‘บิ๊กตู่’ จัดของขวัญปีใหม่ปี 66 ส่งท้ายรัฐบาลรับสัญญาณเลือกตั้ง
เป็นธรรมเนียมทุกปีที่เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปีรัฐบาลจะต้องมีการออกชุด“ของขวัญปีใหม่” ให้กับประชาชนทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือออกมาตรการลด และยกเว้นค่าธรรมเนียม ที่เข้ามาช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เพื่อสร้างความคึกคักให้กับระบบเศรษฐกิจช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความสุขให้กับประชาชนได้มีความสุขในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ที่มาถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่รออยู่ในปี 2566 ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลถือว่ามีความหมายในทางการเมืองมากเป็นพิเศษ
สำหรับปีใหม่ 2566 ที่กำลังจะมาถึงในอีก 2 เดือนข้างหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการตั้งแต่เนิ่นๆ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าให้ทุกหน่วยงานจัดทำ “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่” ในช่วงปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับประชาชน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่ามาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมารวมกับแพคเกจของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงและหน่วยงานต่างๆจะออกมานั้นกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยมาตรการที่จะออกมานั้นคาดว่าจะไม่แตกต่างจากมาตรการเดิมที่เคยออกมา แต่นำเอามาตรการที่เคยใช้ได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ซ้ำอีกในช่วงเวลานี้เช่น คนละครึ่งเฟส6 เราเที่ยวด้วยกัน และมาตรการช้อปดีมีคืน ที่เป็นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า ซึ่งกระทรวงการคลัง จะใช้แหล่งเงินจากงบประมาณที่มาจากงบกลางส่วนหนึ่ง และเงินกู้ที่ยังเหลืออยู่
รักษาโมเมนตั้มเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง
ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ามาตรการการเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมที่จะออกมาเป็นของขวัญปีใหม่นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาแรงส่งการฟื้นตัวเศรษฐกิจให้เติบโตได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2565 ครม.ได้มีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน โดยโครงการหรือมาตรการจะต้องดำเนินการได้ในช่วงปีใหม่ และโครงการนั้นๆ ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ทั้งนี้มาตรการการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยที่จะเร่งออกมาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย รัฐบาลก็ได้เร่งให้ความช่วยเหลือ และถือเป็นของขวัญในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้ด้วย ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน/โครงการ โดยเร็วๆนี้จะทยอยนำเสนอต่อ ครม. เพื่อให้มีผลดำเนินการได้ในช่วงปีใหม่ที่ตามระยะเวลาที่ ครม.กำหนด นอกจากนี้ก่อนหน้าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้มีหนังสือเวียนถึงหน่วยงานราชการเรื่อง การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็น “ของขวัญปีใหม่ 2566” ให้แก่ประชาชน โดยระบุข้อความว่าในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2565 ครม.มีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็น ของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน
โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันในช่วง เทศกาลปีใหม่ อย่างแท้จริง ไม่ขัดต่อกฎหมายและประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง หรือ “คนละครึ่งเฟส 6” โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน
สั่งทำมาตรการให้แล้วเสร็จเสนอ ครม. 29 พ.ย.
ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐนำแผนงาน/โครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายในวันที่ 29 พ.ย. 2565 เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อนจะประกาศออกมาให้ประชาชนรับทราบเป็นแพคเกจ
ทั้งนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2565 นี้ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมแพ็กเกจขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอมาตรการรักษาระดับการบริโภค ซึ่งต้องพิจารณาหลายปัจจัยด้านการบริโภค โดยยอมรับว่าต้องนำโครงการ ช้อปดีมีคืน กลับมาใช้ในช่วงต้นปี 2566 เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในต้นปีหน้า
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่ากระทรวงการคลังอยู่ระหว่างรวบรวมมาตรการที่จะเสนอเป็นของขวัญให้กับประชาชน ตามมติ ครม.ที่ได้มีคำสั่งออกมา กระทรวงการคลังประเมินว่ายังมีบางกลุ่มที่ยังได้รับผลกระทบอยู่ ซึ่งกระทรวงการคลังก็จะเข้าไปดูแลเฉพาะเจาะจงมากขึ้นโดยต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ขนาด และระยะเวลาด้วย ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นที่ควรให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆเป็นพิเศษด้วย โดยคาดว่ามาตรการการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ภายในวันที่ 29 พ.นี้
พลังงานตรึงค่าไฟ 4.72 บ./หน่วย เป็นของขวัญปีใหม่
ขณะที่ในส่วนของขวัญปีใหม่จากกระทรวงพลังงานที่มีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือประชาชนมาตลอดทั้งปีตามแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นจนกระทบกับค่าครองชีพของประชาชน ล่าสุดในงานเสวนาวิกฤติพลังงานโลก ทางรอดพลังงานไทย จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ และกระทรวงพลังงานเมื่อสัปดาห์ที่ปผ่านา
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่ากระทรวงอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานให้กับประชาชนเพื่อเป็น ของขวัญปีใหม่ โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้กระทรวงพลังงานจะเสนอให้มีการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือ ค่าไฟฟ้า ให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟรายย่อยขนาด 300-500 หน่วย ซึ่งมี 17 ล้านคนทั่วประเทศ และจะมีการขยายมาตรการใหม่เพิ่มด้วย
ทั้งนี้ในส่วนของอัตราค่าไฟฟ้าและค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) ที่คาดว่าจะมีการตรึงไว้ที่ 4.72 บาท/ต่อหน่วยไปจนถึงไตรมาสสองของปี 2566 หรือในช่วงของการคำนวณค่า FT งวดแรกของปี 2566 ระหว่างเดือนม.ค. – เม.ย.2566 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะคงอัตราค่าไฟฟ้าเอาไว้ในอัตราเดิมก่อนเพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนด้วย
ตรึงก๊าซหุงต้มช่วยรายย่อยถึงสิ้นปี
ก่อนหน้านี้ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติวงเงิน 302.5 ล้านบาทจากงบกลาง รายการใช้จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนปี 2566 โดยให้ กรมธุรกิจพลังงาน เพื่อเป็นการช่วยเหลือผ่าน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยครอบคลุมถึงการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเป็นวงเงิน ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 100 บาท / คน / 3 เดือน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ประมาณ 5.5 ล้านราย
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ มีมติเห็นชอบการทบทวนการกำหนด ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2565 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 โดยการดำเนินการปรับ ราคาก๊าซ LPG ในครั้งนี้จะช่วยลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน แต่จะทำให้กองทุนน้ำมัน มีภาระเพิ่มขึ้น และเกิดปัญหาการลักลอบจำหน่าย LPG ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
สั่งยิงสดบอลโลก 2022 เป็นของขวัญประชาชน
“ฟุตบอลโลก 2022” World Cup 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนจะเริ่มการแข่ง โดยมีประเทศการ์ต้าเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่าง 21 พ.ย.-18 ธ.ค.2565 จนขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการถ่ายทอดสดให้ประชาชนชาวไทยได้รับชมฟรี โดยก่อนหน้ามีกระแสข่าวว่าในการประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือถึงแนวทางและความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาดังกล่าวให้ประชาชนคนไทยได้รับชมฟรี
ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (กกท.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันนี้ (27 ต.ค.) พล.อ.ประวิตรได้สั่งการ ให้ กกท. เร่งดำเนินการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 ประเทศกาตาร์ (21พ.ย.-18ธ.ค.65) โดยย้ำว่าคนไทยทั้งประเทศ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลครั้งนี้ให้ครบทุกแมตช์ ได้อย่างมีความสุข พร้อมทั้งเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้มากยิ่งขึ้น ทุกช่องทาง เพื่อให้แฟนบอลชาวไทยได้รับทราบข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และทั่วถึงด้วย
จะเห็นได้ว่า “ของขวัญปีใหม่” ที่นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุม ครม.ไว้ให้เตรียมการให้พร้อม เป็นมาตรการที่มีทั้งที่ใช้วงเงินงบประมาณ และไม่ใช้งบประมาณ ซึ่งทุกกระทรวง ทบวง กรม กำลังรวบรวมของขวัญปีใหม่ให้กับปะชาชนในช่วงปลายปี 2565 ต่อเนื่องจนถึงปี 2566 ซึ่งต้องจับตาดูถึงผลที่เกิดขึ้นจากมาตรการที่จะออกมาจะช่วยให้เศรษฐกิจมีแรงส่งไปถึงต้นปีหน้า ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่องจากในปีที่ที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ประมาณ 3% เป็นอย่างน้อย