23 ปี รถไฟฟ้า BTS เปิดแผลสดที่ทำให้เรื่องวุ่นไม่รู้จบ
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2022/12/S__19857443-1024x768.jpg)
ยังเป็นประเด็นอยู่ระยะๆ สำหรับการแก้ปัญหาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว รถไฟฟ้าสายแรกของคนไทยที่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2542 นับนิ้วจนถึงวันนี้ก็ 23 ปี พอดี ที่รถไฟฟ้าเส้นนี้รับใช้ประชาชนชาวบางกอกมา
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2022/12/image-3.png)
แต่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คนใช้รถไฟฟ้าคงได้เห็นสปอร์ตโฆษณาที่กลุ่ม บมจ.บีทีเอส โฮลดิ้ง กรุ๊ป (BTS) เผยแพร่บนสื่อของรถไฟฟ้าและบิลบอร์ดโฆษณาในหลายๆที่ ซึ่งว่าด้วยเรื่องการทวงหนี้ 40,000 ล้านบาท อันเป็นมหากาพย์ที่ลากยาวมานานนับปี
ก่อนจะไปถึงเรื่องหนี้ มารู้จักรถไฟฟ้าที่ท่านๆนั่งกันก่อน
ปัจจุบัน รถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดให้บริการทั้งหมด 60 สถานี ระยะทางรวม 68.25 กิโลเมตร ค่าโดยสารปัจจุบันเริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 59 บาท แนวเส้นทางแบ่งได้ 3 ช่วง ประกอบด้วย
1.ช่วงหมอชิต – อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ – สะพานตากสิน ระยะทางรวม 23.5 กม. จำนวนสถานีรวม 25 สถานี
2. ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช – แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน – บางหว้า ระยะทางรวม 12.75 กม. จำนวนสถานีรวม 11 สถานี
3. ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงแบริ่ง – เคหะสมุทรปราการ ระยะทางรวม 31.2 กม. จำนวนสถานีรวม 25 สถานี
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2022/12/S__19857442-724x1024.jpg)
เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวในปัจจุบัน ที่มา: กรุงเทพธนาคม
ทั้ง 3 ส่วน เกี่ยวพันกันกับสัญญาจำนวน 4 ฉบับ
สัญญาที่ 1 เป็นส่วนสัมปทานหลักช่วงหมอชิต – อ่อนนุช และช่วงสนามกีแห่งชาติ – สะพานตากสิน หรือที่หลายๆเรียกว่าเป็นพื้นที่ไข่แดงของโครงการ อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานระหว่าง กทม. และบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ลงนามกันเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2535 สัญญามีอายุ 30 ปี เริ่มนับเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 โดยสัญญาฉบับนี้จะไปสิ้นสุดในปี 2572 อย่างไรก็ตาม หากสัญญาฉบับนี้สิ้นสุดลง ส่วนสัมปทานสายหลักในส่วนของการเดินรถ จะอยู่ภายใต้
สัญญาที่ 2 สัญญาว่าจ้างที่ บจ.กรุเทพธนาคม (KT) ให้ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง ซึ่งลงนามกันเมื่อปี 2555 และจะหมดอายุสัญญาในปี 2585 ซึ่งสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นในสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่ากทม. และพรรคเพื่อไทยได้ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ชี้มูลความผิด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จากการว่าจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไปจนถึงปี 2585 ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงและไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และเอื้อประโยชน์ให้แก่ BTSC เพียงรายเดียว
สัญญาที่ 3 สัญญาที่ กทม. ทำร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ให้โอนทรัพย์สิน และหนี้สินของ รฟม. ในส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงแบริ่ง – เคหะสมุทรปราการ ไปให้ กทม. มูลค่ารวม 60,815.54 ล้านบาท พร้อมกับให้ กทม. บริหารจัดการรายได้และตั้งงบประมาณให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ดังกล่าว รวมทั้งกำหนดค่าโดยสารให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าครองชีพ และบริหารจัดการสัญญาของรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้มีระยะสิ้นสุดพร้อมกันทุกช่วง เพื่อให้ กทม. สามารถเปิดให้เอกชนเข้าร่วมแข่งขันประมูลการให้บริการเดินรถไฟฟ้าได้ทั้งสาย
สัญญาที่ 4 คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2562 เรื่อง การดําเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน เพื่อหาทางออกในประเด็นสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะหมดอายุลงในปี 2572
ปมปัญหาที่เป็นฝีเรื้อรังลากสู่การทวงหนี้ของ BTS ปะทุจากส่วนต่อขยายที่ 2 นี้ …
เพรราะต้องไม่ลืมว่า ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงแบริ่ง – เคหะสมุทรปราการ เดิมทีรัฐบาลในปี 2551 และ 2556 กำหนดให้ รฟม.เป็นผู้ก่อสร้างและบริหารจัดการการเดินรถ ซึ่ง รฟม.ก็ลงทุนก่อสร้างงานโครงสร้างโยธาจนเสร็จสิ้นเกือบทั้งหมดในเวลาต่อมา
แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ยุค คสช.ในปี 2559 เห็นชอบให้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้เดินรถและบริหารจัดการส่วนต่อขยายดังกล่าว จนในที่สุด วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ครม.มีมติให้โอนทรัพย์สิน และหนี้สินของ รฟม.ที่เกิดจากการก่อสร้างให้ กทม. เป็นผู้รับภาระทั้งหมด อันนำมาสู่การจัดทำ MOU ระหว่างหน่วยงานทั้งสองขึ้นในช่วงปลายปีเดียวกัน ซึ่ง กทม. ก็ออก ข้อบัญญัติกทม. เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการรับโอนทรัพย์สิน และหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ 2561 กรอบวงเงิน 51,785,370,000 บาท เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2561 รอไว้แล้ว
@กรรมสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ แต่ทำเรื่องจ้าง BTS ไปก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมี MOU และข้อบัญญัติกู้เงินดังกล่าวออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถผ่าทางตันปัญหาได้ เพราะในส่วนต่อขยายที่ 2 กทม.เคลียร์ค่าใช้จ่ายด้านใต้ช่วงแบริ่ง – เคหะสมุทรปราการไปได้แล้ว ยังเหลือส่วนเหนือช่วงหมอชิต – คูคต ที่ยังไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่างานโยธาได้ เพราะข้อบัญญัติดังกล่าวต้องผ่านสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) ก่อน แต่ท้ายสุด สภากทม. ไม่ยกมือผ่านให้ ข้อบัญญัติจึงยังคาราคาซังต่อไป
แถมเรื่องยังวุ่นอีกชั้นหนึ่ง เมื่อ กรุงเทพธนาคม ไปทำสัญญาจ้าง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี) บริษัทลูกของ BTS เดินรถส่วนต่อขยายที่ 2 ทั้งๆที่การโอนรับทรัพย์สินและหนี้สินจาก รฟม. ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้เรื่องนี้จึงเป็นแผลกลัดหนองที่รอวันปะทุอีก 1 จุดในอนาคต
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2022/12/S__14974990-1024x683.jpg)
สอดคล้องกับ ‘วิศณุ ทรัพย์สมพล’ รองผู้ว่ากทม.ที่ชี้แจงเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565 ว่า ส่วนต่อขยายที่ 2 เริ่มปี 2559 มีข้อสังเกตว่ากรุงเทพธนาคมไปทำสัญญาระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) กับเอกชน ตั้งแต่ มิ.ย. 2559 ก่อนที่จะมีการลงนามบันทึกมอบหมายเมื่อ ก.ค. 2559 โดยข้อสังเกตคือ การลงนามบันทึกมอบหมายไม่ได้ผ่านสภากทม. หลังจากนั้นกรุงเทพธนาคมไปทำสัญญาเดินระบบและซ่อมบำรุง (O&M) เมื่อ ส.ค. 2559 จากนั้นกทม.นำรายละเอียดงบประมาณเข้าสภากรุงเทพฯ แต่สภาพิจารณาแล้วไม่ผ่าน ดังนั้นเลยเกิดเป็นปัญหาที่ยืดยาวว่างบประมาณส่วนนี้ยังไม่ผ่าน
“ไม่มีเจตนารมณ์ที่จะไปชะลอแต่เนื่องจากมีขั้นตอนที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ คือยังขาดการพิจารณาจากสภากรุงเทพฯ โดยรายละเอียด คือ เมื่อปี 2561 นำเรื่องเข้าสภาไปแล้ว แต่พิจารณาแล้วไม่ผ่าน และอีกครั้งเมื่อปี 2564 สภาก็ยังคงไม่เห็นชอบ โดยในระหว่างดำเนินการช่วง เม.ย. 2562 ก็มีคำสั่งคสช. ตั้งคณะกรรมการเจราจาเรื่องหนี้ เจรจาเรื่องการแก้ไขปัญหา และเจรจาเรื่องขยายสัญญาสัมปทาน” รองผู้ว่าวิศณุระบุ
แม้ในส่วนต่อขยายที่ 2 BTS จะนำเรื่องร้องถึงศาลปกครอง จนสามารถชนะคดี และศาลตัดสินให้ กทม.และเคทีจ่ายเงินเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 1.17 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช – สำโรงและช่วงสะพานตากสิน – บางหว้า วงเงิน 2,348 ล้านบาท, ดอกเบี้ยจากส่วนต่อขยายที่ 1 วงเงิน 2,199 ล้านบาท, หนี้เดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต – คูคตและช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ วงเงิน 9,406 ล้านบาท และดอกเบี้ยจากส่วนต่อขยายที่ 2 วงเงิน 8,786 ล้านบาท
แต่เนื่องจากยังต้องสู้กันอีก 1 ศาลคือ ศาลปกครองสูงสุด ทำให้กทม.และเคทียื้อต่อในชั้นนี้ต่อไป
ส่วนท่าทีเจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ บิ๊กบอส BTS ผู้ฟูกฟักรถไฟฟ้าสายแรกของเมืองไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ เมื่อถามว่าได้คุยกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม.ถึงประเด็นนี้หรือไม่ว่า ‘ไม่ได้คุยกันแล้ว และ 1 ม.ค. 2566 จะประกาศเก็บค่าโดยสารอัตราใหม่ที่ 16-47 บาท’
ท่าจะต้องลุ้นกันอีกยาว สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับทางออกที่เหมือนมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ในช่วงนี้ทุกฝ่ายคง Wait and see กันไปก่อนเรื่อยๆ…