รวมไทยสร้างชาติ The last war ประยุทธ์
บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือฤกษ์งามยามดี 9 ม.ค. 2566 สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองพรรคแรก เข้าสู่สถานที่ปลายทางทางการเมือง รวมไทยสร้างชาติ
วันที่ 9 ม.ค. 2566 นอกเวลาทำการวาระงานทำเนียบรัฐบาล พรมแดงถูกปูไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อาคาร Exhibition Hall 1 ชั้น G ภายใต้ชื่องาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ”
ไฮไลต์ในวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นกล่าวถึง Mission และทิศทางก้าวต่อไป เพื่อคนไทยทั้งชาติ และ Kick off Moment รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ ร่วมกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพร้อมทีมผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ
สำหรับกำหนดการงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” ช่วงก่อนพิธีการ เวลา 16.50 – 17.15 เสวนาภาษาไตรรงค์ โดย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี
ช่วงพิธีการจะมีการฉายวีดิทัศน์พรรครวมไทยสร้างชาติ และเปิดตัวทีมสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ “คนรุ่นใหม่” “คนรุ่นใหญ่”และ”หัวหน้าพรรค”
อีก 1 ไฮไลต์ของงาน คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติจะกล่าวถึงแนวคิดและจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นกล่าวเปิดใจในฐานะสมาชิกพรรครวมใจสร้างชาติครั้งแรก
พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาคนเดียว แต่หอบ ส.ส.หนีตายจากพรรคพลังประชารัฐที่ถูกเคลมว่าจะมาฝากชีวิตทางการเมืองร่วมชายคารวมไทยสร้างชาติกว่า 40 ชีวิต
แสกนเบื้องต้นหนึ่งในสัดส่วน 40 ชีวิต ประกอบด้วย กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ นำโดย เสี่ยแด็ก ธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ – รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช
รวมถึงนายศาตรา ศรีปาน นายพยม พรหมเพชร และร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา
กลุ่ม ส.ส.ชลบุรี มี เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่ม เป็นแม่ทัพ ขนทัพมาร่วมงานเกินครึ่งโหล อาทิ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ นายรณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง นายสมบัติ อำนาคะ ส.ส.สระบุรี
พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี นายสาธิต อุ๋ยตระกูล ส.ส.เพชรบุรี นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี
รวมถึง นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ เด็กในซุ้มของเสี่ยเฮ้ง ก็จะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติด้วยอีกคน และนายวัฒนา สิทธิวัง อดีต ส.ส.ลำปาง พรรคพลังประชารัฐ
ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เสี่ยขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แม่บ้านรวมไทยสร้างชาติ ก้าวข้าวคำปรามาส นายกฯ 25 ที่นั่ง ปักธงเก้าอี้ ส.ส.ทะลุ 100 ที่นั่งไปแล้ว
100 ที่นั่งมาจากก๊วนของนายพีระพันธุ์สมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 8 ได้คะแนนจากเพื่อน ส.ส.ถึง 20 เสียง จากส.ส.ทั้งหมดขณะนั้น 52 คน
นายพีระพันธุ์ เลิกเกรงใจ ต้นสังกัดเก่า ทันทีที่แตกหัก มีปากเสียงกระทบกระทั่งกับ “ผู้มากบารมี” ของพรรคเก่าแก่อย่างนายชวน หลีกภัย ภายหลังพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 8 ให้กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
ไล่ตั้งแต่ เบอร์ใหญ่-VIP นายสามสี ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สงขลา หลายสมัย ที่มาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
เบอร์กลาง ค่อนไปทางใหญ่ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช 8 สมัย และเลขาชวน นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีจ ส.ส.ตรัง 4 สมัย
อีก 2 VIP คือ นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ 7 สมัย และ นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ “ชัช เตาปูน” อดีตพลังท้องถิ่นไท
ลูกชายชัช เตาปูน ชื่นชอบ คงอุดม มาร่วมบุกเบิก ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนบุตรสาวนายชุมพล น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะเดินตามรอยเท้าผู้เป็นพ่อก็เป็นได้
นายสามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ นพ.ปรีชา มุสิกุล อดีต ส.ส.กำแพงเพชร ประชาธิปัตย์ นายเกรียงยศ สุดลาภา อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 68ประชาธิปัตย์
น้องชายเทพไท พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 25 ที่ไปอยู่พรรครวมพลังช่วงหนึ่ง
ยังมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะไปปรากฏกาย แสดงตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า อาทิ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช และนางรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม
รวมถึงพรรคลุงกำนัน คือ พี่ชายลูกหมี นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลัง
ทุกชีวิตจะถอนสมอจากยานลำแม่ ลาออกจาก ส.ส.ลงเรือลำใหม่ ชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนถึงเดดไลน์ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566
อย่างช้าที่สุดหลังจากปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 ก.พ. 2566 ภายใต้เงื่อนไขพล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่จนกระทั่งล่วงเวลาครบวาระวันที่ 23 มี.ค. 2566
เป็นส่วนประกอบของนั่งร้านพรรคทหารแห่งที่สอง พาฝันพล.อ.ประยุทธ์ คัมแบ็ก ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สมัยที่สาม
ทว่าผลพวงจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกเพียง 2 ปี หรือ ปี 2568 เป็นชนักปักหลัง
เส้นทางการทางเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ บนบังเหียนพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สมัยที่ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคพลังประชารัฐก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่จะมีเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ต่อท้ายแถว
พล.อ.ประยุทธ์จะเต็มไปด้วยคำถามและข้อกังขา เพราะต้องเป็น “นายกฯคนละครึ่ง” กับพรรคการเมืองขั้วเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์ 2 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก็อาจจะเป็นนายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรค
แม้กระทั่ง พี่ชายที่แสนดี บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ หรือ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย
ไม่ต้องนับแคนดิเดตจากพรรคขั้วตรงข้าม อย่างพรรคเพื่อไทย ที่มีไพ่ในมือให้เล่นถึง 2 ใบ คือ อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร และนักธุรกิจรุ่นใหญ่ อย่างนายเศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอสแห่งอาณาจักรแสนสิริ
การเลือกตั้งครั้งหน้าของพล.อ.ประยุทธ์จึงเป็น The last war สงครามครั้งสุดท้าย