“ภูมิใจไทย” กุมชะตารัฐบาล
กรณีที่ 7 รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย นำโดย เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอยคอตการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 8 ก.พ. เพื่อแสดงความคัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับการขยายสัปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แสดงให้เห็นว่า พรรคภูมิใจไทยนั้น “มีพลัง” พร้อมที่จะหักกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม.ได้ทุกเมื่อ หากเห็นว่าสมควร
ต้องยอมรับว่าการที่ 7 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย บอยคอตการประชุม ครม.ครั้งหน้า ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสียหน้าที่ใช่น้อย เพราะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ ครม.ประท้วงด้วยการที่ไม่เข้าร่วมประชุมมากมายขนาดนี้ และการที่พรรคภูมิใจไทย ไม่เข้าร่วมประชุมครั้งนั้น จึงเกิดคำถามถึงความมั่นคงของรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองว่าไม่มีความมั่นคงในช่วงเวลานี้ ประกอบด้วย
1)พรรคพลังประชารัฐส่อแตก พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุบ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ เกิดความระส่ำอย่างหนัก หลังจากกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แยกออกมาตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสนับสนุนรัฐบาลนี้มากน้อยแค่ไหน
ขณะที่ภายในพรรคเองเกิดความไม่ลงตัวอย่างมาก โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมลุยเลือกตั้งครั้งใหม่ เรียกว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีความพร้อมเลย เพราะคนที่เคยเตรียมการเรื่องนี้ไว้สำหรับพรรคพลังประชารัฐ นั้นก็คือ ร.อ.ธรรมนัส ที่ถูกขับออกจากพรรคไปแล้ว
2)เสียงในสภา โดยการที่สภาล่มบ่อยๆ เป็นสัญญาณเตือนว่า เสียง ส.ส.ในสภาที่สนับสนุนรัฐบาลนั้น เกิดความไม่แน่นอน โดยความไม่แน่นอนนี้จะส่งผลอย่างยิ่งเมื่อต้องพิจารณากฎหมายสำคัญ ซึ่งหากเสียงของรัฐบาลไม่เพียงพอ กฎหมายย่อมตกไปและรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภา
3) “บิ๊กตู่” อาจไม่รอดซักฟอก ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางในเมื่อเปิดการประชุมสภาอีกครั้งในช่วงเดือน พ.ค. มองกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่รอดศึกการอภิปรายในครั้งนี้ จากหลายปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่สนับสนุน หรือเกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค อาจจับมือกับฝ่ายค้าน เปลี่ยนขั้วทางการเมือง
หลัง 7 รัฐมนตรีภูมิใจไทย ไม่เข้าร่วมประชุม ทำให้พรรคภูมิไทย เป็นฝ่ายที่ต้องกุมชะตาของรัฐบาลนี้เลยก็ว่าได้ นั่นเพราะหากพรรคภูมิไทย ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทุกอย่างก็จบ รัฐบาลจะเดินหน้าไม่ได้ แต่หากพรรคภูมิใจไทย ยังยืนยันจะสนับสนุนรัฐบาลต่อไป พรรคภูมิไทย ต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ
เมื่อไม่นานมานี้ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวระหว่างลงพื้นที่ว่า “ผมเชื่อมั่นว่า พ.ร.บ.กัญชงกัญชา ที่อยู่ระหว่างการเสนอให้สภาพิจารณาออกกฎหมาย จะต้องผ่านขั้นตอนตามกระบวนการอย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่สำคัญตนขอประกาศจุดยืนในนามตัวแทนพรรคภูมิใจไทย ว่า หากรัฐบาลชุดนี้ไม่เห็นชอบกับกฎหมายปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ หรือไม่มีการพิจารณา พ.ร.บ.กัญชงกัญชา ทำให้การขับเคลื่อนไม่เดินหน้า ขอประกาศจุดยืนว่าพรรคภูมิใจไทยรวมถึงตน จะขอถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลทันที เพราะถือว่าไม่เห็นประโยชน์ของประชาชน”
ปัจจัยภูมิใจไทย มีความเป็นต่อเพราะ
1)พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง ทำให้มีความสำคัญมากในการจัดตั้งรัฐบาล เช่น พรรคพลังประชารัฐ จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้หากไม่มีพรรคภูมิใจไทย เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ต่อเมื่อมีพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย
2)ภูมิใจไทยดูดเก่ง พรรคภูมิไทยมี ส.ส.จากต่างพรรคเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ ส.ส.ใหม่ 3 คนที่แยกออกมาจากกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส คือ นายเอกราช ช่างเหล่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวัฒนา ช่างเหล่า ส.ส.ข่อนแก่น และนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.โคราช
3)ภูมิใจไทยเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง มาเป็ยอย่างดี ย้อนกลับไปวันที่ 9 ก.พ.หลัง 7 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย บอยคอตการประชุม ครม. ส.ส.ท่านหนึ่งของพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมเลือกตั้งใหม่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ว่ากันว่าพรรคภูมิใจไทย มีความพยายามอย่างหนักในการดึงตัว ส.ส.และอดีต ส.ส.จากต่างพรรคเข้ามาอยู่ในพรรคของตนเอง โดยกลยุทธในการเลือกตั้งครั้งหน้าคือการเจาะ ส.ส.เขตให้ได้มากที่สุด