Disruption บีบองค์กร “เลย์ออฟ” แรงงานคน
ไม่ผิด! ถ้าองค์กรธุรกิจ จะ “เลย์ออฟ” พนักงาน และนำเทคโนโลยีรุ่นใหม่
มาทำงานแทนที่แรงงานคนเผยกรณีห้างค้าปลีกชื่อดัง รวมถึงบรรดาธนาคารพาณิชย์ชั้นนำและองค์กรขนาดใหญ่มากมายในไทย นำ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” มาใช้ ก่อนจะเบียดไล่คนในองค์กรออกไป นั่นเพราะพวกเขาต่างถูกแรงบีบของ Disruption ให้ต้องทำเช่นนั้น แล้วแรงงานคน…ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์นี้?
ท่ามกลางสภาวะ Disruption หรือที่หลายคนเรียกให้ดู “ซอฟท์” ลงว่าเป็น…ปรากฏการณ์ “ทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์” ต่อเนื่องจากพัฒนาการ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” ที่ก้าวล้ำไปข้างหน้าแบบไม่หยุดยั้ง ชนิดเปลี่ยนโลกในแบบนาทีต่อนาที
เมื่อโลกได้เข้าสู่ห้วงเวลา Digital Transformation ใครไม่เปลี่ยนแปลง หรือปรับตัวได้ไม่ทัน คงจะยืนอยู่และยืนหยัดอย่างยั่งยืนได้ยากยิ่ง และสุดท้าย…ก็จะล้มหายตายจากไปจากสารบบธุรกิจในสังคมโลกยุคใหม่ที่ว่านี้
หลายองค์กรธุรกิจ…ล้วนได้รับผลกระทบมาก-น้อย และหนัก-เบา ตามลักษณะของแต่ละองค์กร อันเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันข้างต้น แน่นอนผลกระทบขององค์กรย่อมส่งผลต่อไปยังคนในองค์กรอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ยิ่งอัตราเร่งและความเร็วของ “อินเตอร์เน็ต” มีมากเท่าใด…จากยุค 3G สู่ยุค 4G และยุค 5G โดยอาจจะ “มาก G” กว่านั้น ในอนาคตอันใกล้ ยิ่งจะเป็นทั้ง “สิ่งเร้า” และ“ตัวเร่ง” ต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมิอาจจะคาดเดาได้
วันนี้…หากองค์กรธุรกิจจะปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยการนำเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดมาใช้ โดยเฉพาะ…หุ่นยนต์, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือแม้แต่แอปพลิเคชั่นใหม่ๆ มาแทนที่คนในองค์กร กับบางตำแหน่ง ย่อมมิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด?
นั่นหมายความว่า…ก่อนหน้านี้และจากนี้ไป จะมีพนักงานหลายตำแหน่ง หลายอัตรา ที่ต้องถูกแทนที่โดยเทคโนโลยีรุ่นใหม่
ว่ากันว่า…กลุ่มคนและอาชีพที่มีความเสี่ยงมากสุด! ต่อการนำ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” มาทำงานแทนที่แรงงานคน ได้แก่…พนักงานหน้าร้าน, พนักงานต้อนรับ, พนักงานขาย, พนักงานบัญชีและการเงิน, พนักงานธนาคาร, คนทำบัญชี, ครู, คนขับรถแท็กซี่, นักข่าวนักเขียน โบรกเกอร์และนายหน้า ฯลฯ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพ…เกษตรกร ฯลฯ
ทั้งหมดอยู่ในข่ายที่จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ขึ้นกับว่า…จะเร็วหรือช้าขึ้นเท่านั้น
กับข่าวล่าสุดที่มีให้ได้ยิน ปม…บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ อย่าง…กลุ่มเทสโก้ โลตัส ที่ตอนนี้ได้ให้ออกและจ่ายเงินชดเชย จำนวน10 เดือน แก่พนักงานของตัวเอง จำนวน 1,767คน จาก19 สาขา เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สร้างสภาวะ “เสียขวัญ” อย่างมากต่อพนักงานเหล่านั้น
นอกจาก…กลุ่มแคชเชียร์ หรือพนักงานรับชำระค่าสินค้า ที่ตกเป็นเป้าหมาย “ให้ออก” ของห้างค้าปลีกชื่อดังรายนี้แล้ว ยังมี “ผู้บริหารระดับกลาง” ไม่ว่าจะเป็น… Director และ Manager ที่ตกอยู่ในข่าย “ลงเรือลำเดียวกัน”
และไม่ใช่เฉพาะแค่…กลุ่มเทสโก้ โลตัส เพราะแม้แต่กลุ่มบิ๊กซี ที่มีเครือไทยเบฟเวอร์เรจ (เบียร์ช้าง) ถือหุ้นใหญ่ในเมืองไทย ภายใต้ชื่อ “ทีซีซี กรุ๊ป” รวมถึงห้างค้าปลีกชั้นนำของไทย และอีกหลายธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ ต่างก็ต้องทำอย่างนี้เช่นกัน
มีคำยืนยันจากคนใน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด เจ้าของห้างเทสโก้ โลตัส ยืนยันว่า…นั่นเป็นเพียง “ล็อตแรก” เพราะยังมี “ล็อตต่อไป” ที่คาดหมายกันว่า…จะให้ออกพนักงานระลอกที่ 2 และระลอกต่อๆ ไป ตามมาอีก
กับตัวเลขเป้าหมายที่ลือกันให้แซ่ด! ถึงยอด “ให้ออก” สูงกว่า 5,500 คน นั่นเฉพาะในไทย ไม่รับรวมสาขาอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ขณะที่คู่แข่ง “ห้างค้าปลีกข้ามชาติ” อย่าง…กลุ่มบิ๊กซี ก็มีเสียงเร็ดรอดให้ได้ยินทำนองเดียวกัน กับเป้าหมาย “ให้ออก” พนักงานกว่า 4,500 คน
มีความเป็นไปได้ว่า…ตัวเลข “ให้ออก” ทั้งของ 2 ห้างค้าปลีกฯนี้ จะแล้วภายในปีหน้า หรืออย่างช้าต้องไม่เกินปี 2563
ถึงตรงนี้…คงไม่ใช่เรื่อง “ถูก-ผิด” กับการ “ให้ออก” พนักงานเป็นจำนวนมาก ของทั้ง…กลุ่มเทสโก้ โลตัส และกลุ่มบิ๊กซี รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ที่จะมีตามมาในอนาคตอันใกล้
เพราะเมื่อโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน องค์กรธุรกิจ…ก็จำต้องปรับเปลี่ยนให้เท่าทันกับสถานการณ์โลก
คนทำงานเอง…ก็ต้องปรับเปลี่ยน และยอมรับในชะตากรรมอันเกิดจากน้ำมือ Disruption ในยุคของ Digital Transformation ที่ว่านี้ให้ได้…
ยังมีอาชีพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน ให้ได้ศึกษาและเรียนรู้ แต่สิ่งสำคัญ…จะต้องคิดใคร่ครวญให้ดีว่าจะวางเข็มทิศและเลือกดำเนินชีวิตต่อไปในภายภาคหน้าอย่างไร
คิดอย่างมีสติ…เรียนรู้และปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันอย่างเท่าทัน และสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ…ต้องเลือกเดิน “ทางสายกลาง” หรือ “มัชฌิมาปฏิปทา” ไม่ซ้ายหรือขวามากเกินไป
แล้วเราจะอยู่กับ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” ได้อย่างมีความสุข.