ปลุกคนไทยตื่นรู้ต่อต้านคอร์รัปชั่นยุค 4.0
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2019/05/7.jpg)
องค์กรสื่อต้านโกงจัดใหญ่ ดึงทุกภาคส่วนร่วมต้านทุกปมทุจริตแนะคนไทยพิจารณาพรรคการเมืองจากนโยบายแก้คอร์รัปชั่น ก่อนตัดสินใจกาบัตรเลือกตั้ง
“มหันตภัย…คอร์รัปชั่นยุค 4.0” หัวข้อสัมมนาของภาคีองค์กรเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ภายใต้การนำของโดย ดร.เอกชัย เหลืองสอาด นายกสมาคมฯ จัดขึ้น ณ อาคารพุทธวิชชาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา
งานนี้ได้รับเกียรติจาก พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ มาเป็นประธานเปิดงานเสวนา พร้อมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต และอดีตกรรมการ ป.ป.ช., นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ, พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เลขาธิการสมาคมภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาล เป็นต้น
![](https://www.aec10news.com/images/IMG_6469.jpg)
พล.อ.จรัล ระบุว่า การจัดงานของสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่นฯ และมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ถือว่าได้สร้างความรู้ความเข้าใจแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ให้ตระหนักถึงพิษภัยของการทุจริตที่สร้างความเสียหายให้กับสังคมและประเทศชาติ ซึ่งในรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 ระบุไว้ว่า เป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยต้องไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ การทุจริตจะลดน้อยลงได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยเริ่มจากตัวเรา ผู้ใหญ่จึงควรเป็นแบบอย่างที่ดี ปลุกจิตสำนึกการไม่ทุจริต สร้างค่านิยมการสุจริต ความซื่อสัตย์ และรู้จักหน้าที่ของตนเอง รวมถึงการมีส่วนร่วมของสังคม ก่อนที่จะไปสร้างเครือข่ายร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นต่อไป
ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ กล่าวปาฐกถาเรื่อง “มหันตภัย..คอร์รัปชั่นยุคเปลี่ยนผ่าน” ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยไม่เคยสอบผ่านในการจัดลำดับความโปร่งใส่ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขการคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง และสิ่งที่น่าเป็นห่วงนั่นก็คือ ผู้ที่ครองอำนาจมักจะแสวงหาอำนาจ และทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน จากการเลือกตั้ง จึงต้องจับตาดูนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ว่าสามารถป้องกันการทุจริตได้หรือไม่ และเล็งเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ทำงานเพื่อประเทศชาติประชาชนหรือไม่ เพราะปัญหาทุจริตทั่วโลกเกิดขึ้นจากการเข้าสู่อำนาจของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมเรียกร้องให้สังคมร่วมต่อต้านการทุจริตด้วยการไม่นิ่งเฉย โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาคนรุนใหม่ที่จะขึ้นมาบริหารขับเคลื่อนบ้านเมืองในอนาคตต้องไม่อดทนต่อคนโกง และต้องร่วมกันต่อต้านทุกรูปแบบ
ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนได้ฉายามือปราบโกงรัฐสภา ล่าสุดเพิ่งจับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และเลขานุการรัฐมนตรีเข้าคุก ซึ่งมีการติดตามข้อมูลการทุจริตโครงการจัดซื้อปุ๋ยปลอมตั้งแต่ปี 2545 ใช้เวลาสู้คดีนานถึง 16 ปีและศาลเพิ่งตัดสินจำคุกอดีตรัฐมนตรีคนดังกล่าวในปี 2561 ที่ผ่านมา
![](https://www.aec10news.com/images/IMG_6471.jpg)
“ขณะนี้ประเทศกำลังจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาจากการเลือกตั้ง สิ่งที่สำคัญเราต้องได้การเมืองสีขาว และจะสำเร็จได้อยู่ที่ประชาชน หากประชาชนเลือกคนดีมีความสามารถมาเป็นผู้แทน ได้สภาที่ดี ได้รัฐบาลที่ดี ดั่งพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราโชวาทไว้ว่า เราไม่สามารถทำให้คนดีเหมือนกันหมด แต่เราต้องส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง และขจัดคนไม่ดีไม่ให้เข้าสู่อำนาจ” นายอลงกรณ์ย้ำ
ขณะที่ พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ ย้ำว่า หากรัฐบาลบริหารบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล 6 ประการ คือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่าแล้ว เชื่อว่าการทุจริตจะไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มหลักความเกรงใจ เห็นได้จากข้าราชการต้องติดคุกเพราะเกรงใจนักการเมือง ส่วนนักการเมืองโกงเสร็จแล้วหนีไปหมด ดังนั้นเราจึงควรเกรงใจในสิ่งที่ต้องเกรงใจ และไม่ควรเกรงใจนักการเมืองที่มีส่วนในการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด
ถึงตรงนี้ คงได้เห็นพลังของทุกภาคส่วน ที่แม้จะรวมตัวกันแบบหลวมๆ แต่เพราะทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ คอร์รัปชั่นทุกประเภท…ต้องหมดไปจากสังคมไทยหรือเหลือให้น้อยที่สุด
ทั้งหมดจึงกลายเป็นพลังแห่งภาคีองค์กรเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างที่เห็นกัน
วันนี้…องค์กรสื่อมวลชนเริ่มขยับแล้ว องค์กรอื่นๆ ยังจะนิ่งเฉยกันได้อย่างไรกัน?