คุยเรื่องใบกระท่อม กับคนในดงกระท่อม สัณหพจน์ สุขศรีเมือง
ที่ผ่านมา ยังไม่พบว่ากินใบกระท่อมแล้วสร้างความเสียหาย เช่น ขับรถชนกัน เมา ตีกัน แต่เชื่อมั่นว่าใบกระท่อม จะสามารถทำเงินและรายได้เสริมให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไทยได้เป็นอย่างดี
ผ่านสภาวาระ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม นำเสนอโดยกระทรวงยุติธรรม เพื่อรองรับการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 หลังจากนี้ใบกระท่อม ไม่ถือเป็นยาเสพติดอีกต่อไป
สำรวจตลาดพบว่า ณ ขณะนี้ การซื้อขายใบกระท่อม เป็นไปอย่างคึกคัก เพราะประชาชนเคี้ยวได้ ปลูกได้ ครอบครองได้ ขายได้เสรี ไม่ผิดกฎหมาย
เราคุยกับ “ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะเลขานุการ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันใบกระท่อมถูกกฎหมาย
ดร.สัณหพจน์ มีความยินดีที่ผลักดันร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อมสำเร็จ โดยถือเป็นความสำเร็จของคณะกรรมาธิการฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ที่ช่วยกันผลักดันเรื่องดังกล่าวจนสามารถปลดล็อคใบกระท่อมได้ อันจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ช่วยให้พี่น้องเกษตรกรชาวไทย สามารถทำการค้าขายเกี่ยวกับพืชกระท่อมได้อย่างเสรี
“เรื่องนี้จะส่งผลดีต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นยาเสพติดอยู่ ต้นกระท่อมถูกโค่นไปมาก ประชาชนบางส่วนก็แอบนำเข้า ทำให้ราคาสูง ถึงกิโลละกรัม 1,200 บาท ซึ่งมีผลกระทบต่อชนชั้นรากหญ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะชนชั้นกลางและชนชั้นสูง จะไม่บริโภคพืชกระท่อมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อได้รับการปลดล็อค ก็จะส่งผลดีต่อคนระดับรากหญ้าที่จะได้ใช้เพื่อประกอบอาชีพตามวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การทำสวน ทำนา ทำไร่ และยังเป็นยารักษาโรคตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ทั้งยังสามารถบำบัดผู้ป่วยที่ติดยาเสพติดได้ด้วย”
ดร.สัณหพจน์ พูดถึงสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อมว่า ออกมาเพื่อควบคุมการใช้ หรือการบริโภคของประชาชน โดยมีการจำกัดห้ามการใช้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตรใช้ และห้ามจำหน่ายในโรงเรียน สถานศึกษา วัด รวมถึงห้ามนำไปผสมกับสารเสพย์ติดอย่างอื่น เป็นต้น
ในกฎหมายยังได้ควบคุมการส่งออกและนำเข้า ส่วนการเพาะปลูกนั้น ประชาชนสามารถเพาะปลูกได้โดยไม่จำกัด อย่างไรก็ตาม ดร.สัณหพจน์ แนะนำให้ปลูกในปริมาณที่พอดี เพราะเมื่อพืชกระท่อมมีปริมาณมากจนเกินไป ราคาย่อมจะตกเป็นธรรมดา
“ตอนนี้บางคนเริ่มโค่นต้นยางพาราแล้ว ซึ่งก็ต้องดูด้วยว่าถ้าปลูกเยอะเกินไป จะมีผลกระทบอย่างไร”
สำหรับร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อมฉบับนี้ ยังมีข้อสังเกตไปยังกระทรวงสาธารณสุขด้วย โดยปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอาง ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ จากพืชกระท่อมได้อย่างเต็มที่ กระทรวงสาธารณสุข จึงสมควรที่จะแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ จากพืชกระท่อมเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอางได้ เรื่องนี้เป็นอุปสรรคในการค้าขายแบบชาวบ้าน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อมนั้น ให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส.ส่งเสริมและสนับสนุนการเพาะปลูก ทั้งที่อำนาจส่วนนี้ไม่ควรเป็นหน้าที่ของ ปปส.นั้น ดร.สัณหพจน์ กล่าวว่า อำนาจดังกล่าวตามกฎหมายเขียนไว้กว้างๆ แต่หน้าที่หลักในการส่งเสริมการเพาะปลูกยังเป็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนการส่งเสริมด้านการตลาดเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์
ภาคใต้มีพื้นที่ปลูกพืชกระท่อมจำนวนมาก ส.ส.นครศรีธรรมราช รายนี้ จึงกล่าวว่า ในฐานะ ส.ส. จะพยายามส่งเสริมการปลูกพืชกระท่อมเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรณ์
“ในพื้นที่ภาคใต้มีพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ในล่องสวนยางพารา สวนมะพร้าว ซึ่งสามารถปลูกเสริมได้ทันที การเพาะปลูกพืชกระท่อมนั้นดูแลง่าย ต้นทุนต่ำ มีตลาดรองรับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่เมื่อถึงวันหนึ่งหวังว่า อย่าให้เกษตรกรได้ขายใบกระท่อมในราคาที่ต่ำกว่า 200 บาทต่อกิโลกรัม“
ส่วนความกังวลว่าเด็กและเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี อาจแอบบริโภคใบกระท่อมนั้น ส.ส.ท่านนี้ เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง เพราะใบกระท่อมไม่ตอบโจทย์ของเด็กและเยาวชน ผู้บริโภคใบกระท่อมส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน
“ผมอยู่ในพื้นที่ที่ปลูกกระท่อมเยอะ เช่น อำเภอปากพนัง มีการปลูกกระท่อมเยอะมาก คือแอบปลูกไว้หลังบ้าน เด็กวัยรุ่นเขาไม่กิน คิดว่าอะไรก็ตามที่เปิดเผยเด็กวัยรุ่นจะไม่ค่อยชอบ แต่อันไหนที่แอบๆหลบๆซ่อนๆ เด็กจะชอบ เพราะกระท่อมมักได้รับความนิยมกับหมู่เกษตรกร ช่วยให้มีกำลังวังชาในการทำงาน“
ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ทิ้งท้ายว่า ขอให้ประชาชนปลูก กิน ใช้ในปริมาณที่พอดี ไม่ก่อให้จนเกิดผลกระทบต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ยังไม่พบว่ากินใบกระท่อมแล้วสร้างความเสียหาย เช่น ขับรถชนกัน เมา ตีกัน
แต่เชื่อมั่นว่าใบกระท่อม จะสามารถทำเงินและรายได้เสริมให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไทยได้เป็นอย่างดี