สำรวจตลาดทัวร์เที่ยวเมืองนอก หลังหลายประเทศเริ่มเปิดเดินทาง
เอาล่ะหว่า… คนไทยขาเที่ยวหลายคนคงได้ตาลุกวาวกันไม่น้อย หลังได้ยินข่าวดีว่าหลาย ๆ ประเทศเริ่มประกาศเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ภายหลังปิดตายมานานกว่า 2 ปี ด้วยพิษของโรคระบาดร้ายทำลายปอดที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลก
บางประเทศทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวไปเป็นที่แล้วเรียบร้อย ส่วนอีกหลายประเทศก็เตรียมประกาศเปิดประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทย ทั้งเอเชีย และยุโรป
ตัวอย่างของประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว เริ่มจากประเทศฝั่งเอเชีย ไล่เรียงดังนี้
เกาหลีใต้ : ประเทศยอดนิยมของคนไทย ประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 เป็นต้นมา โดยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว แต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ หลังได้รับวัคซีนหลักครบโดสแล้วเกิน 180 วัน โดยข้อกำหนดนี้จะบังคับใช้กับผู้มาเยือนจากหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ไทย แคนาดา ออสเตรเลีย และอื่น ๆ
ทั้งนี้ต้องแสดงผล RT-PCR 48 ชม. ก่อนเดินทาง แต่ก็ยังจำกัดนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงบางประเทศที่ยังต้องมีมาตรการกักตัวเป็นเวลา 7 วัน เช่น ปากีสถาน อุซเบกิสถาน ยูเครน และเมียนมา แม้จะได้รับวัคซีนแล้วก็ตาม โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศต้องกรอกรายละเอียด เพื่อขออนุมัติเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ K-ETA ก่อนการเดินทาง
มาเลเซีย : ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ก็รับนักท่องเที่ยวเริ่มทำการเปิดชายแดนตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 เป็นต้นไปเช่นเดียวกัน สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบตามเกณฑ์โดยไม่มีการกักตัว และต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR 2 วันก่อนเดินทาง เมื่อมาถึงก็ต้องตรวจ ATK อีกครั้ง พร้อมกับต้องมีประกันสุขภาพวงเงิน MYR 100,000 ซึ่งก็สอดคล้องกับประเทศไทยที่เปิดให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาไทยผ่านทางชายแดนที่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลาด้วย
สิงคโปร์ : อีกหนึ่งประเทศที่คนไทยมักนิยมเดินทางไปเที่ยวใกล้ ๆ อาหารอร่อย และมีเมืองที่ทันสมัย โดยรัฐบาลสิงคโปร์ไฟเขียวเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนวันเดินทาง โดยเป็นชนิดที่ได้รับการรับรองโดย WHO และมีระยะห่างระหว่างโดสเป็นไปตามที่สิงคโปร์กำหนด สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้เลยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 เช่นเดียวกัน โดยตอนนี้ยังต้องเตรียมเอกสารยืนยันผลตรวจโควิด-19 ชนิด RT-PCR หรือ ART เป็นลบ ที่ออกโดยสถานพยาบาล ในระยะเวลาไม่เกิน 2 วัน ก่อนการเดินทางก่อนที่รัฐบาลจะประกาศยกเลิกเร็ว ๆ นี้
ส่วนประเทศ “ญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยิดนิยมอันดับหนึ่งของคนไทย ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ปรับปรุงข้อมูลยกเลิกการห้ามการเดินทางเข้าญี่ปุ่นจาก 106 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศปรับลดระดับคำเตือนการเดินทางไปต่างประเทศ จากเดิมระดับ 3 (แนะนำให้งดการเดินทาง) เป็นระดับ 2 (หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นและเร่งด่วน)
อย่างไรก็ดี มาตรการเข้าเมืองของญี่ปุ่นยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยผู้ที่เข้าข่ายสามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ยังคงเดิม คือเฉพาะ ชาวต่างชาติที่มีหนังสืออนุญาตเดินทางกลับญี่ปุ่นได้ (re-entry permit) กลุ่มผู้ที่ได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เช่น คู่สมรสของชาวญี่ปุ่น และผู้เดินทางเข้าใหม่ที่มีวัตถุประสงค์การเดินทางเพื่อธุรกิจและการศึกษา ซึ่งต้องยื่นขอรับการตรวจลงตราเท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถเดินทางเข้าได้
เช่นเดียวกับ “ประเทศจีน” ซึ่งตอนนี้กำลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิดอีกระลอกในหลายเมือง แน่นอนว่ารัฐบาลจีนยังไม่มีการประกาศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปยังประเทศจีนได้ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวจีนก็ยังไม่สามารถเดินทางออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศได้เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งยังใช้นโยบาย Zero COVID อย่างเข้มงวดโดยมีแนวโน้มว่าตลอดทั้งปีนี้จีนจะยังคงใช้มาตรการนี้ต่อไป
อีกอย่างในตอนนี้เมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ พบอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากจนทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ จึงทำให้การเปิดประเทศในระยะเวลาอันใกล้นี้น่าจะเป็นไปได้ยาก แต่อย่างไรก็ดีสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือของจีน ระบุว่า แม้จีนจะยังไม่เปิดประเทศ แต่ก็อาจปรับนโยบายใหม่โดยอาจคัดเลือกเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ที่มีการปลอดเชื้อ หรือมีการบริหารจัดการที่ดีทำเป้นแซนด์บ็อกซ์นำร่องการท่องเที่ยวด้วย แต่เรื่องนี้คงต้องติดตามกันในระยะต่อไปว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
มาดูทางฝั่งยุโรปกันบ้าง แม้หลายประเทศจะประกาศเปิดประเทศกันไปตั้งแต่ปีที่แล้วกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์เรื่องการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ก็อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวยุโรปของนักท่องเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศได้ เรามาลองดูข้อมูลอัพเดทกันว่า ในยุโรปมีประเทศไหนที่เปิดประเทศ และมีมาตรการผ่อนคลายกันบ้าง
สหราชอาณาจักร : เปิดประเทศรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เริ่มไปตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.2565 โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนในประเทศไทยบางชนิด จะได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องรับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 2 หลังเดินทางถึงอังกฤษ โดยจองและชำระเงินค่าตรวจได้ตั้งแต่ก่อนเดินทางกรอก Passenger Locator Form ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
เยอรมนี : ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 2565 เป็นต้นมา ผู้ที่เดินทางเข้าเยอรมนี ต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดครบโดส อย่างน้อย 14 วัน จึงจะสามารถเดินทางเข้าเพื่อการท่องเที่ยวได้ โดยวัคซีนที่ได้รับการอนุญาตคือ Moderna, AstraZeneca, Pfizer/BioNTech และ Johnson & Johnson, และจำเป็นต้องแสดงใบรับรองผลการตรวจเชื้อ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชม. หรือแบบ antigen test ไม่เกิน 48 ชม. ก่อนเดินทาง สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดให้แสดงหลักฐานการหายป่วยจากการติดเชื้อ ต้องเป็นผลการตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่มีอายุอย่างน้อย 28 วัน แต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน หากมีเอกสารรับรอง รวมถึงเป็นวัคซีนตามที่กำหนดก็สามารถท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ยกเว้นผู้ที่มาจากประเทศที่ในบัญชีเฝ้าระวังยังต้องกักตัวก่อน
กลุ่มสแกนดิเนเวีย : ทั้งประเทศสวีเดน เดนมาร์ค และฟินแลนด์ เปิดรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และต้องเตรียมเอกสารการเดินทางตามประกาศกำหนดการเดินทางเข้าประเทศในแต่ละประเทศให้ครบด้วย
มาดูทางฝั่ง “สหรัฐอเมริกา” กันบ้าง โดยได้เปิดรับนักท่องเที่ยวเดินทางไปตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ปัจจุบันมักเห็นนักท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะกลุ่มไฮโซ ดารา นักร้อง นักแสดง เดินทางไปเที่ยวสหรัฐฯกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเดินทางไปฉีดวัคซีน หรือเรียกกันว่า “ทัวร์ฉีดวัคซีน” ก่อนหน้านี้ และการเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน ซึ่งสหรัฐฯ เองได้เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนทั้ง Moderna, AstraZeneca, Covishield, Pfizer/BioNTech, Johnson & Johnson, Sinopharm และ Sinovac ครบโดสอย่างน้อย 14 วัน สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้แบบไม่กักตัว
ขณะที่ “ออสเตรเลีย” ก็เป็นอีกหนึ่งประเทซขวัญใจที่คนไทยนิยมเดินทางไปไม่น้อย ใครที่ฉีดวัคซีนครบ เดินทางไปดูจิงโจ้ โคอาล่า ได้เลยแบบไม่ต้องถูกกักตัว ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.2565 เป็นต้นมา แต่ก็ต้องดูว่าบางรัฐยังมีข้อกำหนดอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนการเดินทางไปออสเตรเลีย ก็ต้องแสดงหลักฐานวัคซีนพาสปอร์ต ก่อนเดินทางแสดงผล ATK หรือ RT-PCR ก่อนเดินทาง 24 ชม. และเมือมาถึงก็ตรวจ ATK ภายใน 24 ชม. จากนั้นก็เดินทางท่องเที่ยวได้
ด้วยสถานการณ์การเปิดประเทศของหลาย ๆ ประเทศดังตัวอย่างข้างต้น แน่นอนว่า ขณะนี้ในฝั่งของ ผู้ประกอบการทัวร์เอาท์บาวด์ หรือบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศในไทย เริ่มประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์กันอย่างหนาตา และก็เริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงกรุ๊ปเล็ก ๆ เพราะการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศช่วงนี้ยังมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เพราะจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการตรวจ ATK หรือ RT-PCR เช่นเดียวกับการเดินทางมาถึงไทยก็ต้องมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง รวมทั้งค่าที่พักอีก 1 คืนด้วย
แต่อย่างไรก็ดีแม้ขณะนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้น สำหรับการฟื้นตัวของธุรกิจทัวร์เที่ยวเมืองนอก แต่นับจากนี้เป้นต้นไป ก็ยังต้องเฝ้าระวังการระบาดของไวรัสในระลอกใหม่ ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยเหนือการควบคุม เช่นเดียวกับปัญหาความมั่นคงในระดับโลก ที่ยากเกินคาดเดา ทั้งหมดนี้เป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการต้องติดตามแบบตาไม่ต้องกระพริบกันเลยทีเดียว