสองชนิดในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเป็นวงเงินรวมกว่า8,050 ล้านบาท
3. ครม.เห็นชอบการอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ….. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้และมูลค่าของฐานภาษี (รายได้จากการขายลบต้นทุน)
เนื่องมาจากการขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่เสนอขายต่อประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป (ย้อนหลังไปถึงวันที่พระราชกำหนดการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับ) เพื่อให้มาตรการภาษีของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเท่าเทียมกับมาตรการภาษีของหลักทรัพย์ และส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจโดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการระดมทุน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2566 ถึงปี 2567 จะมีการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนมูลค่ารวมประมาณ 128,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 25,600 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 8,960 ล้านบาท ดังนั้น ประมาณการการสูญเสียรายได้ของภาครัฐ ในช่วง 2 ปี ที่ สำนักงาน ก.ล.ต. คาดการณ์รวมภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 35,279 ล้านบาท
สั่งทำงบฯ67 เพิ่ม 1.3 หมื่นล้านคลุมเพิ่มเงินเดือน อสม.
2.การอนุมัติโครงการที่ใช้งบประมาณในปี 2567 โดย.ครม.อนุมัติให้มีการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2567 ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขวงเงิน 13,081 ล้านบาท เพื่อเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จากเดิมเดือนละ 1,000 บาทต่อคน เป็นเดือนละ 2,000 บาทต่อคน เริ่มต้นวันที่ 1 ต.ค. 2566 หรือเริ่มในต้นปีงบประมาณ 2567 จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 13,081 ล้านบาท ปัจจุบันมี อสม. อยู่ 1,075,163 คน และ อสส. 15,000 คน รวม 1,090,163 คน
“อนุทิน”แจงภารกิจอสม.เพิ่มขึ้นมาก
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่าในเรื่องนี้ต้องขอบคุณที่ครม. ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้อง อสม. และได้อนุมัติการเพิ่มเงินค่าป่วยการในครั้งนี้ให้สอดคล้องกับภารกิจของ อสม. และอสส. ที่เพิ่มขึ้นมีทั้งภารกิจ 9 งานหลัก และภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายเพิ่มเติมใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. การคัดกรองเพื่อประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ 9 ด้าน
2. สร้างความรอบรู้และให้บริการดูแลสุขภาพตามสภาพปัญหาในแต่ละด้าน
3. ประสานภาคีเครือข่ายดูแลผู้สูงอายุให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ปฏิบัติงานในระยะ Post-Pandemic ของโรคโควิด19
และ 4.ติดตามผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดในระบบสมัครใจบำบัด
ทั้งนี้ก่อนจะเสนอ ต่อ ครม. ในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาเปรียบเทียมอัตราค่าป่วยการ กับค่าใช้จ่ายของ อสม. ในการปฏิบัติงานแล้วพบว่า ค่าป่วยการที่ได้นั้นต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่ อสม. ได้มาโดยตลอด ดังนั้นจึงเสนอขอเงินเดือนเพิ่มให้กับ อสม.และอสส.กระทรวงสาธารณสุขเห็นถึงความเสียสละของพี่น้องอสม.และอสส.กว่า 1.09 ล้านคน ที่นอกจากจะให้เวลาเพื่อส่วนรวมแล้วหลายครั้งยังต้องแบกรับในค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามภารกิจและปัจจุบันนี้ค่าครองชีพต่างๆ ก็สูงขึ้นด้วย จึงเห็นควรเสนอให้ปรับเพิ่มค่าป่วยการขึ้นเป็น 2,000 บาทต่อเดือน และให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในการทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนต่อไป
เทงบกลางฯอุ้มค่าไฟ-ซ่อมถนน
3.ครม.อนุมัติงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมวงเงิน 12,242 ล้านบาท ให้กับ 3 โครงการตามข้อเสนอของหน่วยงานราชการ ประกอบด้วย
1. ครม.อนุมัติงบกลางฯวงเงิน 3,191 ล้านบาท ให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 เพื่อให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยเป็นกรอบวงเงินของการไฟฟ้านครหลวง 517 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 2,673 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบในการลดภาระค่าครองชีพให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
2. อนุมัติงบกลางฯวงเงิน 874 ล้านบาท โครงการส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก BCG Model เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาปัจจัยการผลิตและเครื่องจักรกลการเกษตร ตามแผนความต้องการของศูนย์ข้าวชุมชน 292 ศูนย์ เป้าหมายพื้นที่ 58,400 ไร่ และพื้นที่ให้บริการ 60 ล้านไร่
โดยปรับปรุงกระบวนการเพาะปลูกข้าว เน้นการทำนาแบบประณีต คือ การใช้ระบบชีวมวล ชีวภาพ และจุลินทรีย์ที่ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ส่งเสริมการทำนาแบบยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเกษตรกร
และ 3) อนุมัติงบกลางฯวงเงิน 8,171 ล้านบาท เพื่อก่อสร้าง/ปรับปรุง ซ่อมแซมถนน แหล่งกักเก็บน้ำ หรือสิ่งสาธารณประโยชน์อื่นๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัย 2,765 โครงการ ใน 67 จังหวัด ครอบคลุมทั้งในระดับ อบจ. เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล และอบต.ทั่วประเทศ
โดยในหการขออนุมัติวงเงินดังกล่าว ครม.พิจารณาว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้สำรวจข้อมูลถนน แหล่งกักเก็บน้ำ หรือสิ่งสาธารณประโยชน์อื่นๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับความเสียหายจากสาธารณภัย หรือที่มีความประสงค์ที่จะดำเนินการก่อสร้าง/ปรับปรุง ซ่อมแซม ให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ซ่อมแซมถนนลาดยางแอสฟัลห์ติกคอนกรีต (ยางมะตอย) ปรับปรุงถนนลูกรัง
การก่อสร้างแนวป้องกันตลิ่งซ่อมแซมเขื่อนป้องกันตลิ่ง ขุดลอกคลอง/หนอง/ลำห้วย/ ซ่อมแซมฝายน้ำล้น/ อาคารน้ำล้น ติดตั้งโครมไฟฟ้าถนนแอลอีดีติด ตั้งโซล่าเซลล์เป็นต้น ทั้งนี้ นอกจากเป็นการช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย รวมทั้งยังแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนด้วย
ต้องจับตาต่อไปว่าในการประชุม ครม.ที่เหลืออยู่ไม่เกิน 2 ครั้งก่อนที่จะยุบสภาฯ จะมีโครงการขนาดใหญ่โครงการใดเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อขอให้มีการอนุมัติเห็นชอบก่อนที่รัฐบาลจะไม่สามารถที่จะอนุมัติได้ ซึ่งแต่ละกระทรวงยังมีงานสำคัญ และโครงการขนาดใหญ่รออยู่อีกจำนวนมาก