เปิดใจ สกลธี ภัททิยกุล “ผมมีพลังเหลือ เพื่อทำงาน”

สกลธี ภัททิยกุล วัย 44 ปี โบกมือลาตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. เพื่อลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.
สกลธี ภัททิยกุล เปิดใจถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลงผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ว่า ส่วนตัวเคยเป็นทั้ง ส.ส.เขต และรองผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร จึงได้ทำงานทั้งในส่วนฝ่ายนิติบัญญัติและงานบริหาร และเห็นว่าตอนเป็นรองผู้ว่าฯกรุงเทพนั้น ด้วยตำแหน่ง จะไม่สามารถดูแลคนกรุงเทพในภาพรวมได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันก็มีหลายอย่างที่อยากทำ แต่ไม่ได้ทำ ดังนั้นจึงมีความคิดที่อยากจะนำนโยบายของตัวเอง มาขับเคลื่อนให้ได้อย่างเต็มที่
“ปัญหาภาพรวมของกรุงเทพมีความจุกจิกมาก ไม่ว่าจะเป็น ขยะ ไฟส่องสว่าง ปัญหาการจราจร ปัญหาทางเท้า คล้ายกับปัญหาเมืองใหญ่ทั่วโลก” สกลธี ในฐานะอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

นโยบายหนึ่งที่น่าสนใจของ “สกลธี” คือพัฒนาการเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ ราง เรือ เขา
บอกว่า กรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองใหญ่ หลีกเลี่ยงปัญหารถติดไม่ได้ ขณะเดียวกัน ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ไม่สามารถแก้ไขปัญหาคนเดียวได้อย่างเบ็ดเสร็จ
เขาว่า สิ่งสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้คนใช้รถบนถนนน้อยลงและหันมาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น จึงเป็นที่มาของนโยบายเชื่อมต่อการขนส่งจราจรแบบล้อ ราง เรือ โดยเชื่อมต่อการบริการขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงคนกรุงเทพมากขึ้น สะดวกขึ้น มีทางเลือกขึ้น
สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ มีผู้สมัครจำนวนมาก แต่ละคนล้วนมีชื่อเสียงและผลงาน โดย “สกลธี” มองการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีผู้ลงแข่งมากที่สุด และว่าที่ผู้สมัครทุกคนล้วนมีคุณสมบัติโดดเด่นกันทุกคน
“แต่ส่วนตัวคิดว่ามีข้อดีตรงที่เคยมีประสบการณ์ทำงานใน กทม.มาก่อน ทำให้มองเห็นปัญหาและรู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ผมว่าผู้สมัครมีน้อยมากที่จะรู้ปัญหาของกรุงเทพฯเท่าผม และผมว่าอีกข้อได้เปรียบของผมคือ ด้วยวัยและอายุ ยังเป็นวัยที่มีพลังเหลือในการทำงาน สไตล์การทำงานของผมนั้นมักจะลงไปในพื้นที่บ่อยๆ นโยบายจึงมาจากการพบปัญหาในพื้นที่“

สกลธี กล่าวว่า นโยบายของเขาเป็นนโยบายที่เชื่อว่าสามารถทำได้จริง ภายในเวลา 4 ปี ไม่ใช่นโยบายสวนหรู เพราะบางครั้งนโยบายที่สวยหรูเกินไป อาจทำไม่ได้จริง ซึ่งบางคนไม่เคยบริหารก็จะไม่รู้ว่าขอบเขตที่ผู้ว่าฯสามารถทำได้นั้น มีอยู่แค่ไหน
สกลธี เคยเป็นหนึ่งใน 4 ทหารเสือ กปปส. หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกโจมตีในประเด็นการเมือง
เขา พูดถึงกรณีนี้ว่า “ผมโดนถามบ่อยมากในเรื่องนี้ ซึ่งผมยอมรับความเป็นจริง ผมมั่นใจและภูมิใจที่เคยดำเนินกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่ม กปปส.มาก่อน เพราะผมเชื่อเหมือนคนกว่าล้านคนช่วงนั้น ว่าสิ่งที่เราคิดมันถูกต้อง และหลายอย่างก็ได้ตอบคำถามเหล่านี้มาแล้ว”
เขา ทิ้งท้ายว่า แต่เมื่อมาทำหน้าที่บริหาร ก็ต้องมองไปข้างหน้า และไม่ได้คิดว่าจะเอาใจเฉพาะคนที่มีความคิดเห็นเหมือนกับเรา ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนใจคนที่มองเราแบบใดแบบหนึ่งได้
“แต่สำหรับผม อดีตที่เคยทำมาเป็นสิ่งที่ภูมิใจและไม่คิดที่จะปิดบัง“
