จับตาแผนประคองท่องเที่ยวไทยครึ่งปีหลัง เดิมพันปั๊มรายได้ 1.8 ล้านล้าน
เริ่มมีความหวังขึ้นมาได้บ้าง กับการท่องเที่ยวของไทย หลังจากทุกหน่วยงานออกมาประเมินว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวกำลังมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนปรนมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะประเทศไทย
นั่งวิเคราะห์ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2565 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ด้วยการยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ สำหรับคนไทยไม่ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass และไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศ ส่วนชาวต่างชาติยังกำหนดให้ลงทะเบียนเอาไว้ก่อน แต่ก็พยายามปรับลดเงื่อนไขมากมายลงมาก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวล่าสุด เริ่มเห็นแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นภายหลังการกลับมาดำเนินมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบ Test & Go อีกครั้งในเดือนก.พ. 2565 โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนกุมภาพันธ์ มีจำนวน รวม 1.52 แสนคน และปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต่อ ๆ มา
ล่าสุดจากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทย ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 31 พ.ค. 2565 จำนวนรวม 1,336,068 คน นักท่องเที่ยวจากประเทศที่เดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 1 คือ อินเดีย 123,606 คน รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร 96,323 คน มาเลเซีย 78,523 คน เยอรมนี 77,707 คน และสหรัฐ 72,482 คน
โดยนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านด่านสนามบินสุวรรณภูมิมากเป็นอันดับ 1 จำนวน 825,918 คน รองลงมาคือ สนามบินภูเก็ต 378,786 คน สนามบินดอนเมือง 41,043 คน ด่านสะเดา 19,962 คน และด่านหนองคาย 12,783 คน
สำหรับเป้าหมายในการท่องเที่ยวในปี 2565 ททท. ตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ เดินทางเข้ามาประมาณ 5- 15 ล้านคน สร้างรายได้รวม 5 – 6 แสนล้านบาท ส่วนของการท่องเที่ยวโดยคนไทย คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศ จะอยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้รวม 6.6 แสนล้านบาท ส่งผลให้รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1.3 – 1.8 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ดีแม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและภาคการท่องเที่ยวของไทยจะค่อย ๆ ปรับตัวดี แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะต้องเจอกับความท้าทายหลายอย่างในอนาคต ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย
ขณะเดียวกัน ประเทศที่เป็นประเทศปลายทางการท่องเที่ยวหลายประเทศเริ่มเปิดรับการเดินทางของ นักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมีทางเลือกที่จะตัดสินใจเดินทางไป ท่องเที่ยวที่ประเทศอื่น ๆ
ด้วยเหตุจำเป็นจากปัจจัยหลายอย่างที่บังคับ ทให้รัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางการประคองการท่องเที่ยวให้อยู่รอด แบบค่อย ๆ ฟื้น ค่อย ๆ โตไปให้ได้ในปีนี้
ล่าสุดในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ครั้งล่าสุด ที่มีนายกฯ “บิ๊กตู่” นั่งเป็นประธาน ก็ได้เคาะแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายหลังผ่อนปรนมาตรการผู้เดินทางเข้าประเทศ ไปเป็นที่เรียบร้อย
โดยตั้งเป้าหมายให้การท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวได้และบรรลุเป้าหมายของรายได้จากการท่องเที่ยวที่ประเมินไว้ในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 1.3 – 1.8 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยแนวทางสำคัญ ดังนี้
1.ขยายมาตรการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศผ่าน “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “ทัวร์เที่ยวไทย”
กรณีนี้ ได้รับการยืนยันล่าสุดจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ในการประชุมครม. สัปดาห์หน้า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอทั้ง 2 โครงการ ให้กับที่ประชุมครม.พิจารณาเห็นชอบแน่นอนเพื่อให้เริ่มต้นดำเนินโครงการได้ทันทีภายในเดือนมิ.ย. 2565 นี้
สำหรับการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 เป็นการต่อขยายโครงการรอบเดิมที่ยังมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะเปิดให้คนที่สนใจเข้าร่วมใช้สิทธิจำนวน 1.5 ล้านสิทธิ ระยะเวลาดำเนินโครงการสิ้นสุดเตรียมขยายไปถึงต.ค. 2565 และมีระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณถึงเดือนพ.ย. 2565 โดยเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้ดี เพราะในช่วงที่ผ่านมาโครงการนี้ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าร่วมใช้สิทธิโครงการจำนวนไม่น้อยทั้ง 4 เฟส
โครงการทัวร์เที่ยวไทย ปัจจุบันยังมีจำนวนสิทธิที่เหลืออยู่ 134,455 สิทธิ ซึ่งจะเปิดให้ผู้ที่สนใจเดินทางเที่ยวผ่านทัวร์ได้ซื้อแพ็คเกจทัวร์ท่องเที่ยว มีระยะเวลาดำเนินโครงการที่เตรียมขยายไปถึงต.ค. 2565 เช่นกัน และมีระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณถึงเดือนพ.ย. 2565 และเพื่อให้โครงการน่าสนใจมากขึ้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ททท. ไปหาทางปรับเงื่อนไข หลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทยใหม่ เพื่อให้มีผู้สนในเข้าร่วม ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการมากขึ้น รวมทั้งเพื่อป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นด้วย
2. การส่งเสริมการท่องเที่ยว ในปี 2565 – 2566
การส่งเสริมการท่องเที่ยว ในช่วง 2 ปีหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของตลาดดารท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ หน้าที่หลักที่ต้องไปจัดทำแผน คือ ททท. โดยล่าสุดได้จัดทำแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapter” ตั้งเป้าหมายการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ได้ตามเป้าหมาย และรักษาโมเมนตัวการเติมโตของการท่องเที่ยวเอาไว้ ซึ่งจะช่วยประคับประคองธุรกิจท่องเที่ยวให้อยู่รอดไปในคราวเดียวกันด้วย
3. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวใน พื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งเอาไว้ว่าคือ โครงการ “Unfolding Bangkok” มีกิจกรรมไฮไลท์ คือ การจัดกิจกรรมกระจายหลายพื้นที่ รองรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างสีสันแก่คนกรุงเทพฯ ในครึ่งหลังปี 2565ในพื้นที่ที่สำคัญ ทั้ง พื้นที่ Unseen พื้นที่ทางธุรกิจ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่างเช่น สถานีรถไฟหัวลำโพง และพื้นที่สวนสาธารณะ
รวมทั้งการลงทุนปรับปรุงโบสถ์และวิหารวัด Unseen ที่สวยงาม ให้น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติยิ่งขึ้นในระยะยาว ฃการนำเสนอวัฒนธรรมสมัยนิยมและศักยภาพ สร้างสรรค์ของประเทศ ในช่วงการประชุม APEC เดือนพ.ย. 2565 และการส่งเสริมการใช้ศักยภาพเด็กรุ่นใหม่ให้ทำงานสร้างสรรค์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ ได้แก่ กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ เช่น การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การ ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อสูงที่มองหากิจกรรมเชิงวัฒนธรรม
ทั้งนี้ ตัวอย่างกิจกรรม ที่สำคัญ อาทิ Sound of the city, Greeting Bangkok, Vivid Chaopraya และ Living Hualampong เป็นต้น ในเรื่องนี้นั้นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเพิ่มเติมให้ททท. ประสานกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอความร่วมมือในการจัดงานในโครงการ Unfolding Bangkok โดยเฉพาะ ในส่วนของแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมและศิลปะ
นอกจากนี้ “บิ๊กตู่” ยังมอบหมายให้ททท. พิจารณาคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ Sound of the city ให้ครอบคลุมวงดนตรีขนาดใหญ่และขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก่อนเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้ ททท. ทำเรื่องเสนอมายังครม. เพื่อจะได้จัดสรรงบกลาง ไปทำโครงการให้สำเร็จลุล่วงต่อไป
แต่อย่างไรก็ดีแผนนี้จะเป็นไปตามความตั้งใจหรือไม่ คงต้องมาติดตามกันดูว่าจะหมู่หรือจ่า!!!