รู้จัก อุ๊งอิ๊ง – แพทองธาร ทายาทการเมือง ทักษิณ ชินวัตร
รู้จัก อุ๊งอิ๊ง – แพทองธาร ชินวัตร ทายาทการเมือง ทักษิณ ชินวัตร
อุ๊งอิ๊ง หรือ แพทองธาร ชินวัตร เป็นที่พูดถึงในวงกว้างหลังจากที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัวเธอในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ในการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ที่ จ.ข่อนแก่น เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา
เธอ ถูกคาดการณ์ว่าเป็นผู้ที่บิดา ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วางตัวไว้ให้เป็นทายาททางการเมือง โดยในพี่น้อง 3 คน อุ๊งอิ๊ง ถือเป็นคนแรก ที่ก้าวเข้าสู่สนามการเมือง และมีโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะเลือกให้เป็นแคนดิเคตนายกรัฐมนตรีในอนาคต หากกระแสยังดี
แพทองธาร ชินวัตร อายุ 35 ปี คุณแม่ลูก 1 ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย เป็นบุตรสาวคนสุดท้อง ของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยกับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร
เธอสำเร็จการการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย จากนั้นได้ศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2551 และศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ สาขาวิชา Msc International Hotel Management ที่ Surrey University
ชีวิตในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีนักสำหรับเธอ เพราะนั่นเป็นช่วงเวลาที่ ดร.ทักษิณ เจอกับข้อครหาทุจริตคอร์รัปชั่น ก่อนจะถูกรัฐประหาร ในวันที่ 19 ก.ย.2549 ขณะเดียวกับเธอยังเจอกับข้อครหาใช้เส้นเข้าเรียนจุฬาฯด้วยอีกต่างหาก
อุ๊งอิ๊ง เล่าช่วงชีวิตตอนนั้นในหนังสื่อ “คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียก…พ่อ” ตอนหนึ่งว่า “เรื่องทำร้ายจิตใจอิ๊งมีเยอะมากตอนเป็นนิสิตรัฐศาสตร์จุฬาฯ ครั้งหนึ่งอาจารย์พูดกระทบในห้อง ว่าพ่ออิ๊งเอาหวยบนดินขึ้นมาไม่ดี ตั้งใจว่าพ่อต่อหน้าลูก”
ความกดดันของชีวิตในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้ครั้งหนึ่ง คุณพ่อทักษิณ ต้องถามอุ๊งอิ๊งว่า จะลาออกไปเรียนเมืองนอกหรือไม่ แต่เธอยืนยันว่าจะเรียนให้กับที่จุฬาฯ
เธอ เล่าด้วยว่า “หลังปฏิวัติปี 49 เรียนปี 3 อิ๊งขอเลื่อนสอบทุกวิชามาสอบก่อนกำหนดสอบ แล้วไปพักที่อังกฤษ 1 เดือน กลับมาเรียนต่อปี 3 เทอมปลายจนจบ อย่างน้อยขอให้อิ๊งเรียนจบที่นี่ เมื่ออิ๊งเข้ามาได้แล้ว ให้อิ๊งได้พิสูจน์ตัวเองว่าอิ๊งจบจุฬาฯได้ อิ๊งโดนข่าวเยอะเหลือเกิน ให้อิ๊งเอาชนะตัวเองด้วย”
ปัจจุบัน “เธอ” เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และกรรมการมูลนิธิไทยคม
แพทองธาร ชินวัตร เปิดใจเมื่อลงเล่นในสนามการเมืองว่า “ดิฉันเองได้สัมผัสการเมืองมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ตอนนั้นคุณพ่อเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ หลังจากเลิกเรียนก็ไปรอท่านที่กระทรวง 9 ขวบ คุณพ่อก็ได้ไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม คุณพ่อก็พาดิฉันออกไปพบปะประชาชน ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้มีเวลากับท่านไปดูคอนเสิร์ตด้วย ผ่านมาอีก 2-3 ปีคุณพ่อได้ตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้น พาดิฉันออกไปหาเสียงตามที่ต่างๆ“
เธอ กล่าวถึง ดร.ทักษิณ ว่า ตลอดเวลาที่ดิฉันได้อยู่กับคุณพ่อ ดิฉันก็สงสัยว่าทำไมท่านทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ย่อท้อ จนวันนี้ได้เข้าใจว่า เวลาที่ท่านไปพบประชาชน ได้แบ่งเบาความทุกข์ของประชาชน นั่นคือพลังใจที่แท้จริงของท่าน ดิฉันจริงๆแล้วไม่เคยคิดและทุกวันนี้ก็ยังไม่คิดที่จะเป็นนักการเมือง เพียงแต่ว่าดิฉันอยากให้คนรุ่นใหม่มีโอกาส เพราะทุกวันนี้ภายใต้วิกฤตการเมืองแบบนี้ ทำให้เขามองไม่เห็นว่าอนาคตจะไปทางไหน ดิฉันคิดว่าพรรคเพื่อไทยอาจได้มีโอกาสเป็นพรรคการเมืองหลัก ได้มีโอกาสเข้ามาแก้ไขวิกฤตต่างๆของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตการเมือง สังคม
“ดิฉันอยากใช้ประสบการณ์ที่มีมาเข้ามาร่วมกับพรรคเพื่อไทยเพื่อพัฒนาโอกาสให้เด็กเด็กให้คนรุ่นใหม่ได้มีความหวังมีความฝันและทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ดิฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ในฐานะที่ปรึกษา ถึงแม้จะไม่ใช่นักการเมือง แต่ขอมุ่งมั่นตั้งไจทำงานด้วยใจจริงในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะลูกของคุณพ่อ ที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทย ที่ไม่เคยลืมท่านและท่านปรารถนาอย่างมากที่จะได้กลับมากลับแผ่นดินไทยอีกครั้งกลับมากราบผู้มีพระคุณ”